
นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ (18 พ.ย.) กระทรวงการคลังจะเสนอมาตรการคนละครึ่งพลัสเพิ่มเติม ซึ่งเป็นการเติมเงินให้กับพ่อค้าแม่ค้าในโครงการคนละครึ่งพลัส ที่เข้าร่วมโครงการพัฒนาความรู้ทักษะ (Upskill) หรือเรียนรู้ทักษะใหม่ (Reskill) เพื่อยกระดับศักยภาพร้านค้ารายย่อยให้สามารถปรับตัวสู่เศรษฐกิจดิจิทัลได้อย่างยั่งยืน ด้วยการเติมเงินให้รายละไม่เกิน 2,000 บาท เชื่อว่าจะช่วยสร้างเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โครงการคนละครึ่งพลัส ตั้งแต่วันที่ 29 ต.ค.- 17 พ.ย. 68 ณ เวลา 15.00 น. มีการใช้จ่ายแล้ว 42,960 ล้านบาท แบ่งเป็นรัฐร่วมจ่าย 21,188 ล้านบาท และประชาชนร่วมจ่าย 21,772 ล้านบาท มีร้านค้าเข้าร่วมโครงการ 940,700 ราย โดยประชาชนที่ได้รับสิทธิ ใช้สิทธิเต็มจำนวนแล้ว 883,104 ราย ทั้งนี้ ประชาชนที่ได้รับสิทธิ ต้องใช้สิทธิภายในวันที่ 31 ธ.ค. 68 เท่านั้น หากไม่ใช้สิทธิ เงินที่เหลือจะไม่สามารถใช้ได้ เพราะรัฐจะยุติการสนับสนุนทันที
ส่วนกรณีที่รัฐจะเติมเงินคนละครึ่งพลัส เฟส 2 นั้น กระทรวงการคลัง อยู่ระหว่างพิจารณารายละเอียด ว่าจะเติมเงินให้คนละเท่าไร ซึ่งพิจารณาจากแหล่งเงินที่นำมาใช้ เพราะไม่ได้จัดสรรงบประมาณล่วงหน้า แต่เบื้องต้นคาดว่า จะเติมเงินให้อีกไม่เกินคนละ 4,000 บาท ซึ่งจะจัดสรรตามสัดส่วนเดิม คือ ผู้เสียภาษี และผู้ไม่อยู่ในระบบภาษี เนื่องจากรัฐบาลต้องการให้ประชาชนเข้าสู่ระบบภาษี เพื่อสะดวกในการให้ความช่วยเหลือสวัสดิการรัฐในอนาคต
ด้านนายไชยชนก ชิดชอบ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) กล่าวว่า กระทรวงดีอีจะเสนอให้ครม.วันนี้ พิจารณาเห็นชอบไม่ให้หน่วยงานภาครัฐส่งเอสเอ็มเอสหรืออีเมล์แนบลิ้งค์โดยเด็ดขาด หลังจากที่พบว่า ยังมีหน่วยงานภาครัฐจำนวนหนึ่ง ส่งเอสเอ็มเอสแนบลิ้งค์ให้กับลูกค้าเพื่อความสะดวก ซึ่งอาจเปิดช่องทางให้อาชญากรรมทางเทคโนโลยีส่งลิ้งค์หลอกลวงให้ประชาชนคลิก และนำไปสู่ความเสียหายได้
“เมื่อออกเป็นข้อกำหนดชัดเจนว่าต่อไปนี้ หน่วยงานรัฐห้ามส่งเอสเอ็มเอสแนบลิ้งค์โดยเด็ดขาด ประชาชนจะได้ไม่ต้องสับสนอีกต่อไป หากพบมีลิ้งค์แนบในข้อมูลข่าวสารที่ส่งจากหน่วยงานภาครัฐ จะรับรู้ได้ทันทีว่าเป็นลิ้งค์ปลอม หลอกลวง หรือหวังผลในทางมิชอบแน่นอน เชื่อว่า การเริ่มต้นจากภาครัฐ จะนำไปสู่มาตรฐานที่ยกระดับขึ้นในหน่วยงานอื่นๆ ต่อไป”