Economics
Global Economics
มาเลเซีย นำทีมอาเซียน ไม่ตอบโต้ภาษีทรัมป์ จัดประชุมรัฐมนตรีอาเซียน 10 เม.ย นี้ หาข้อต่อรอง
Date Time: 9 เม.ย. 2568 14:26 น.
“Summary“
มาเลเซีย แสดงบทบาทประธานอาเซียนปีนี้ หารือ 10 ประเทศสมาชิก เล่นบท "จับมือกันไม่ตอบโต้สหรัฐฯ" พร้อมใช้กลไกข้อตกลงระหว่างกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กับสหรัฐฯ ที่มีมาตั้งแต่ปี 2549
อันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย และประธานอาเซียนคนปัจจุบัน ประกาศเตรียมหารือแนวทางรับมือภาษีตอบโต้ (Reciprocal Tarriff) ของสหรัฐฯ กับประเทศสมาชิกอาเซียน
ทั้งนี้ อันวาร์ ในฐานะประธานอาเซียนคนปัจจุบัน เปิดเผยข้อความผ่านวิดีโอเมื่อวันที่ 6 เม.ย.2568 ว่า ประเทศต่างๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นกลุ่มประเทศที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุดจากมาตรการใหม่ของสหรัฐฯ โดยกัมพูชาถูกเรียกเก็บภาษีนำเข้าสูงถึง 49% และเวียดนามถูกเรียกเก็บภาษีนำเข้าสูงถึง 46% อย่างไรก็ตาม การขึ้นภาษีนำเข้าครั้งนี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของความท้าทายครั้งใหญ่ และในสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจภายนอกเท่านั้น
“มาเลเซียในฐานะประธานอาเซียนจะเป็นผู้นำในการนำเสนอแนวร่วมระดับภูมิภาคที่เป็นหนึ่งเดียว รักษาห่วงโซ่อุปทานที่เปิดกว้างและยืดหยุ่น และทำให้แน่ใจว่าเสียงของอาเซียนโดยรวมจะถูกรับฟังอย่างชัดเจนและมั่นคง บนเวทีระหว่างประเทศ” อันวาร์ กล่าวในแถลงการณ์บนโซเชียลมีเดีย
ในวันเดียวกัน นายกรัฐมนตรีมาเลเซียและนายกรัฐมนตรีเวียดนาม ฟาม มินห์ จิญ (Pham Minh Chinh) เห็นตรงกันที่จะเจรจาระดับภูมิภาคอาเซียนในการตอบสนองต่อมาตรการการค้าของสหรัฐฯ พวกเขายังเน้นย้ำถึงความสำคัญของการเสริมสร้างห่วงโซ่อุปทานในภูมิภาค
นอกจากนี้เขายังได้เป็นเจ้าภาพต้อนรับประธานาธิบดีอินโดนีเซีย ปราโบโว ซูเบียนโต (Prabowo Subianto) เพื่อหารือทวิภาคีเกี่ยวกับการพัฒนาระดับภูมิภาคที่สำคัญ ซึ่งรวมถึงผลกระทบของภาษีศุลกากรสหรัฐฯ ต่อเศรษฐกิจอาเซียนและวิธีการประสานงานความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมสำหรับชุมชนที่ได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหวในเมียนมา
ก่อนหน้านี้ อันวาร์ได้พูดคุยกับผู้นำจากฟิลิปปินส์ บรูไน และสิงคโปร์เช่นกัน โดยหารือเกี่ยวกับการตอบสนองร่วมกันของอาเซียนต่อมาตรการของสหรัฐฯ
มาเลเซียหารือระดับรัฐมนตรี 10 เม.ย.กำหนดท่าทีอาเซียนต่อภาษีทรัมป์
หลังจากหารือร่วมกับผู้นำประเทศสมาชิกอาเซียนในภาพรวมแล้ว ในวันที่ 10 เม.ย.นี้ ซาฟรูล อาซิส (Zafrul Aziz) รัฐมนตรีกระทรวงการลงทุน การค้าและอุตสาหกรรมมาเลเซียจะประชุมร่วมกับรัฐมนตรีจากประเทศสมาชิกอาเซียนอื่นๆ เพื่อกำหนดทิศทางและปรับจุดยืนของอาเซียน ด้านรัฐมนตรีคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางในอาเซียนจะจัดการประชุมแยกระหว่างวันที่ 9-10 เม.ย.นี้
“เราควรยืนหยัดอย่างมั่นคงในฐานะกลุ่มประเทศขนาดใหญ่ อาเซียนมีประชากร 640 ล้านคน และความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจของอาเซียนอยู่ในระดับแนวหน้าของโลกเมื่อรวมกัน ภูมิภาคนี้ถือเป็นภูมิภาคที่สงบสุขที่สุดแห่งหนึ่งของโลก และยังเป็นภูมิภาคที่ขับเคลื่อนการเติบโตเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งและน่าเชื่อในระดับโลก” อันวาร์กล่าว
การสนับสนุนการเจรจากับสหรัฐฯ ผ่านความร่วมมือระดับภูมิภาคของอาเซียน ตอกย้ำจุดยืนของมาเลเซียที่แม้จะไม่เห็นด้วยกับการขึ้นภาษีศุลกากรของทรัมป์ที่ปราศจากหลักคิดทางเศรษฐศาสตร์ และปฏิเสธข้อกล่าวหาของสหรัฐฯ ที่อ้างว่ามาเลเซียเรียกเก็บภาษีที่ไม่เป็นธรรมต่อสหรัฐฯ สูงถึง 47% แต่ก็ยืนยันที่จะไม่ขึ้นภาษีศุลกากรโต้กลับ และเน้นกระชับความร่วมมือด้านการค้าและการลงทุนในอาเซียน และใช้การเจรจาระดับภูมิภาคกับสหรัฐฯ
ขณะที่ แอร์ลังกา ฮาร์ตาร์โต (Airlangga Hartarto) รัฐมนตรีกระทรวงเศรษฐกิจอินโดนีเซีย เปิดเผยเมื่อวันที่ 7 เม.ย.ที่ผ่านมา ว่า รัฐบาลอินโดนีเซียสนับสนุนแนวทางของมาเลเซีย พร้อมกับกล่าวว่า อาเซียนจะไม่ดำเนินการตอบโต้ต่อสหรัฐฯ ซึ่งรวมถึงอินโดนีเซียและมาเลเซีย แต่จะผลักดันให้เกิดความคืบหน้าผ่านข้อตกลงกรอบการค้าและการลงทุน
โดยอ้างถึงข้อตกลงระหว่างกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กับสหรัฐฯ เมื่อปี 2549 ซึ่งทำหน้าที่เสริมสร้างความสัมพันธ์เศรษฐกิจระดับทวิภาคี
เช่นเดียวกับ คริสตินา อัลเดเกอร์-โรก (Cristina Aldeguer-Roque) รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์ฟิลิปปินส์ กล่าวว่า ฟิลิปปินส์มีความกระตือรือร้นที่จะเข้าร่วมการตอบสนองในระดับอาเซียน และแน่นอน เราทุกคนทำงานร่วมกันในฐานะอาเซียน
ด้านลอว์เรนซ์ หว่อง (Lawrence Wong) นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ กล่าวว่า สิงคโปร์จะทำงานอย่างใกล้ชิดกับมาเลเซียและพันธมิตรอาเซียนต่อไป เพื่อกระชับการบูรณาการทางเศรษฐกิจในภูมิภาค และมีส่วนร่วมอย่างสร้างสรรค์กับพันธมิตรการค้าระดับโลก
ที่มา
ติดตามข้อมูลด้านเศรษฐกิจและนโยบายรัฐบาล กับ ThairathMoney ได้ที่
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ https://www.facebook.com/ThairathMoney
Author