รายงานระบุว่า ราคาสินค้าในสหรัฐฯ ส่วนใหญ่เริ่มปรับขึ้นในวันศุกร์ (25 เมษายน) ที่ผ่านมา โดยเฉลี่ยแล้วมีการปรับราคาขึ้นมากกว่า 10% ภายในเวลาเพียงสองวันและบางรายการถูกถอดออกจากตลาดสหรัฐฯ ในช่วงดังกล่าว ขณะเดียวกันบางหมวดหมู่ปรับราคาสูงกว่าหมวดอื่นอย่างมีนัยสำคัญ เช่น สินค้าหมวดความงามและสุขภาพ 100 อันดับแรก มีราคาเฉลี่ยเพิ่มขึ้นถึง 51% เมื่อเทียบกับวันก่อนหน้าขณะที่สินค้าหมวดเครื่องครัวและของเล่น ปรับขึ้นเฉลี่ยกว่า 30% นำโดยผ้าขนหนูเช็ดทำความสะอาดในห้องครัวที่ราคาพุ่งขึ้นถึง 377% ส่วนเสื้อผ้าผู้หญิงราคาขยับขึ้นเฉลี่ย 8%
อ่านเพิ่มเติม
ทั้งนี้รายงานระบุเพิ่มเติมว่า Shein และ Temu ต่างมียอดขายในสหรัฐฯ ฟื้นตัวในเดือนมีนาคมและต้นเดือนเมษายนปีนี้ หลังผู้บริโภคแห่กักตุนสินค้า ตั้งแต่แปรงแต่งหน้าไปจนถึงเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน ก่อนราคาจะปรับขึ้นจากภาษีใหม่ การปรับขึ้นราคาของ Shein สะท้อนให้เห็นผลกระทบโดยตรงที่เกิดขึ้นต่อผู้บริโภคสหรัฐฯ ที่ผู้ค้าปลีกออนไลน์จากจีนรับมือกับอัตราภาษีใหม่ 120% สำหรับสินค้าหลายประเภท หลังจากรัฐบาลสหรัฐฯ ตัดสิทธิ์ยกเว้นภาษี (De minimis Exemption) สำหรับสินค้าขนาดเล็กที่นำเข้าจากจีนแผ่นดินใหญ่และฮ่องกง
ซึ่งก่อนหน้านี้ได้เอื้อให้ผู้ค้าปลีกออนไลน์จากจีน เช่น Shein และ Temu ส่งสินค้ามูลค่าต่ำกว่า 800 ดอลลาร์สหรัฐ เข้าประเทศได้โดยไม่ต้องเสียภาษีหรือค่าธรรมเนียมศุลกากร โดยมาตรการใหม่ยังรวมถึงการเพิ่มค่าธรรมเนียมต่อพัสดุเป็น 100 ดอลลาร์สหรัฐ เริ่มตั้งแต่ 2 พฤษภาคม และจะเพิ่มสูงขึ้นอีกในเดือนมิถุนายน
ก่อนหน้านี้ในเดือนกุมภาพันธ์ Shein ได้เสนอโครงการจูงใจให้ซัพพลายเออร์จากจีนบางรายขยายกำลังการผลิตไปยังเวียดนาม เพื่อบรรเทาผลกระทบจากนโยบายภาษีของทรัมป์ ขณะที่ Temu สนับสนุนให้โรงงานจีนจัดส่งสินค้าเป็นล็อตใหญ่ตรงสู่คลังสินค้าในสหรัฐฯ ภายใต้แนวทางที่เรียกว่า “Half-Custody”
อย่างไรก็ตามสิ่งที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้ คือ ผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อผู้บริโภคอเมริกันโดยตรง เพราะผู้ค้าปลีกออนไลน์จีนอย่าง Shein และ Temu ยังมีแนวโน้มที่ขึ้นราคาสินค้าในตลาดสหรัฐฯ ต่อเนื่องเพื่อชดเชยภาษีและค่าธรรมเนียมที่เพิ่มขึ้น ผู้ค้าปลีกต้องแบกรับต้นทุนภาษีนำเข้าใหม่ที่สูงมากขึ้น (120%) ซึ่งจะกระทบต่อกำไรโดยตรงหรือหากผลักภาระให้ผู้บริโภคก็อาจทำให้ยอดขายลดลงได้
นอกจากนี้เนื่องจากสงครามการค้าระหว่างจีน-สหรัฐฯ ยังยืดเยื้อ อาจมีมาตรการจำกัดหรือเล่นงานผู้ค้าจีนมากขึ้น ทั้งด้านภาษี การตรวจสอบ หรือข้อกำหนดเกี่ยวกับความปลอดภัยและข้อมูลส่วนบุคคล อาจบีบให้ผู้ค้าปลีกออนไลน์จากจีนเร่งขยายฐานการผลิตนอกจีน และจับมือกับซัพพลายเออร์ต่างประเทศมากขึ้น เช่น ในเวียดนาม เม็กซิโก หรืออินเดีย เพื่อหลีกเลี่ยงภาษีนำเข้าจากจีนโดยตรง รวมถึงการหันไปโฟกัสตลาดอื่นที่ยังไม่มีมาตรการภาษีเข้มงวด แทนสหรัฐฯ เช่น ยุโรป ตะวันออกกลาง หรือเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อชดเชยยอดขายที่อาจหายไปในสหรัฐฯ หลังจากนี้
อ้างอิงข้อมูล Bloomberg
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ -