นายธานินทร์ สมบูรณ์ อธิบดีกรมทางหลวง เปิดเผยภายหลังลงพื้นที่ตรวจความเสียหายของทางหลวงหลังจากที่เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ จ.สกลนครที่ผ่านมาว่า ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่กรมทางหลวงเร่งให้ความช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบภัยน้ำท่วมในเบื้องต้นโดยด่วนก่อน เช่น ขนย้ายสิ่งของ ทอดสะพานแบร์รีย์ในเส้นทางที่ถูกน้ำตัดขาดเพื่อให้รถสามารถสัญจรได้โดยทันที ได้แก่ บริเวณสะพานขาดที่บ้านห้วยทราย อ.เมือง จ.สกลนคร ถนนสกลนคร-อุดรธานี ใน ทล.22 ตอนสูงเนิน-ท่าแร่ ที่ กม.147+700 และทางหลวงหมายเลข 223 สกลนคร-นาแก สะพานห้วยตารอด กม.18 นอกจากนั้น
กรมทางหลวงยังได้นำเครื่องจักรพร้อมกำลังเจ้าหน้าที่เข้าปฏิบัติการเร่งระบายน้ำออกจากท่าอากาศยานให้สามารถเปิดบริการเที่ยวบินได้ภายในวันที่ 1 ส.ค.2560 รวมทั้งใช้หน่วย Falling Weight Deflectometer (FWD) จากสำนักวิเคราะห์และตรวจสอบ กรมทางหลวง เข้าทดสอบพื้นรันเวย์สนามบิน เพื่อทดสอบความแข็งแรงของโครงสร้างทาง ด้วยน้ำหนักตกกระแทกแล้วตรวจวัดการแอ่นตัวของผิวทาง ซึ่งผลการทดสอบแสดงว่าทางวิ่งและทางขับสนามบินสกลนครมีความแข็งแรงเพียงพอที่จะรองรับการขึ้นลงของเครื่องบินได้อย่างปลอดภัย
สำหรับผลกระทบที่เกิดขึ้นจากพายุเซินกา ของกรมทางหลวง ล่าสุด ได้สรุปประเภทความเสียหายไว้ 4 ประเภท คือ 1.สะพานขาด สะพานชำรุด 9 แผนงานใช้วงเงินกว่า 104,999,000 บาท 2.ดินสไลด์ คันทางสไลด์ 22 แผนงานใช้วงเงิน 265,085,000 บาท 3.อาคารระบายน้ำชำรุดเสียหาย 72 แผนงานใช้วงเงิน 844,295,000 บาท 4.โครงสร้างถนนชำรุด 57 แผนงานวงเงิน 913,699,000 บาท รวม 160 แผนงานงบประมาณ 2,128,078,000 บาท
โดยแบ่งเป็นแผนระยะสั้น ได้แก่ งานซ่อมแซมเพื่อให้จราจรผ่านได้ในเบื้องต้นหลังเกิดน้ำท่วม ได้จัดหาทางเลี่ยงทางลัด ทำทางเบี่ยง หรือทอดสะพานแบร์รีย์ งานระยะกลาง ได้แก่ งานที่บูรณะฟื้นฟูให้คืนสู่สภาพเดิม พร้อมทั้งทำการป้องกันโครงสร้างส่วนต่างๆ เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายลักษณะเดิมอีกในอนาคต ทั้งนี้ ประชาชนที่ต้องการสอบถามสภาพเส้นทางการจราจรบนถนนทางหลวงในเขตพื้นที่ประสบอุทกภัยต้องการความช่วยเหลือ หรือพบเหตุบนทางหลวง แจ้งได้สายด่วนกรมทางหลวง 1586.