"ส.อ.ท.-ธปท.” ถกเครียดปมค่าเงินบาท ย้ำ "จีดีพี” ไตรมาส 4 โต 0.3%

Economics

Global Economics

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

Tag

"ส.อ.ท.-ธปท.” ถกเครียดปมค่าเงินบาท ย้ำ "จีดีพี” ไตรมาส 4 โต 0.3%

Date Time: 21 ต.ค. 2568 07:00 น.

Summary

ส.อ.ท. เปิดฉากหารือ ธปท. วันนี้ (21 ต.ค.) แก้ปมค่าเงินบาทที่ผันผวน ย้ำภาวะเศรษฐกิจไตรมาส 4 น่าเป็นห่วง เปรียบประเทศไทยเหมือน “รถติดหล่ม” เพราะเผชิญสารพัดปัจจัยเสี่ยง คาดจีดีพีไตรมาส 4 อาจโตเพียง 0.3% ส่งผลจีดีพีตลอดทั้งปีนี้ ขยายตัวได้เพียง 2%

Latest

ขึ้น VAT ปลดล็อกงบสวัสดิการสังคม สศช.ผวา!คนไทยหมดปัญญาผ่อนบ้านถูกยึดพุ่ง



นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ในวันที่ 21 ต.ค. นี้ ส.อ.ท. เตรียมหารือกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เพื่อร่วมกันหาทางออกเกี่ยวกับค่าเงินบาทที่แข็งค่าอยู่ในขณะนี้ ซึ่งสถานการณ์ของค่าเงินบาท ยอมรับว่าความผันผวนคือเรื่องปกติ แต่ที่ผ่านมาตั้งข้อสังเกตว่า เงินบาทที่เมื่อเวลาแข็งหรืออ่อนค่ามักสูงที่สุดในภูมิภาคอาเซียน และ ส.อ.ท. ได้เตรียมข้อเสนอต่อ ธปท. ในการดูแลค่าเงินบาทเพื่อให้ประเทศไทยไม่เสียเปรียบในการค้าและการแข่งขัน โดยเฉพาะกับผู้ส่งออก
ขณะที่ แนวโน้มเศรษฐกิจไทย ไตรมาส 4 ค่อนข้างน่าเป็นห่วง ซึ่งเปรียบเสมือน “รถติดหล่ม” เพราะยังคงมีปัจจัยลบจากเรื่องของปัญหาโครงสร้างยังไม่ถูกแก้ไข อาทิ 1. ประเทศไทยมีแรงงานที่อยู่ในวัยทำงานน้อย เพราะไทยเป็นสังคมผู้สูงอายุ 2. การคอร์รัปชันของระบบราชการ รวมถึงกฎหมายที่ล้าหลัง 3. คนไทยติดปัญหากับดักรายได้ปานกลาง 4. งบประมาณที่ไม่สมดุลในการเบิกจ่าย 5. ระบบการศึกษา
นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยที่มาจากความเสี่ยงอื่นๆ คือ ภาษีทรัมป์, สินค้าจากต่างประเทศเข้ามาทุ่มตลาด, สงครามระหว่างประเทศ, ความขัดแย้งไทย-กัมพูชา, หนี้ครัวเรือน, เงินบาทแข็งค่า, การเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศที่มีผลต่อการเกษตร และการเมืองภายในประเทศ
“จึงคาดว่าไตรมาส 4 นี้ อัตราการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ของประเทศไทยอาจเติบโตเพียง 0.3% ส่งผลจีดีพีตลอดทั้งปีนี้ อาจโตได้เพียง 2% เท่านั้น แต่หากไตรมาส 4 รัฐบาลสามารถเอามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ทั้งเรื่องคนละครึ่ง การกระตุ้นการลงทุน แก้ปัญหาหนี้ครัวเรือน และมีมาตรการช่วยหนี้เสีย (NPL) ของเอสเอ็มอีได้ อาจทำให้ช่วยดันจีดีพีได้อีก 0.4% หรือจีดีพีโตไปได้ในกรอบ 1.8-2.2%”
ขณะเดียวกัน ภาวะเศรษฐกิจของประเทศไทย จากนี้ยังมีปัจจัยลบมาจากการส่งออกชะลอตัว การผลิตชะลอตัว กำลังซื้อผู้บริโภคชะลอตัว ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมที่กระทบต่อภาคการเกษตร ผลผลิต เช่น น้ำท่วม, ภัยแล้ง แม้ว่ามีปัจจัยบวกเข้ามาช่วย เช่น การลงทุนยังมีการขยายตัว ซึ่งประเทศไทยจะต้องเร่งจัดหาพื้นที่รองรับ รวมถึงปัญหาน้ำเพื่ออุตสาหกรรม, ราคาค่าไฟฟ้า, บุคลากร เพราะจะเกิดการย้ายฐานเข้ามาลงทุนมากขึ้น จากกลุ่มอุตสาหกรรม คลาวด์, PCB, ดาต้าเซ็นเตอร์, รถยนต์ไฟฟ้า, อาหารแห่งอนาคต และยังมีปัจจัยบวกจากการเลือกตั้งในปี 2569 ที่จะสร้างความเชื่อมั่นได้มากขึ้น
“ผมอยากให้ทุกพรรคการเมืองที่จะลงเลือกตั้งปี 2569 เอาเรื่องที่ ส.อ.ท. เสนอไปศึกษา ให้มีแนวทางออกมาให้ตรงโจทย์ให้มาก ไม่ควรใช้นโยบายประชานิยมมากจนเกินจริง ควรเอาเรื่องที่ภาคเอกชนเสนอไป เพราะเป็นเรื่องเป็นสถานการณ์ของปัญหาที่เกิดขึ้นจริง ๆ นำไปปรับเป็นนโยบายที่เหมาะสมกับความจริงให้มากที่สุด นับจากนี้ไปประเทศไทยต้องเผชิญวิกฤตเศรษฐกิจโลกที่มีเข้ามาต่อเนื่อง จึงต้องปรับตัวให้พร้อมเท่าที่จะทำได้”


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ