กรมทรัพย์สินทางปัญญา แนะป้องกันต่างชาติ“เคลม”ไทย เจ้าของภูมิปัญญาท้องถิ่นต้องบันทึกข้อมูลให้ชัด

Economics

Global Economics

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

Tag

กรมทรัพย์สินทางปัญญา แนะป้องกันต่างชาติ“เคลม”ไทย เจ้าของภูมิปัญญาท้องถิ่นต้องบันทึกข้อมูลให้ชัด

Date Time: 23 ต.ค. 2568 08:00 น.

Summary

กรมทรัพย์สินทางปัญญา แนะชุมชนท้องถิ่น จดบันทึกเก็บข้อมูล “ภูมิปัญญาท้องถิ่น” ป้องกันต่างชาติเคลมเอาเป็นของตน พร้อมเดินหน้า “IP 4 All” รับนโยบาย Quick Big Win รัฐบาล

Latest

ขึ้น VAT ปลดล็อกงบสวัสดิการสังคม สศช.ผวา!คนไทยหมดปัญญาผ่อนบ้านถูกยึดพุ่ง

นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา ให้สัมภาษณ์ “หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ถึงการคุ้มครองภูมิปัญญาท้องถิ่นไทย ว่า การปกป้องคุ้มครองภูมิปัญญาท้องถิ่นไทย (TK) ที่เป็นองค์ความรู้ ประสบการณ์ และทักษะที่เกิดจากการสั่งสมของคนในท้องถิ่น สืบทอดจากรุ่นสู่รุ่น ซึ่งมีหลากหลายด้าน เช่น แพทย์แผนไทย ศิลปะวัฒนธรรมพื้นบ้าน เกษตรกรรม ฯลฯ เกี่ยวข้องกับหลายหน่วยงาน เช่น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สาธารณสุข ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม วัฒนธรรม พาณิชย์ เป็นต้น จึงอาจได้รับความคุ้มครองแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับรูปแบบของภูมิปัญญาท้องถิ่น และขอบเขตของกฎหมาย

แนะชุมชนทำหลักฐานชัดเจน

ทั้งนี้ แบ่งการคุ้มครองเป็น 2 ลักษณะ คือ 1.คุ้มครองโดยกฎหมายเฉพาะ เช่น พร.บ.ส่งเสริมและรักษามรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม พ.ศ. 2559 ของกรมส่งเสริมวัฒนธรรม, พร.บ.คุ้มครองและส่งเสริมภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก พ.ศ. 2542 ของกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก, พ.ร.บ.คุ้มครองพันธุ์พืช พ.ศ. 2542 ของกรมวิชาการเกษตร

และ 2.คุ้มครองทางอ้อมโดยกฎหมายทรัพย์สินทางปัญญา เช่น ใช้กฎหมายคุ้มครองสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) ที่แม้การขึ้นทะเบียน GI ผ้าไหมแพรวากาฬสินธุ์ มิได้คุ้มครององค์ความรู้ในการทอ หรือลวดลายผ้า ซึ่งเป็นภูมิปัญญา หรือศิลปะะวัฒนธรรมพื้นบ้าน แต่ก็คุ้มครองชื่อแหล่งภูมิศาสตร์ เพื่อไม่ให้ชุมชนอื่น เอาชื่อไปใช้ประโยชน์อย่างไม่ถูกต้อง

“เพื่อไม่ให้ต่างชาติอ้างสิทธิ หรือเคลมภูมิปัญญาท้องถิ่นไทยได้ สิ่งที่ควรทำ คือ ชุมชนที่เป็นเจ้าของ ควรจดบันทึก จัดเก็บข้อมูล จัดนิทรรศการหรือจัดงานสืบสานภูมิปัญญา และทำสำเนาหลักฐาน ให้ชัดเจน หากมีการอ้างสิทธิ์ จะได้ใช้เป็นหลักฐานว่าสิทธินั้นเป็นของไทย รวมถึงผลักดันการขึ้นทะเบียนมรดกทางวัฒนธรรมในระดับชาติผ่านกระทรวงวัฒนธรรม และผลักดันขึ้นทะเบียนมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ต่อยูเนสโก เป็นต้น”

WIPO รุกปกป้องภูมิปัญญาท้องถิ่น

นางอรมน กล่าวอีกว่า ส่วนการคุ้มครองในเวทีนานาชาตินั้น ช่วงเดือนพ.ค.67 สมาชิกองค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลก (WIPO) ได้บรรลุการเจรจาจัดทำสนธิสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยทรัพย์สินทางปัญญา ทรัพยากรพันธุกรรม และภูมิปัญญาท้องถิ่นที่เกี่ยวกับทรัพยากรพันธุกรรม หลังเจรจากว่า 20 ปี โดยกำหนดให้ผู้ยื่นขอจดสิทธิบัตรสิ่งประดิษฐ์ ที่นำทรัพยากรพันธุกรรม ทั้งในพืชสมุนไพร พืชเกษตร และพันธุ์สัตว์ ไปใช้ ต้องเปิดเผยแหล่งที่มา เช่น ประเทศต้นกำเนิด หรือหากใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่นที่เกี่ยวข้องกับทรัพยากรพันธุกรรม ก็ต้องเปิดเผยชนพื้นเมือง ชุมชนท้องถิ่น หากไม่แจ้ง จะมีบทลงโทษ มีมาตรการเยียวยาเจ้าของ และเพิกถอนสิทธิบัตรได้

“สนธิสัญญาฯ ที่มีผลทางกฎหมาย จะช่วยป้องกันการนำทรัพยากรพันธุกรรม และภูมิปัญญาที่เกี่ยวข้องของไทย ไปหาประโยชน์อย่างไม่เหมาะสม หรือไม่ได้รับอนุญาต เพราะไทยมีความหลากหลายทางชีวภาพ ทั้งพืชสมุนไพร พืชเกษตร พันธุ์สัตว์ ที่สามารถนำไปต่อยอดนวัตกรรมในอุตสาหกรรมต่างๆ ได้ ทั้งยา เครื่องสำอาง อาหาร ฯลฯ และมีชุมชนท้องถิ่นที่เป็นเจ้าของอยู่มาก อีกทั้งยังช่วยสร้างความเป็นธรรมในการแบ่งปันผลประโยชน์ระหว่างเจ้าของ และผู้ใช้ รวมทั้งปกป้องสิทธิชุมชนเจ้าของด้วย”

นอกจากนี้ WIPO ยังเดินหน้าคุ้มครองภูมิปัญญาท้องถิ่น และการแสดงออกทางวัฒนธรรมดั้งเดิม (TCEs) ต่อเนื่อง ล่าสุด เดือนมี.ค.68 ได้ประชุมคณะกรรมการร่วมระหว่างรัฐว่าด้วยทรัพย์สินทางปัญญา ทรัพยากรพันธุกรรม ภูมิปัญญาท้องถิ่น และการแสดงออกทางวัฒนธรรมดั้งเดิม (WIPO IGC) ครั้งที่ 51 โดยได้หารือในหลายประเด็น เช่น หามาตรการคุ้มครอง TK และ TCEs, ขยายขอบเขตคุ้มครองให้ครอบคลุมบุคคล ที่ไม่ได้อยู่ในกลุ่มชนพื้นเมือง หรือชุมชนท้องถิ่น และ 3.เพิ่มมาตรการปกป้อง

“การเจรจายังไม่ได้ข้อสรุป แต่ไทยพร้อมสนับสนุนให้การเจรจานำไปสู่การมีตราสารที่มีผลเป็นกฎหมายระหว่างประเทศ เพื่อคุ้มครอง TK และ TCEs อย่างเหมาะสม”

เดินหน้านโยบาย IP 4 All

ขณะที่การดำเนินนโยบายทรัพย์สินทางปัญญานั้น นางอรมน กล่าวว่า จะมุ่งสร้างแต้มต่อทางธุรกิจ 4 ด้าน ทั้งภาคชุมชนท้องถิ่น ภาคธุรกิจ ภาคการศึกษาวิจัย และภาคประชาชน ภายใต้นโยบาย “IP 4 All” หรือ “ทรัพย์สินทางปัญญาเพื่อทุกคน” รองรับ Quick Big Win รัฐบาลในช่วง 4 เดือนนี้ ซึ่งจะมีผลช่วยพลิกโฉมการทำธุรกิจ และเศรษฐกิจไทยในยุคเทคโนโลยี (The Next New Economy) ได้ส่วนหนึ่ง

โดยด้านที่ 1 ทรัพย์สินทางปัญญาเพื่อชุมชน (IP for Community) เช่น ส่งเสริมการขึ้นทะเบียนสินค้าสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI)  อย่างน้อย 5 สินค้าในช่วง 4 เดือนนี้ ด้านที่ 2 ทรัพย์สินทางปัญญาเพื่อธุรกิจ (IP for Business) โดยเฉพาะ SMEs  จะได้รับความสะดวกด้านการจดทะเบียนได้ง่ายขึ้น ด้านที่ 3 ทรัพย์สินทางปัญญาเพื่อการวิจัยและนวัตกรรม (IP for Innovation) ส่งเสริมการคุ้มครองงานวิจัย ส่งเสริมการแปลงทรัพย์สินทางปัญญาเป็นทุน และด้านสุดท้าย ทรัพย์สินทางปัญญาเพื่อผู้บริโภค (IP for Consumer) ร่วมกับพันธมิตรป้องปรามการละเมิดอย่างเข้มงวด 

 




Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ