
กระทรวงการคลังและ ธปท. เสนอโครงการแก้หนี้เสียเข้า ครม. เพื่อเริ่มปีหน้า
วันนี้ (11 พ.ย.) กระทรวงการคลัง และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะเสนอ “โครงการแก้ปัญหาหนี้เสียผ่านกลไกการซื้อหนี้รายย่อยของบริษัทบริหารสินทรัพย์ (AMC)” เข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อจะเริ่มดำเนินการในต้นปีหน้าที่จะถึงนี้
โดยหลักการคร่าวๆ คือ อนุมัติให้นำเงินนำส่งในส่วนที่ทางการลดการเก็บเข้ากองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ 0.23% ไปให้บริษัทบริหารสินทรัพย์สุขุมวิท จำกัด (SAM) และบริษัท บริหารสินทรัพย์อารีย์ จำกัด (Ari-AMC) ช่วยกันซื้อหนี้เสีย หรือหนี้ที่ขาดส่งเกิน 90 วัน ที่ไม่มีหลักประกัน จากสถาบันการเงิน และนอนแบงก์
เพื่อวัตถุประสงค์ 2 เรื่อง คือ ช่วยให้ลูกหนี้เสียที่เคยไม่มีทางออกในการแก้หนี้ ให้สามารถกลับเข้ามาแก้หนี้ได้ในเงื่อนไขที่ผ่อนปรนมากขึ้น และต้องการลดสัดส่วนหนี้ครัวเรือนต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ของไทยให้ต่ำกว่า 80% จากสัดส่วนหนี้ครัวเรือนไทยที่ 16.3 ล้านล้านบาท หรือ 86.8% ต่อจีดีพี ในปัจจุบัน
ยังไม่รวมแนวทางการซื้อหนี้เสียออกจากนอนแบงก์ที่ไม่ได้อยู่ในระบบ และการตั้งร่วมทุน AMC ใหม่ๆ เพื่อซื้อหนี้เสียในส่วนอื่นๆ ออกจากระบบการเงินไทย ซึ่งจะช่วยลดหนี้ครัวเรือนลงได้อีกระดับหนึ่ง
อย่างไรก็ตาม ปัญหาหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูงมาก ไม่ได้เป็นปัญหาของประเทศไทยประเทศเดียว แต่จากเศรษฐกิจที่ซบเซามาตั้งแต่ช่วงโควิด ทำให้หนี้ครัวเรือนของหลายๆประเทศในโลกปรับสูงขึ้น
โดยล่าสุดธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) สาขานิวยอร์ก รายงานว่า หนี้ครัวเรือน “ของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 18.6 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือกว่า 600 ล้านล้านบาท ในไตรมาส 3 ปีนี้ เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้า 63 ล้านล้านบาท ที่น่าจับตาคือ กลุ่มที่ค้างชำระหนี้เป็นกลุ่มเด็กรุ่นใหม่ โดยเฉพาะหนี้กู้ยืมเพื่อการศึกษา
ขณะที่หนี้ครัวเรือนของประเทศจีน ในเดือนมกราคม 2568 อยู่ที่ประมาณ 11.5 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 368 ล้านล้านบาท และการผิดนัดชำระหนี้ และการเพิ่มขึ้นของหนี้เสีย ก็ถือเป็นปัญหาหนักของจีนเช่นกัน โดยประชากรวัยทำงานเป็นกลุ่มที่ผิดนัดชำระหนี้มากที่สุด
ส่วน 5 อันดับประเทศที่มีหนี้ครัวเรือนสูงที่สุด ซึ่งมีตัวเลขล่าสุด ่ในปี 2566 ที่ผ่านมา พบว่า สวิตเซอร์แลนด์ มีหนี้ครัวเรือนอยู่ 128% ของจีดีพี ออสเตรเลีย 111% ของจีดีพี แคนาดา 103% ของจีดีพี เกาหลีใต้ อยู่ที่ 102% ของจีดีพี และฮ่องกง อยู่ที่ 96% ของจีดีพี และทุกประเทศกำลังกังวลกับปัญหาการผิดนัดชำระหนี้ที่เพิ่มขึ้น
ทั้งหมดนี้ แสดงให้เห็นว่า ปัญหาคนแบกหนี้จนอ่วม กำลังบั่นทอนเศรษฐกิจของโลกอย่างเห็นได้ชัด แต่มากกว่าความพยายามในการลดหนี้ครัวเรือนของทุกประเทศ สิ่งที่สำคัญกว่า คือ ทำอย่างไรให้คนที่มีหนี้อยู่ในขณะนี้มีกำลังเพียงพอที่จะส่งหนี้ได้ ไม่กลายเป็นหนี้เสียซ้ำซาก ปรับโครงสร้างหนี้แล้วแต่กลับมาเป็นหนี้เสียใหม่ หรือกลายเป็นสังคมที่มีคนเบี้ยวหนี้เกลื่อนเมือง.
มิสเตอร์พี
คลิกอ่านคอลัมน์ “กระจก 8 หน้า” เพิ่มเติม