ขึ้น VAT ปลดล็อกงบสวัสดิการสังคม สศช.ผวา!คนไทยหมดปัญญาผ่อนบ้านถูกยึดพุ่ง

Economics

Global Economics

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

Tag

ขึ้น VAT ปลดล็อกงบสวัสดิการสังคม สศช.ผวา!คนไทยหมดปัญญาผ่อนบ้านถูกยึดพุ่ง

Date Time: 25 พ.ย. 2568 06:00 น.

Summary

หนี้สาธารณะของไทยคาดว่าจะสูงถึง 12.2 ล้านล้านบาทในปี 2568 และ 15.3 ล้านล้านบาทในปี 2573

  • ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) เป็นฐานรายได้สำคัญของรัฐบาล แต่ไทยเก็บในอัตราต่ำเมื่อเทียบกับประเทศอื่น ๆ
  • สศช. ศึกษาบทเรียนการขึ้น VAT จากสิงคโปร์ ญี่ปุ่น สหราชอาณาจักร และโคลัมเบีย
  • การขึ้น VAT ที่มีประสิทธิภาพต้องค่อยเป็นค่อยไป มีระยะเวลาปรับตัว และมีมาตรการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย
  • จำนวนที่อยู่อาศัยที่ถูกยึดและขายทอดตลาดเพิ่มขึ้นอย่างมาก ซึ่งส่วนใหญ่ราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท

Latest

คลังชงครม.อนุมัติ “คนละครึ่งพลัส เฟส 2”

น.ส.อ้อนฟ้า เวชชาชีวะ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เปิดเผยว่า ไทยกำลังเผชิญแรงกดดันจากภาระสวัสดิการและสังคมสูงวัยที่เพิ่มขึ้น ขณะที่รายได้ภาษีเติบโตช้ากว่ารายจ่าย ส่งผลให้หนี้สาธารณะปี 68 คาดสูงถึง 12.2 ล้านล้านบาท หรือ 64.8% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) และจะพุ่งสู่ 15.3 ล้านล้านบาท หรือ 68.2% ในปี 73 หากไม่มีมาตรการเสริมสร้างรายได้อย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) เป็นฐานรายได้สำคัญที่สุดของรัฐบาล คิดเป็น 1 ใน 3 ของรายได้ภาษีทั้งหมด มีมูลค่าจัดเก็บ 992,829 ล้านบาท แต่ไทยเก็บ 7% มาตั้งแต่ปี 40 แม้กฎหมายกำหนด 10% ส่งผลให้ไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่เก็บ VAT ต่ำสุดในอาเซียน และต่ำกว่าค่าเฉลี่ยสมาชิกองค์การเพื่อความร่วมมือและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ (OECD) มาก ทำให้รัฐมีข้อจำกัดจัดสรรงบประมาณด้านสวัสดิการและการลงทุนในระยะยาว

ทั้งนี้ สศช.ได้ศึกษาบทเรียนการปรับขึ้นแวตของต่างประเทศ คือ สิงคโปร์ ญี่ปุ่น สหราชอาณาจักร และโคลัมเบีย ซึ่งสอดคล้องกับที่รัฐบาลเพิ่งอนุมัติแผนการคลังระยะปานกลาง ตามที่นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาส รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ที่ระบุถึงการขึ้น VAT จะต้องอยู่ในภาวะที่การบริโภคฟื้นตัวแท้จริง และไม่ใช่ในปัจจุบันนั้น พบว่า มี 4 องค์ประกอบร่วม ได้แก่ 1.กำหนดวัตถุประสงค์นำรายได้ไปใช้ 2.ปรับแบบค่อยเป็นค่อยไป 3.กำหนดช่วงเปลี่ยนผ่านล่วงหน้าให้ธุรกิจและประชาชนปรับตัว 4.ออกมาตรการชดเชยกลุ่มรายได้น้อยควบคู่

สำหรับสิงคโปร์ ใช้อัตราเดียว โดยทยอยขึ้นทีละ 1–2% ตั้งแต่ปี 61 และเสริมด้วยการบรรเทาผลกระทบ เช่น บัตรกำนัล GST เงินเข้าบัญชีสุขภาพ MediSave เงินช่วยค่าสาธารณูปโภค, ญี่ปุ่น ใช้ VAT 2 อัตรา คือ อัตราปกติ 10% และอัตราลดหย่อน 8% สำหรับสินค้าจำเป็น มีช่วงเปลี่ยนผ่าน และมีมาตรการช่วยเหลือ เช่น เงินคืน 2–5% สำหรับผู้ชำระผ่านอิเล็กทรอนิกส์ ช่วยค่าใช้จ่ายเด็กเล็กและเด็กแรกเกิด, สหราชอาณาจักร ประกาศล่วงหน้าครึ่งปีก่อนขึ้น VAT เป็น 20% ในปี 54 ขณะที่หลายประเทศ เพิ่มประสิทธิภาพจัดเก็บภาษี ควบคู่กับการขึ้น VAT เช่น ใช้ใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์, มาตรการป้องกันเลี่ยงภาษี

“บทเรียนต่างประเทศชี้ชัดว่า ขึ้น VAT ที่ได้ผลต้องทยอยขึ้น มีเวลาปรับตัว และต้องดูแลผู้มีรายได้น้อยไม่ใช่เพิ่มภาระประชาชน สำหรับไทย หากขึ้น 1% รัฐจะมีรายได้เพิ่ม 93,000 ล้านบาทต่อปี เพียงพอใช้ในโครงการ เช่น เบี้ยผู้สูงอายุ 91,000 ล้านบาท, บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 56,000 ล้านบาท และโครงการเด็กแรกเกิด–เด็กเล็ก 18,000 ล้านบาท แต่ VAT ไม่ใช่เรื่องเร่งรีบ ต้องเตรียมการล่วงหน้าอย่างรอบด้าน เพื่อให้ระบบสวัสดิการยั่งยืนในระยะยาว”

น.ส.อ้อนฟ้า กล่าวต่อถึงภาวะสังคมไทยไตรมาส 3/68 ว่า แม้หนี้ครัวเรือนไตรมาส 2 ปี 68 ที่ 16.31 ล้านล้านบาท ลดลงมาอยู่ที่ 86.8% ต่อ GDP จาก 87.1% ในไตรมาส 1 ตามการหดตัวของสินเชื่อสถาบันการเงิน แต่ข้อมูลศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ กลับพบว่า มีที่อยู่อาศัยที่ถูกยึดและขายทอดตลาด 67,641 หน่วย มูลค่ากว่า 120,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 210.1% ส่วนใหญ่ราคาไม่ถึง 1 ล้าน เพราะลูกหนี้ขาดความสามารถในการผ่อนต่อได้ หลังจากดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น และกลุ่มนี้ไม่ได้เข้าสู่กระบวนการรีไฟแนนซ์เพื่อลดดอกเบี้ย ดังนั้น จึงต้องเร่งช่วยเหลือลูกหนี้ก่อนเข้าสู่กระบวนการบังคับคดี เพื่อลดผลกระทบจากการสูญเสียที่อยู่อาศัย


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ