ทำงาน 1 ชั่วโมง ซื้อเบอร์เกอร์ได้แค่ 2 ชิ้น ญี่ปุ่นค่าแรงเพิ่ม แต่ค่าครองชีพพุ่ง กำลังซื้อลดน้อยลง

Economics

Global Economics

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

ทำงาน 1 ชั่วโมง ซื้อเบอร์เกอร์ได้แค่ 2 ชิ้น ญี่ปุ่นค่าแรงเพิ่ม แต่ค่าครองชีพพุ่ง กำลังซื้อลดน้อยลง

Date Time: 7 ก.ค. 2568 15:53 น.

Video

บุกโรงงานญี่ปุ่น ทัวร์ Glico ยักษ์ใหญ่อาหาร 3 แสนล้านเยน | BrandStory EP.27

Summary

แม้ญี่ปุ่นปรับค่าแรงครั้งใหญ่สุดในรอบ 34 ปี แต่ค่าครองชีพพุ่งแซงหน้ารายได้เพราะอัตราเงินเฟ้อในประเทศยังคงสูง ส่งผลให้กำลังซื้อของผู้คนหดตัวลงแม้เงินเดือนจะเพิ่มขึ้น รัฐบาลอิชิบะวางแผนแจกเงินหวังกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้นเพื่อคว้าความนิยมก่อนเลือกตั้ง แต่เศรษฐกิจยังคงอยู่ในสภาวะกดดันเพราะภาษีทรัมป์และเงินเฟ้อ

Latest


ประเทศญี่ปุ่นได้มีการปรับเพิ่มค่าแรงครั้งที่ใหญ่ที่สุดในรอบ 34 ปี โดยคนงานในบริษัท 5,162 แห่ง คิดเป็น 7 ล้านคน หรือประมาณ 10% ของแรงงานญี่ปุ่นที่ได้รับค่าจ้างเพิ่มสูงสุด 5.65% จากการรายงานของสมาพันธ์สหภาพแรงงานญี่ปุ่น (Rengo)

ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการขาดแคลนแรงงานของบริษัทในญี่ปุ่น โดยพบว่าเกือบ 70% ของเหล่าบริษัทในประเทศขาดแคลนพนักงานประจำ โดยเฉพาะวิศวกรด้านซอฟต์แวร์ วิกฤติขาดแรงงานที่รุนแรงและน่าเป็นห่วง ส่งผลทำให้มีการพยายามปรับเพิ่มเงินเดือนเพื่อกระตุ้นให้คนสมัครงานมาก รวมไปถึงรักษาพนักงานให้อยู่กับองค์กรต่อไป

แม้ปัญหาการขาดแคลนแรงงานในญี่ปุ่นจะถูกบรรเทาด้วยนโยบายของรัฐบาลในการปรับเพิ่มค่าจ้าง แต่เศรษฐกิจในประเทศยังคงซบเซาเพราะ “เงินเฟ้อ” ที่อยู่ในระดับสูงนั้นค่อย ๆ กัดเซาะเงินในกระเป๋าให้ลดน้อยลงแม้เงินเดือนเพิ่มขึ้น

เงินเดือนเพิ่ม แต่ทำไมกำลังซื้อยังน้อย?

แม้ว่าค่าจ้างของชาวญี่ปุ่นจะมีตัวเลขที่สูงขึ้นจากอดีต แต่ปัญหาเงินเฟ้อที่กดดันค่าครองชีพกำลังทำให้ประชาชนรู้สึกว่าเงินเดือนที่มีนั้น แทบจะไม่พอใช้เลยในยุคปัจจุบัน เพราะแม้ว่าค่าแรงจะถูกปรับเพิ่ม แต่กำลังซื้อของผู้คนลดน้อยลง จากการที่ค่าใช้จ่ายยังพุ่งสูงไม่หยุดและควบคุมได้ยาก

Bloomberg รายงานว่า แม้จะมีการปรับค่าแรงขึ้น แต่กำลังซื้อที่ได้จากค่าจ้างของคนงานในญี่ปุ่นกลับลดลง 2.9% จากเดือนพฤษภาคมในปีก่อน เพราะค่าแรงที่เพิ่มมากขึ้นเหล่านั้นเทียบไม่ได้เลยกับค่าครองชีพที่โตขึ้นทุกวัน

เพราะในขณะที่เงินเดือนพื้นฐานของชาวญี่ปุ่นจะเพิ่มขึ้น 2.1% แต่อัตรา “เงินเฟ้อ” ภายในประเทศที่สูงถึง 3.7% ซึ่งมากกว่าเป้าหมายที่ BOJ กำหนดไว้ไม่เกิน 2% สร้างความปวดหัวให้กับรัฐบาลอย่างต่อเนื่องเพราะราคาของอุปโภค - บริโภคนั้นเพิ่มสูงขึ้นกว่ารายได้

อัตราเงินเฟ้อในประเทศสร้างความกดดันให้กับประชาชนที่ต้องแบกรับค่าครองชีพที่เพิ่มมากขึ้น โดยมีการเปรียบเทียบค่าแรงกับกำลังในการซื้อแฮมเบอร์เกอร์ และพบว่า หากคนงานในญี่ปุ่นทำงาน 1 ชั่วโมง จะสามารถซื้อได้แค่ 2.18 ชิ้น ในขณะที่ประเทศอื่นอย่างออสเตรเลีย ซื้อได้ 3.95 ชิ้น และฮ่องกงซื้อได้ 2.95 ชิ้น สะท้อนให้เห็นถึงกำลังการซื้อของคนงานญี่ปุ่นที่เบาบางแม้จะเพิ่งมีการปรับค่าจ้างเพิ่มขึ้น

เงินเฟ้อ - ภาษีทรัมป์ กระทบเศรษฐกิจญี่ปุ่น

นอกจากเงินเฟ้อในประเทศที่อยู่ระดับสูง ญี่ปุ่นยังต้องรับแรงกดดันจาก "ภาษีทรัมป์" โดย 64% ของนักเศรษฐศาสตร์คาดว่าเศรษฐกิจอาจเข้าสู่ถดถอย เพราะการเรียกเก็บภาษี 25% จากสหรัฐ สําหรับรถยนต์และชิ้นส่วนรถยนต์กําลังส่งผลกระทบต่อการส่งออกของญี่ปุ่น ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงที่เศรษฐกิจอาจหดตัวเพิ่มอีกในไตรมาสที่ 2 

และเพื่อช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายในประเทศ รัฐบาลญี่ปุ่นที่นำโดยนายกอิชิบะได้ให้คำมั่นว่าจะแจกเงินสด 20,000 เยน หรือราว 4,500 บาท/คน เพื่อให้ฟื้นฟูเศรษฐกิจและเพื่อให้มีความนิยมมากขึ้นในช่วงใกล้เข้าสู่การเลือกตั้งเนื่องจากประชาชนส่วนใหญ่ในตอนนี้มีแนวโน้มเทใจไปให้ข้อเสนอของพรรคฝ่ายค้านที่เสนอจะลดภาษีการขาย

ทั้งนี้ เราต้องจับตาดูต่อว่าเศรษฐกิจญี่ปุ่นจะเดินไปในทิศทางไหน เพราะแม้ว่าหากในอนาคต อิชิบะสามารถแจกเงินให้ประชาชนได้ตามคำสัญญา แต่ก็ยังไม่มีอะไรรับประกันได้ว่ามันจะผลักดันให้เศรษฐกิจฟื้นฟูได้เพราะนี่เป็นเพียงการแก้ปัญหาในระยะสั้น และแม้ว่าคนจะใช้จ่ายมากขึ้นแต่อัตราเงินเฟ้อและภาษีทรัมป์ก็ยังอยู่ในสถานะน่าเป็นห่วงอยู่ดีสำหรับประเทศญี่ปุ่น

ที่มา : Bloomberg [1] [2], Nikkei

ติดตามข้อมูลด้านเศรษฐกิจและนโยบายรัฐบาล กับ ThairathMoney ได้ที่ 

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้  https://www.facebook.com/ThairathMoney


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ