"ไอเอ็มเอฟ" ชื่นชมเศรษฐกิจไทย

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยหลังหารือกับนาย Markus H. Rodlauer รองผู้อำนวยการกรมเอเชียและแปซิฟิก และผู้แทนกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ว่า ไอเอ็มเอฟได้เดินทางมาพบหน่วยงานด้านเศรษฐกิจของประเทศไทย และหลายๆประเทศ โดยไอเอ็มเอฟชื่นชมที่เศรษฐกิจไทยมีทิศทางที่ดีขึ้น และเห็นด้วยกับนโยบายแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ สร้างความสมดุลระหว่างเศรษฐกิจในประเทศกับต่างประเทศ มีการเชื่อมโยงการส่งออกเศรษฐกิจท้องถิ่น ส่งเสริมอุตสาหกรรมแห่งอนาคต โครงการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก ฯลฯ

ทั้งนี้ ไอเอ็มเอฟตั้งข้อสังเกตว่า ประเทศไทยมีส่วนเกินของทุน (capital surplus) ในเงินทุนสำรองระหว่างประเทศจำนวนมาก โดยปัจจุบันมีเงินทุนสำรองระหว่างประเทศ 200,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือมากกว่า 10% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) เงินในส่วนนี้เมื่อมีมากเกินไป ส่งผลให้เงินบาทแข็งค่า กระทบต่อการส่งออก จึงเสนอว่าไทยควรนำเงินบางส่วนไปลงทุนเพื่อสร้างผลตอบแทนที่เพิ่มขึ้นแล้วนำผลตอบแทนที่ได้กลับมาจัดตั้งเป็นกองทุนดูแลผู้สูงอายุ หรือจัดสรรเป็นสวัสดิการดูแลผู้สูงอายุที่มีรายได้น้อย ตนได้แจ้งไอเอ็มเอฟว่าแนวคิดดังกล่าวต้องทำความเข้าใจกับประชาชน เพราะไทยไม่คุ้นเคยกับการนำเงินทุนสำรองระหว่างประเทศไปลงทุน แต่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้มีการศึกษาเรื่องนี้อยู่

“ผมได้ชี้แจงว่า คนไทยยังมีแนวคิดอนุรักษนิยม เกี่ยวกับเรื่องนี้เหมือนกับการลงทุนของกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.), กองทุนประกันสังคม ก็ลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงน้อย เรื่องนี้ต้องใช้เวลาทำความเข้าใจ แต่ก็ขอให้ไอเอ็มเอฟทำงานร่วมกับ ธปท.เพื่อให้เกิดความร่วมมือพัฒนาด้านการเงินของประเทศ เช่นเดียวกับที่ก่อนหน้านี้ ธนาคารโลกได้มาทำงานร่วมกับกระทรวงการคลัง”

ทั้งนี้ เรื่องการดูแลสวัสดิการสำหรับผู้สูงอายุ ได้มอบให้กระทรวงการคลังไปหาแนวทางจัดหางบประมาณเพิ่มเติมเข้ามา และต้องใช้ประโยชน์จากผู้สูงอายุ ที่มีกำลังซื้อมาช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจ เช่น เรื่องของท่องเที่ยว โดยในเร็วๆนี้จะมีมาตรการสนับสนุนการท่องเที่ยวของผู้สูงอายุ ที่จะเสนอเข้าสู่การประชุมคณะกรรมการนโยบายการท่องเที่ยวแห่งชาติ (ททช.) วันที่ 12 มี.ค.นี้.