ทรัมป์ เตรียมเก็บภาษีนำเข้าชิปแบบจัดหนัก 100% จีนอ่วมหนัก กระทบ Huawei, SMIC, YMTC

Economics

Global Economics

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

ทรัมป์ เตรียมเก็บภาษีนำเข้าชิปแบบจัดหนัก 100% จีนอ่วมหนัก กระทบ Huawei, SMIC, YMTC

Date Time: 7 ส.ค. 2568 11:14 น.

Video

Jack Ma กลับมา จะพา Alibaba สร้างอำนาจใหม่ให้วงการเทคจีนได้ยังไง ? | Digital Frontiers EP.50

Summary

สรุปผลกระทบ “นโยบายภาษีชิป 100%” ของทรัมป์ ถ้าไม่ได้ผลิตในสหรัฐฯ จะต้องเจอกับอะไร จีนอ่วมหนัก นำโดย SMIC, Huawei, YMTC ใครได้รับผลกระทบบ้าง? ปัจจุบันบริษัทที่ตั้งโรงงานและมีแผนลงทุนในสหรัฐมีใครบ้าง?

Latest


เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศจากทำเนียบขาวว่า อัตราภาษีใหม่นี้จะไม่ใช้กับบริษัทที่ได้ให้คำมั่นว่าจะผลิตในอเมริกาหรือกำลังอยู่ระหว่างการก่อสร้างโรงงานในประเทศ อย่างไรก็ตาม คำแถลงของทรัมป์ยังไม่ถือเป็นการประกาศมาตรการภาษีอย่างเป็นทางการ และยังไม่มีรายละเอียดเชิงลึกเกี่ยวกับแผนนี้ 

คำประกาศครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากที่ทรัมป์เปิดเผยว่า Apple ที่ให้คำมั่นว่าจะลงทุนในสหรัฐฯ เพิ่มอีก 100,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในอีก 4 ปีข้างหน้า นอกเหนือจากเงินลงทุนเดิมที่บริษัทเคยประกาศไว้ที่ 500,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และกลายเป็นหนึ่งในบริษัทที่ทรัมป์ยกตัวอย่างการให้คำมั่นไว้อย่างชัดเจนว่าจะผลิตในสหรัฐฯ 

จีนอ่วม ใครได้รับผลกระทบอีกบ้าง? 

หากมีการประกาศภาษีครั้งใหม่นี้จริง คาดว่ามาตรการนี้จะมุ่งเป้าไปที่ “จีน” ซึ่งรัฐบาลอยู่ระหว่างการเจรจาข้อตกลงการค้า บริษัทจีนและผู้ผลิตชิปจากจีน เช่น SMIC, Huawei, YMTC จะถูกเก็บภาษีเต็มที่ เพราะไม่ได้ผลิตในสหรัฐฯ และยังไม่มีแผนตั้งโรงงาน ชิปจากจีนที่ถูกใช้ในอุปกรณ์ (เช่น สมาร์ทโฟน, กล้อง, IoT) ที่จะนำเข้าไปขายในสหรัฐฯ อาจถูกตีภาษีซ้อนหากไม่มีการแยกภาษีเฉพาะส่วนประกอบ ส่งผลให้ต้นทุนสินค้าอิเล็กทรอนิกส์จากจีนในตลาดสหรัฐฯ แพงขึ้นอย่างมีนัยยะ 

นอกจากนี้ บริษัทสหรัฐฯ ที่ยังพึ่งพาการผลิตชิปจากต่างประเทศ แต่ไม่มีแผนผลิตในสหรัฐฯ เช่น กลุ่มบริษัทฮาร์ดแวร์ขนาดกลาง-เล็ก หรือสตาร์ตอัป หากซื้อชิปจากผู้ผลิตในจีน ไต้หวันหรือเอเชียตะวันออก โดยไม่มีการลงทุนหรือพันธมิตรในสหรัฐฯ จะต้องแบกรับต้นทุนภาษีทันที บริษัทที่พึ่งพาจีนเป็นฐานการผลิตต้นทุนต่ำมานาน อาจต้องปรับโครงสร้างซัพพลายเชนครั้งใหญ่ 

ผู้บริโภคในสหรัฐฯ อาจได้รับผลกระทบตามมา เพราะสินค้าที่ใช้ชิปจำนวนมาก เช่น โทรศัพท์ แล็ปท็อป รถยนต์ไฟฟ้า เครื่องใช้ไฟฟ้า อาจปรับราคาสูงขึ้น เพราะต้นทุนเพิ่ม โดยเฉพาะหากภาษีไม่ได้จำกัดเฉพาะตัวชิปแต่ลามไปถึงสินค้าสำเร็จรูปจากต่างประเทศ 

ใครตั้งโรงงานในสหรัฐฯ แล้วบ้าง? 

สมาคมอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ (SIA) รายงานว่า นับตั้งแต่ปี 2020 มีโครงการมากกว่า 130 แห่ง รวมมูลค่ากว่า 6 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ที่ประกาศจะลงทุนในสหรัฐ แม้ในปี 2022 กระทรวงพาณิชย์ภายใต้รัฐบาลโจ ไบเดน ได้จัดตั้งโครงการเงินอุดหนุนสำหรับอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ มูลค่า 5.27 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อกระตุ้นการผลิตและได้โน้มน้าวให้ผู้ผลิตชิปรายใหญ่ ได้แก่ TSMC, Samsung Electronics, Intel, Micron Technology และ GlobalFoundries ให้จัดตั้งโรงงานในสหรัฐฯ ตามแผนของโครงการนี้ 

อย่างไรก็ตาม ในปีที่ผ่านมาสหรัฐฯ ผลิตชิปเซมิคอนดักเตอร์ได้เพียง 12% ของปริมาณการผลิตทั่วโลก ซึ่งลดลงจาก 40% ในปี 1990 กดดันให้สหรัฐฯ ต้องเร่งดึงดูดการผลิตชิปให้กลับคืนสู่ประเทศ มาตรการภาษีนี้จะทำให้ผู้ผลิตชิปในประเทศได้ประโยชน์และสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน เพราะลูกค้าที่ไม่อยากเสียภาษีจะหันมาซื้อชิปจากบริษัทเหล่านี้ โดยปัจจุบันผู้ที่ตั้งโรงงานและมีแผนลงทุนในสหรัฐ ประกอบด้วย 

  • TSMC (Taiwan Semiconductor Manufacturing Company) จากไต้หวัน หนึ่งในผู้ผลิตชิปรายใหญ่ให้กับบริษัทสหรัฐฯ กำลังสร้างโรงงานในรัฐแอริโซนา มูลค่าการลงทุนราว 6.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐสำหรับโรงงาน 3 แห่ง ผลิตชิปขั้นสูงระดับ 3 นาโนเมตร ทำให้ลูกค้ารายใหญ่อย่าง Nvidia อาจไม่ได้รับผลกระทบด้านต้นทุนภาษีที่เพิ่มขึ้น 
  • Samsung Electronics จากเกาหลีใต้ กำลังตั้งโรงงานใหม่ที่เมืองเทย์เลอร์ รัฐเท็กซัส มูลค่าการลงทุนราว 4 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ตั้งเป้าผลิตชิปขั้นสูง (foundry) สำหรับลูกค้าในสหรัฐฯ 
  • Intel ผู้ผลิตสหรัฐอเมริกาที่ได้รับเงินสนับสนุนจากโครงการ CHIPS Act ปัจจุบันกำลังขยายการผลิตครั้งใหญ่ในโอไฮโอ (Ohio) และรัฐอื่นๆ 
  • Micron Technology ผู้ผลิตสหรัฐฯ ที่ประกาศแผนลงทุนสูงถึง 1 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อสร้าง “เมกะแฟบ” ที่นิวยอร์ก มุ่งเน้นชิปหน่วยความจำ (DRAM) 
  • GlobalFoundries ผู้ผลิตสหรัฐฯ มีโรงงานอยู่แล้วที่นิวยอร์กและเวอร์มอนต์และประกาศลงทุนเพิ่ม 1.6 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายกำลังผลิต 

ล่าสุด Texas Instruments ผู้ผลิตจากสหรัฐฯ นับเป็นหนึ่งในผู้ลงทุนรายใหญ่ล่าสุดที่ประกาศลงทุน 6 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ใน 7 โรงงานชิปทั่วสหรัฐฯ รวมถึงในรัฐเท็กซัส นอกจากนี้ยังมีบริษัทผลิตชิปจากต่างประเทศที่เข้ามาลงทุนตั้งโรงงานในสหรัฐฯ ได้แก่ 

  • SK Hynix จากเกาหลีใต้ ที่ปัจจุบันยังไม่มีโรงงานผลิตในสหรัฐฯ ณ ปัจจุบัน แต่มีแผนสร้างศูนย์วิจัยและพัฒนาด้าน AI และหน่วยความจำ 
  • ASML จากเนเธอร์แลนด์ แม้ไม่ใช่ผู้ผลิตชิป แต่เป็นผู้ผลิตเครื่อง EUV lithography ที่จำเป็นมากที่ประกาศขยายศูนย์ซ่อมบำรุงและสนับสนุนลูกค้าในสหรัฐฯ เพื่อรองรับการขยายตัวของอุตสาหกรรม 
  • Infineon Technologies จากเยอรมนีที่ได้ประกาศขยายการลงทุนในโรงงานในรัฐเท็กซัสเพื่อผลิตพาวเวอร์ชิป



ที่มาข้อมูล CNBC 

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ -   


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ