ราคาทองคำทุบประวัติศาสตร์56,750บาท นักท่องเที่ยวสหรัฐฯลดวูบ5%

ผู้สื่อข่าวรายงาน ราคาทองคำ ในตลาดโลก และทองคำในประเทศ วันที่ 22 ก.ย. ได้ปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง ทำราคาสูงสุดเป็นประวัติการณ์ (All time high) โดยราคาทองในประเทศ พุ่งขึ้นไปสูงสุดที่ราคา ทองแท่งขายออกบาทละ 56,950 บาท รับซื้อ 56,850 บาท เพิ่มขึ้นจากวันก่อน 550 บาท ตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงราคาซื้อขายเป็นครั้งที่ 10 ของวัน ขณะที่ราคาทองรูปพรรณ รับซื้ออยู่ที่บาทละ 54,727.60 บาท ขายออกที่ราคา 56,750 บาท ขณะที่ราคาทองคำตลาดโลก (Gold Spot) 3,720 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์

ฮั่วเซ่งเฮง ผู้ค้าทองรายใหญ่ รายงานแนวโน้ม ราคาทองคำ (เย็น) ประจำวันที่ 22 ก.ย. พบว่า ราคาทองโลก มีการปรับตัวขึ้น คาดการณ์ว่า มาจากเมื่อวันที่ 19 ก.ย. ที่ผ่านมา หน่วยงานสหรัฐฯ บางส่วนอาจต้องปิดทำการ เนื่องด้วยกฎหมายงบประมาณชั่วคราวของสหรัฐฯ ยังไม่ผ่านวุฒิสภา ด้วยคะแนน 44:48 เสียง ซึ่งมีไม่มากถึง 60 เสียง ที่จำเป็นต่อการผ่านร่างงบประมาณ โดยมีกำหนดเวลาสิ้นสุดการต่ออายุงบประมาณชั่วคราวของรัฐบาลกลาง ภายในวันที่ 30 ก.ย.นี้ และเมื่อวันที่ 20 ก.ย. ธนาคาร Citi Group คาดการณ์ว่า ทองคำอาจปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 3,800 ดอลลาร์ และอาจขึ้นทดสอบ 4,000 ดอลลาร์ หากธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ต้องลดดอกเบี้ยรุนแรง หากเศรษฐกิจสหรัฐฯอ่อนแอ และผู้จัดการ Portfolio ของ Morgan Stanley Investment คาดว่า เฟดจะเอนเอียงไปทางปกป้องตลาดแรงงานที่อ่อนแอ ด้วยการลดดอกเบี้ยต่อเนื่อง หลังจากนี้เป็นต้นไป และราคาทองคำโลก เดือนส.ค.ที่ผ่านมา ปรับขึ้นมาแล้ว 10.5% จากเดือนก่อนหน้า ขณะที่การเคลื่อนไหวในปีนี้ ราคาทองคำเพิ่มขึ้นโดยรวม 41–42% เมื่อเทียบกับต้นปีที่ผ่านมา และค่าเงินบาทล่าสุด ปิดตลาดวันที่ 22 ก.ย. ที่ 31.58 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ

น.ส.ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า เงินบาทแข็งค่าส่งผลกระทบต่อตลาดท่องเที่ยวไทย เดือนม.ค.-ก.ย. โดยเฉพาะต่อดอลลาร์สหรัฐฯ ที่แข็งค่าถึง 7.24% จากระดับ 34.23 บาทต่อดอลลาร์ ในเดือนม.ค. มาอยู่ที่ 31.75 บาทต่อดอลลาร์ เมื่อวันที่ 12 ก.ย. ได้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อค่าใช้จ่ายในการเดินทางท่องเที่ยว เนื่องจากทำให้นักท่องเที่ยวแลกเงินบาทได้น้อยลง โดยเฉพาะกลุ่มที่เดินทางมาจากตลาดระยะไกล และกลุ่มครอบครัว ผลกระทบชัดเจนที่สุดเกิดขึ้นกับตลาดสหรัฐฯ ที่เริ่มหดตัวตั้งแต่เดือนพ.ค. หลังจากที่เดิมมีอัตราการเติบโตดีในเดือนม.ค.-เม.ย.

"สถิติวันที่ 1-19 ก.ย. แสดงให้เห็นว่า นักท่องเที่ยวจากสหรัฐฯ มีจำนวน 33,400 คน ลดลง 5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีที่ผ่านมา สาเหตุหลักของการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐฯ มาจากการเริ่มใช้ภาษีตอบโต้ของประธานาธิบดีสหรัฐฯ เดือนเม.ย. และเริ่มรุนแรงขึ้นในเดือนก.ค. แต่ททท. คาดว่าค่าบาทจะไม่มีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะตลาดยุโรป ยังมีนักท่องเที่ยวในตลาดหลักเติบโตเพิ่มขึ้นนับจากเดือนเม.ย. อาทิ อังกฤษ ฝรั่งเศส สวิตเซอร์แลนด์ เยอรมนี รัสเซีย ที่เติบโตด้วยตัวเลข 2 หลักในแต่ละเดือน"