นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังการหารือข้อราชการกับนายโทะชิฮิโระ โอกะวะ ผู้ว่าราชการจังหวัดฟุกุโอกะ และนายอะกิระ ฮิกุจิ ประธานสภาจังหวัดฟุกุโอกะ ในโอกาสนำคณะหน่วยราชการและนักธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) โรดโชว์จังหวัดฟุกุโอกะ ประเทศญี่ปุ่น ว่า ประเทศไทยต้องการเป็นหนึ่งในเส้นทางเชื่อมโยงการค้าการลงทุนอุตสาหกรรมไฮเทค (Silicon Sea Belt) ซึ่งมีจังหวัดฟุกุโอกะ เชื่อมโยงกับเซี่ยงไฮ้ ฮ่องกง และไต้หวัน ขณะเดียวกัน อยากเชิญชวนให้สถาบันการศึกษาและสถาบันวิจัยของฟุกุโอกะไปตั้งในประเทศไทยเพื่อร่วมมือกันทำการคิดค้นนวัตกรรมใหม่ทางด้านไบโอเทค หรือเทคโนโลยีชีวภาพ และไบโอ อีโคโนมี หรือเศรษฐกิจชีวภาพ โดยให้สถาบันนั้นไปตั้งอยู่ในพื้นที่ของระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) ที่เรียกว่า เขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซีไอ) โดยได้มอบหมายให้สำนักงานส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ไปคิด สิทธิประโยชน์ ที่จะให้กับทางญี่ปุ่น ในการนำสถาบันวิจัยของญี่ปุ่นไปปักหลักในอีอีซี
“การพบปะระหว่างรัฐบาลไทยและรัฐบาลญี่ปุ่นทำเป็นประจำอยู่แล้ว แต่จากนี้ไปผมต้องการกระชับความสัมพันธ์กับท้องถิ่นของญี่ปุ่นและเลือกจังหวัดฟุกุโอะกะเป็นแห่งแรก ทำไมต้องเป็นฟุกุโอกะ เพราะอยู่ในใจของผมมานานแล้ว เพราะจังหวัดนี้มีภาคอุตสาหกรรมสอดคล้องกับนโยบายไทยแลนด์ 4.0 มีทุกอุตสาหกรรมที่ประเทศไทยต้องการ ไม่ว่าจะเป็น อุตสาหกรรมรถยนต์ อุตสาหกรรมชีวภาพและอาหารขั้นสูง”
ขณะเดียวกัน จังหวัดฟุกุโอกะยังมีธุรกิจเอสเอ็มอีที่เข้มแข็ง และในอีกไม่ช้า บริษัทเอสเอ็มอีของญี่ปุ่น จะขยายการลงทุนออกไปยังต่างประเทศ จึงอยากให้พิจารณาไทยเป็นลำดับแรก ซึ่งการเชิญชวนเอกชนญี่ปุ่นไปลงทุนในไทยไม่ใช่เรื่องเกินกำลัง ลำพังธุรกิจเอสเอ็มอีไปลงทุนในต่างประเทศ ก็ย่อมจะไปลงทุนในประเทศที่มีคนญี่ปุ่นเยอะ แต่ที่ต้องมาขอความช่วยเหลือผู้ว่าราชการจังหวัดและประธานสภาจังหวัดฟุกุโอกะ เพราะต้องการเอาโมเดลของฟุกุโอกะไปใช้ในอีอีซี ซึ่งเมื่อ 15 ปีที่แล้ว ผมพาผู้ว่าราชการจังหวัด 70 คนมาจังหวัดโออิตะ เพื่อดูรูปแบบการพัฒนา และในปัจจุบันนี้ รัฐบาลไทยก็กำลังทำอยู่ ได้ใช้โมเดลของจังหวัดโออิตะในการพัฒนา การเกษตร ท่องเที่ยว และชุมชน นอกจากนั้น การเดินทางในครั้งนี้ ต้องการมาแจ้งว่าไทยจะมาตั้งสถานกงสุลใหญ่ที่จังหวัดฟูกูโอกะอย่างเป็นทางการ.