
“คาเวียร์” อาหารระดับลักซ์ชูรีที่หลายคนอยากลิ้มลอง ซึ่งอาหารหรูหราชนิดนี้นับว่าเป็นหนึ่งในของหายากที่สุดในโลก เช่นเดียวกับฟัวกราส์และเห็ดทรัฟเฟิล และแม้ว่าคาเวียร์จากปลาสเตอร์เจียนที่จับได้ในทะเลแคสเปียนจะเป็นที่ต้องการสูง แต่ปัจจุบันปลาสเตอร์เจียนเหล่านี้กำลังเผชิญกับภาวะใกล้สูญพันธุ์เนื่องจากการจับปลามากเกินไป
การค้าระหว่างประเทศเกี่ยวกับปลาสเตอร์เจียน รวมถึงคาเวียร์ถูกจำกัดภายใต้อนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศ ชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ (หรือที่รู้จักกันในชื่ออนุสัญญาวอชิงตัน) ทำให้คาเวียร์ที่ผลิตจากปลาสเตอร์เจียนที่เลี้ยงในฟาร์มในประเทศจีนเป็นที่ต้องการมากขึ้น เนื่องจากมีคุณภาพที่สม่ำเสมอในราคาที่สามารถเข้าถึงได้
ส่งผลให้ธุรกิจบ่อเลี้ยงปลาสเตอร์เจียนเติบโตขึ้นอย่างมาก โดยเฉพาะในจีนที่ปัจจุบันกลายเป็นตลาดผลิตคาเวียร์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ถือสัดส่วนอยู่มากถึง 60% ของโลก โดยตลาดหลักที่นำเข้าคาเวียร์จีน ได้แก่ สหรัฐอเมริกา และประเทศในสหภาพยุโรป (EU)
อย่างไรก็ตาม แม้จีนจะยังต้องเผชิญกับภาษีศุลกากรจากสหรัฐอเมริกา แต่พบว่า ในปี 2023 จีนสามารถส่งออกคาเวียร์ไปยังตลาดโลกเป็นปริมาณกว่า 276 ตัน เพิ่มขึ้น 3% จากปีก่อนหน้า และเพิ่มขึ้นเกือบ 2 เท่าของปริมาณการส่งออกในปี 2019 ซึ่งอยู่ที่ 140 ตัน
ด้วยราคาต่อหน่วยเกือบ 300 ดอลลาร์สหรัฐต่อกิโลกรัม ซึ่งราคาเพิ่มขึ้น 4% จากปี 2022 การส่งออกคาเวียร์ของจีนสามารถสร้างรายได้ที่ 82.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2023
บริษัท Sichuan Runzhao Fisheries หนึ่งในศูนย์เพาะเลี้ยงปลาสเตอร์เจียน ตั้งอยู่ในพื้นที่กว่า 150,000 ตารางเมตร และมีบ่อเลี้ยงปลาสเตอร์เจียนกว่า 274 บ่อ แต่เนื่องจากต้องใช้เวลานานถึง 8-15 ปีในการให้ไข่มีขนาดใหญ่พอสำหรับนำไปผลิตเป็นคาเวียร์ ทำให้บริษัทต้องเลี้ยงปลาสเตอร์เจียนมากกว่า 700,000 ตัวในแต่ละครั้ง โดยมีการแยกเลี้ยงตามสายพันธุ์และสภาวะการเติบโต
เมื่อตัวปลามีขนาดโตจนมีน้ำหนักตั้งแต่หลาย 10 กิโลกรัมไปจนถึงมากกว่า 100 กิโลกรัม ปลาจะถูกนำขึ้นจากบ่อ มาทำอัลตราซาวนด์เพื่อยืนยันว่าไข่พร้อมสำหรับการเก็บเกี่ยว จากนั้นไข่ที่เก็บได้จะถูกล้างสะอาด ผ่านกระบวนการหมักเกลือ และปิดผนึกในกระป๋องเพื่อเก็บรักษา โดยคาเวียร์จะถูกส่งออกระหว่างเดือนกันยายนถึงธันวาคม
บริษัท Sichuan Runzhao Fisheries สามารถผลิตคาเวียร์ได้ประมาณ 60 ตันต่อปี และในการส่งออกสัดส่วน 2 ใน 3 ถูกส่งไปยังกว่า 30 ประเทศ และปัจจุบันบริษัทมีส่วนแบ่งตลาดคาเวียร์ทั่วโลกมากกว่า 10%
ที่มา: Nikkei Asia, SCMP
ติดตามเพจ Facebook: Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ - https://www.facebook.com/ThairathMoney