
นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยถึงการเจรจาของไทยกับสหรัฐฯ เพื่อแก้ปัญหามาตรการภาษีตอบโต้ ท่ามกลางปัญหาการเมืองภายในประเทศขณะนี้ว่า การเจรจาการค้าต่างประเทศ โดยเฉพาะกับสหรัฐฯ เป็นกระบวนการสำคัญ ที่ยังคงเดินหน้าต่อเนื่อง และเป็นหลักการของประเทศ ที่ต้องดำเนินการอย่างมืออาชีพ ไม่ได้รับผลกระทบจากความเปลี่ยนแปลงทางการเมือง และมั่นใจในขีดความสามารถของกระทรวงพาณิชย์ในการบริหารจัดการงานด้านการเจรจาอย่างมีประสิทธิภาพ
“ไม่ต้องกังวลครับ ประเทศเรามีหลัก มีเกณฑ์ มีวิธีการในการดำเนินการที่ชัดเจน การเจรจามาตรการภาษีกับสหรัฐฯ ถือเป็นเรื่องใหญ่ และเป็นเรื่องหลักของประเทศ อีกทั้งสหรัฐฯ ยังคงเปิดโอกาสให้ประเทศคู่เจรจาที่แสดงความตั้งใจจริง ได้รับการผ่อนผันในบางประเด็น และไทยเองก็แสดงความมุ่งมั่นมาโดยตลอด ผมมั่นใจว่าเราสามารถดำเนินการได้ ส่วนการเจรจาจัดทำความตกลงการค้าเสรี (เอฟทีเอ) ไทย-สหภาพยุโรป ก็จะพยายามทำให้เสร็จภายในสิ้นปีนี้”
ทั้งนี้ เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามถึงผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่มี รมช.พาณิชย์ นายนภินทร ศรีสรรพางค์ จากพรรคภูมิใจไทย ลาออกจากการร่วมรัฐบาลนั้น นายพิชัย ระบุว่า ยังเร็วเกินไปที่จะประเมินสถานการณ์ และขอให้รอดูความชัดเจนก่อน แต่ยืนยันว่า กระทรวงพาณิชย์สามารถบริหารจัดการงานได้อย่างราบรื่น ด้วยบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญและทำงานอย่างมืออาชีพ “ขอให้มั่นใจครับ กระทรวงพาณิชย์ของเรามีความเป็นมืออาชีพ อธิบดีทุกคนเก่ง และมีศักยภาพในการขับเคลื่อนงานได้”
ด้านนางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กล่าวถึงบรรยากาศการลงทุนของต่างชาติในไทยว่า นักลงทุนต่างชาติยังคงเชื่อมั่นในศักยภาพของประเทศไทย ที่มีระบบโครงสร้างพื้นฐานและเทคโนโลยีที่ทันสมัย รองรับการเข้ามาประกอบธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งช่วยยกระดับขีดความสามารถทางการแข่งขันของนักธุรกิจต่างชาติที่เข้ามาลงทุนในประเทศ โดยในช่วง 5 เดือนแรก (ม.ค.-พ.ค. 2568) ต่างชาตินำเงินเข้ามาลงทุนในไทยแล้ว 88,943 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17,241 ล้านบาท หรือ 24% จากช่วงเวลาเดียวกันของปี 67 ที่มีการลงทุน 71,702 ล้านบาท
สำหรับข้อกังวลว่า นโยบายการปราบปรามธุรกิจนอมินีอย่างเข้มงวดของรัฐบาลจะส่งผลกระทบต่อการลงทุนของชาวต่างชาติในไทยนั้น ขอยืนยันไม่ส่งผลกระทบต่อภาพรวมการลงทุนของชาวต่างชาติในไทยแน่นอน แต่จะเป็นแรงหนุนสำคัญในการกระตุ้นให้นักธุรกิจต่างชาติยิ่งสนใจเข้ามาลงทุนในไทยเพิ่มมากขึ้น แต่ยิ่งช่วยสร้างความมั่นใจให้เข้ามาลงทุนในไทยมากขึ้น เพราะเป็นการปราบธุรกิจสีเทา ที่ส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบธุรกิจด้วยความสุจริต แก้ปัญหาผลกระทบด้านลบที่เกิดจากการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรม ช่วยสร้างสภาพแวดล้อมทางการค้าที่มีความโปร่งใส เสริมสร้างภาพลักษณ์ที่ดีด้านการลงทุน
“กรมได้อำนวยความสะดวกแก่ชาวต่างชาติที่เข้ามาลงทุนในไทย เช่น เปิดให้ยื่นขอใบอนุญาตประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวผ่านออนไลน์ ที่ช่วยประหยัดเวลาและค่าใช้จ่าย, เผยแพร่แนวปฏิบัติเกี่ยวกับการประกอบธุรกิจภายใต้ พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 ในเว็บไซต์ www.dbd.go.th, เชิญสถานทูตหน่วยงานระหว่างประเทศและหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง มาชี้แจงทำความเข้าใจกฎหมายคนต่างด้าว เพื่อให้ต่างชาติทำธุรกิจในไทยได้อย่างถูกต้อง และมีธรรมาภิบาล ยืนยันว่าประเทศไทยพร้อมต้อนรับนักลงทุนต่างชาติ และขอเชิญชวนให้เข้ามาลงทุนอย่างถูกต้องตามกฎหมายของไทย โดยกรมพร้อมอำนวยความสะดวกให้อย่างเต็มที่”