ไทยได้ดุลการค้าสหรัฐฯพุ่ง 9 แสนล้านบาท จับตาศาลสูงชี้ชะตาภาษี “ทรัมป์”

Economics

Global Economics

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

Tag

ไทยได้ดุลการค้าสหรัฐฯพุ่ง 9 แสนล้านบาท จับตาศาลสูงชี้ชะตาภาษี “ทรัมป์”

Date Time: 30 ก.ย. 2568 06:00 น.

Summary

ไทยได้ดุลการค้าสหรัฐฯ 7 เดือนปีนี้กว่า 9 แสนล้านบาท หลังเร่งส่งออกหนีภาษีตอบโต้ ขณะที่ “ทรัมป์” ยื่นศาลสูงพิจารณาคำตัดสินของศาลอุทธรณ์ ที่ชี้ประธานาธิบดีไม่มีอำนาจเก็บภาษีตอบโต้คู่ค้า ถ้าแพ้ เตรียมจ่ายเงินภาษีคืนคู่ค้า 1 ล้านล้านเหรียญฯ

Latest

ขึ้น VAT ปลดล็อกงบสวัสดิการสังคม สศช.ผวา!คนไทยหมดปัญญาผ่อนบ้านถูกยึดพุ่ง

ผู้สื่อข่าวรายงานจากกระทรวงพาณิชย์ว่า ในช่วง 7 เดือน (ม.ค.-ก.ค.) ปี 68 ไทยยังคงได้ดุลการค้ากับสหรัฐฯต่อเนื่อง มีมูลค่าสูงถึง 904,987 ล้านบาท หรือ 27,374 ล้านเหรียญสหรัฐฯ จากการส่งออกถึง 1.321 ล้านล้านบาท หรือ 39,708 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 30.07% เทียบช่วงเดียวกันของปี 67 เพื่อหนีภาษีตอบโต้ แต่นำเข้าเพียง 415,823 ล้านบาท หรือ 12,333 ล้านเหรียญฯ เพิ่มขึ้น 8.30% ส่วนเฉพาะเดือนก.ค.68 ไทยได้ดุล 146,985 ล้านบาท หรือ 4,547 ล้านเหรียญฯ จากการส่งออก 204,492 ล้านบาท หรือ 6,296 ล้านเหรียญฯ เพิ่มขึ้น 31.36% แต่นำเข้าเพียง 57,507 ล้านบาท หรือ 1,749 ล้านเหรียญฯ ลดลง 7.459%

สำหรับสินค้าที่มีมูลค่าส่งออกสูงสุด ช่วง 7 เดือน เช่น คอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ 10,295 ล้านเหรียญฯ เพิ่ม 81.33%, ผลิตภัณฑ์ยาง 2,783 ล้านเหรียญฯ เพิ่ม 11.83% ฯลฯ ส่วนสินค้านำเข้า เช่น น้ำมันดิบ 2,828 ล้านเหรียญฯ เพิ่ม 26.06%, ก๊าซธรรมชาติ 748 ล้านเหรียญฯ เพิ่ม 10.90% ฯลฯ อย่างไรก็ตาม หลังจากที่สหรัฐฯ ประกาศภาษีตอบโต้ไทย 19% มีผลตั้งแต่วันที่ 7 ส.ค.68 นั้น คาดว่า การนำเข้าจากไทยอาจชะลอลง แต่เชื่อว่า สินค้าไทยยังคงแข่งขันได้ เพราะคู่แข่งถูกเก็บอัตราใกล้เคียงกัน โดยเวียดนาม 20%, มาเลเซีย 19%, ฟิลิปปินส์ 19% ฯลฯ

ส่วนกรณีที่เมื่อวันที่ 3 ก.ย.68 ศาลอุทธรณ์สหรัฐฯ ตัดสินให้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ไม่มีสิทธิภายใต้กฎหมายความมั่นคงแห่งชาติ ที่จะใช้มาตรการภาษีตอบโต้กับคู่ค้า ซึ่งเป็นคำตัดสินยืนจากศาลชั้นต้น หลังจากที่มลรัฐต่างๆ ได้ยื่นฟ้องร้องต่อศาลชั้นต้นนั้น ล่าสุด ทรัมป์ ได้ยื่นเรื่องต่อศาลสูง ให้พิจารณาคำตัดสินศาลอุทธรณ์แล้ว

ด้านสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ (สคต.) ณ นครลอสแองเจลิส สหรัฐฯ รายงานว่า มีความเป็นไปได้สูงที่ศาลสูงสหรัฐฯ จะตัดสินไปในทางเดียวกับศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ขณะเดียวกัน รมว.คลัง สหรัฐฯ นายสกอตต์ เบสเซนต์ ได้เตือนศาลสูงในเอกสารที่ยื่นต่อศาล ว่า ถ้าศาลสูงตัดสินเป็นปฏิปักษ์กับประธานาธิบดี รัฐบาลจะต้องคืนเงินภาษีนำเข้าที่ได้จากนโยบายภาษีตอบโต้ถึง 750,000 ถึง 1 ล้านล้านเหรียญฯ

อย่างไรก็ดี ประธานาธิบดีได้วางแผนสำรองที่จะเดินหน้าเก็บภาษีนำเข้าไว้แล้ว หากศาลสูงตัดสินยืนตามศาลอุทธรณ์ ดังนี้ 1. ให้รัฐสภาสหรัฐฯ ออกกฎหมายอัตราภาษีนำเข้า ซึ่งปกติเป็นอำนาจตามรัฐธรรมนูญของรัฐสภา 2. ใช้มาตรา 232 กฎหมายขยายการค้า (The Trade Expansion Act of 1962) ที่ให้อำนาจประธานาธิบดีปรับอัตราภาษีนำเข้าสินค้าบางรายการเพื่อความมั่นคง เช่นเดียวกับขึ้นภาษีเหล็ก อะลูมิเนียม รถยนต์ ฯลฯ หรือ 3. ใช้มาตรา 301 กฎหมายการค้า (The Trade Act of 1974) ที่ให้อำนาจผู้แทนการค้าสหรัฐฯ (USTR) ใช้ปฏิบัติการทางกฎหมายกับคู่ค้า แต่ต้องอยู่ภายใต้คำสั่งของประธานาธิบดี ซึ่งจะทำให้ปัญหาการค้ากับสหรัฐฯ ยังคงดำเนินต่อไป

ทั้งนี้ สหรัฐฯ เริ่มเก็บภาษีนำเข้าจากคู่ค้าแบบเท่ากันทุกประเทศ (baseline) ที่ 10% ตั้งแต่วันที่ 5 เม.ย.68 และเริ่มต้นเก็บภาษีตอบโต้ (reciprocal tariffs) วันที่ 7 ส.ค.68 ประมาณการว่า สหรัฐฯ เก็บภาษีตอบโต้แล้วหลายแสนล้านเหรียญฯ เฉพาะในเดือนก.ค.68 เก็บภาษีนำเข้าได้สูงถึง 30,000 ล้านเหรียญฯ สูงกว่าเดือนก.ค.67 ถึง 242%


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ