ไทยต้องรู้อะไรบ้าง? เมื่อจีนเข้าสู่ยุค“สามเศรษฐกิจใหม่"จากโรงงานสินค้าของโลก สู่“เศรษฐกิจนวัตกรรม”

Economics

Global Economics

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

ไทยต้องรู้อะไรบ้าง? เมื่อจีนเข้าสู่ยุค“สามเศรษฐกิจใหม่"จากโรงงานสินค้าของโลก สู่“เศรษฐกิจนวัตกรรม”

Date Time: 7 ต.ค. 2568 10:54 น.

Video

Amazon ธุรกิจนี้เจ๋งยังไง ทำไมถึงเป็นหุ้นลูกรักของใครหลายคน ? | Digital Frontiers EP.48

Summary

จีนไม่ได้ขายของถูกอีกต่อไป แต่กำลังขาย “นวัตกรรม” ให้โลก เศรษฐกิจใหม่ของจีนโตเร็วกว่าทั้งระบบ กำลังเปลี่ยนเกมการค้าโลกแบบเงียบ ๆ เจาะผลกระทบ และ โอกาสที่ไทยต้องรู้ ก่อนจะถูกทิ้งไว้ข้างหลัง

Latest


ขณะที่เศรษฐกิจโลกยังคงชะลอตัวจากปัจจัยดอกเบี้ยสูงและความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์“จีน” กลับกำลังขยับไปอีกขั้น สู่ยุคที่เรียกว่า “สามเศรษฐกิจใหม่ (Three New Economies)” หรือในภาษาจีนว่า 三新经济 ซึ่งกำลังกลายเป็น “เครื่องยนต์ใหม่” ของประเทศที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจในยุคใหม่ 

สํานักงานส่งเสริมการค้าของไทยในต่างประเทศ ณ นครเซี่ยงไฮ้ รายงานอ้างอิงข้อมูลของสำนักงานสถิติแห่งชาติจีน ที่ระบุว่า เมื่อปี 2567 เศรษฐกิจใหม่ดังกล่าวของจีน มีมูลค่ากว่า 22.35 ล้านล้านหยวนขยายตัว 6.4% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ในขณะที่ GDP ของประเทศโตเฉลี่ยเพียง ราว 5% หมายความว่า “เศรษฐกิจใหม่” กำลังโตเร็วกว่าทั้งระบบ และกำลังกลืนพื้นที่ของเศรษฐกิจแบบเก่าอย่างเงียบ ๆ

“สามเศรษฐกิจใหม่” ของจีน คืออะไร? 

ในรายงานชุดเดียวกัน ยังอธิบายว่า แนวคิดนี้ไม่ใช่คำแฟนซีของรัฐบาลจีน แต่คือการจัดหมวดกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นจาก เทคโนโลยี, พฤติกรรมผู้บริโภค, และรูปแบบธุรกิจยุคดิจิทัลโดยแบ่งเป็น 3 กลุ่มหลักที่ขับเคลื่อนอนาคตจีน ได้แก่ 

  1. อุตสาหกรรมใหม่ (New Industries) เช่น รถยนต์ไฟฟ้า (EV), พลังงานสะอาด, ปัญญาประดิษฐ์ (AI), Big Data - อุตสาหกรรมที่สร้างมูลค่าเพิ่มสูงและตอบโจทย์โลกสีเขียว
  2. รูปแบบธุรกิจใหม่ (New Business Models) เช่น การขายสินค้าผ่านอีคอมเมิร์ซ, ไลฟ์คอมเมิร์ซ, และแพลตฟอร์มออนไลน์ ที่เปลี่ยนพฤติกรรมผู้บริโภคจีนกว่า 1,400 ล้านคน ให้เชื่อมต่อเศรษฐกิจได้ตลอด 24 ชั่วโมง
  3. รูปแบบการดำเนินงานใหม่ (New Operations) การนำระบบอัตโนมัติ, Cloud Computing และ Algorithm มาช่วยบริหารจัดการองค์กร ลดต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพ และสร้างธุรกิจที่ “ฉลาด” กว่าเดิม

จีนกำลังเปลี่ยนจาก โรงงานโลก สู่ “เศรษฐกิจสมองโลก”

สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่เพียงการเติบโตของตัวเลข แต่คือ การเปลี่ยนโครงสร้างเศรษฐกิจทั้งระบบของจีน จากประเทศที่เคยผลิตสินค้าราคาถูกให้โลก กลายเป็นประเทศที่ผลิตนวัตกรรม เทคโนโลยี และบริการที่มีมูลค่าสูง

ซึ่งนักวิจัยจีนชี้ว่า “สามเศรษฐกิจใหม่” ทำให้ระบบเศรษฐกิจของจีนยืดหยุ่นขึ้น ตอบสนองผู้บริโภคได้แม่นยำขึ้น และเพิ่มขีดความสามารถแข่งขันในตลาดโลก นอกจากนี้ ยังสอดคล้องกับเป้าหมายใหญ่ของจีนในการบรรลุ Carbon Neutrality และการพัฒนาเศรษฐกิจที่ “ยั่งยืน” ทั้งในเชิงสิ่งแวดล้อมและเทคโนโลยี

ผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก

ทั้งนี้ เมื่อเศรษฐกิจจีนหมุนไปทางเทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม ถูกวิเคราะห์ต่อว่า หลังจากนี้ ห่วงโซ่การผลิตของโลกก็ต้องหมุนตาม ไม่ว่าจะเป็น ...

  • การแข่งขันด้านเทคโนโลยีจะรุนแรงขึ้น โดยสหรัฐฯ, ยุโรป, ญี่ปุ่น ต่างเร่งพัฒนา AI และพลังงานสะอาด เพื่อไม่ให้จีนครองอิทธิพลทางเทคโนโลยีมากเกินไป
  • มาตรฐานสิ่งแวดล้อมจะกลายเป็นเงื่อนไขการค้าใหม่ เพราะจีนตั้งเป้า “คาร์บอนเป็นศูนย์” การค้าระหว่างประเทศในอนาคตจะไม่ใช่เรื่อง “ราคาถูก” อีกต่อไป แต่คือเรื่อง “สินค้าที่สะอาดและยั่งยืน”
  • โอกาสของผู้ผลิตที่พร้อมปรับตัว ซึ่งประเทศที่สามารถส่งมอบสินค้าที่มีเทคโนโลยีหรือเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมได้จะกลายเป็นคู่ค้าคนสำคัญในห่วงโซ่เศรษฐกิจใหม่ของโลก

ผลกระทบและโอกาสของไทย

ขณะเดียวกัน เศรษฐกิจใหม่ของจีนอาจเป็นได้ทั้ง“สัญญาณเตือน” และ “โอกาสทอง” ของไทยเช่นกัน สํานักงานส่งเสริมการค้าของไทยในต่างประเทศ ณ นครเซี่ยงไฮ้ ชี้ว่า สำหรับความเสี่ยงที่ไทยต้องรู้ คือ …

  • หากไทยยังพึ่งแรงงานราคาถูก หรือการผลิตแบบเดิม จะสูญเสียความสามารถแข่งขันในตลาดจีนที่เปลี่ยนเร็ว
  • ผู้บริโภคจีนยุคใหม่เลือกสินค้าที่ “คุณภาพ-เทคโนโลยี-เรื่องราว” มากกว่าราคา แบรนด์ไทยที่ไม่มีจุดขายชัดเจนอาจถูกกลืนหาย
  • การค้ากับจีนในอนาคตจะต้องสอดคล้องกับมาตรฐานสิ่งแวดล้อม (Green Trade)


ส่วนโอกาสที่ควรคว้าไว้ ได้แก่ ...

  • สินค้าอาหารสุขภาพและความงามของไทย ตอบโจทย์เทรนด์สุขภาพของคนจีน
  • Soft Power ไทย สามารถผสานเข้ากับการตลาดดิจิทัลของจีน เช่น Douyin, Xiaohongshu, JD.com
  • การใช้ระบบ Cross-border E-commerce (CBEC) ช่วยให้แบรนด์ไทยเข้าถึงตลาดจีนโดยตรง ลดต้นทุนและเพิ่มโอกาสขยายตลาด

กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) ยังแนะนำให้ผู้ประกอบการไทย เร่งพัฒนาสินค้าที่มีนวัตกรรม จดทะเบียนทรัพย์สินทางปัญญาในจีน และเข้าร่วมงานแสดงสินค้าในเมืองเศรษฐกิจหลักของจีน เพื่อสร้างการรับรู้ระยะยาว เพราะหากอีก 5 ปีข้างหน้า ถ้าเราไม่อยู่ในแพลตฟอร์มจีนเราอาจถูกทิ้งไว้ในโลกยุคดิจิทัลอย่างถาวร

ติดตามข้อมูลด้านเศรษฐกิจและนโยบายรัฐบาล กับ ThairathMoney ได้ที่ 

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้  https://www.facebook.com/ThairathMoney


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ