นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) สัญจร ที่ จ.จันทบุรี วันนี้ (6 ก.พ.) กระทรวงพาณิชย์ เตรียมเสนอพิจารณายุทธศาสตร์ผลไม้ เพื่อผลักดันให้ไทยเป็นชาติมหาอำนาจด้านการค้าผลไม้เมืองร้อนของโลก โดยมีแผนพัฒนาผลไม้เกรดพรีเมียม เช่น ทุเรียน, การทำตลาดให้กับผลไม้เกรดรอง เช่น ทุเรียน มังคุด, การพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เช่น ลำไยทอดสุญญากาศ, การพัฒนาช่องทางการจำหน่าย เป็นต้น
ด้านนายอุตตม สาวนายน รมว.อุตสาหกรรม กล่าวว่า จะเสนอให้ที่ประชุม ครม.พิจารณาโครงการระเบียงผลไม้ภาคตะวันออก (EFC) เพื่อเป็นตลาดกลางประมูลผลไม้คุณภาพสูง โดยจะใช้งบ 1,580 ล้านบาท จัดตั้งโครงการในนิคมอุตสาหกรรมสมาร์ท พาร์ค จ.ระยอง โดยตั้งเป้าหมาย EFC จะทำให้ภาคตะวันออกเป็นมหานครผลไม้ของโลกในปี 64 “การซื้อขายผลไม้ เกษตรกรมักตกลงราคาล่วงหน้ากับผู้ซื้อ และซื้อขายแบบยกสวน ทำให้ไม่สามารถต่อรองราคาได้ กระทรวงจึงต้องสร้างมาตรฐานระบบการซื้อขายให้เป็นสากล ซึ่งจะเกิดมูลค่าลงทุนและการซื้อขายผลไม้ในโครงการ ปีละ 51,931 ล้านบาท”
สำหรับรูปแบบดำเนินการ ได้นำระบบตลาดประมูลดอกไม้สดของเนเธอร์แลนด์มาประยุกต์ให้เป็นระบบตลาดประมูลซื้อขายผลไม้ คาดว่าชาวสวนจะมีรายได้เพิ่มขึ้น 2-3 เท่าจากปัจจุบัน ช่วยลดปัญหาผลผลิตขาดแคลน หรือล้นตลาด แก้ไขปัญหาราคาตกต่ำ มีมูลค่าส่งออกผลไม้สดและแปรรูปเพิ่มขึ้น และลดภาระงบประมาณในการอุดหนุนราคาสินค้าเกษตร
ขณะที่นายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวว่า กระทรวงได้จัดโครงการนำร่องเพื่อแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบสำหรับผู้มีรายได้น้อยใน จ.จันทบุรี โดยเตรียมส่งรายชื่อผู้มีรายได้น้อย ที่มีหนี้นอกระบบจากฐานข้อมูลโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐปี 60 ซึ่งมี 6,427 คน และมีมูลหนี้ 302.69 ล้านบาท หรือมีมูลหนี้เฉลี่ย 47,097 บาทต่อคน ส่งให้ธนาคารออมสิน และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เพื่อแก้ปัญหาแล้ว ส่วนนายอภิรมย์ สุขประเสริฐ ผู้จัดการ ธ.ก.ส. กล่าวว่า ธ.ก.ส. ได้ช่วยแก้ปัญหาหนี้นอกระบบให้กับเกษตรกร จ.จันทบุรีแล้ว 101 ราย จำนวนเงิน 24.43 ล้านบาท ด้วยการให้สินเชื่อแก้ไขหนี้นอกระบบ สินเชื่อเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายฉุกเฉิน และสินเชื่อเพื่อประกอบอาชีพเสริมเพิ่มรายได้.