ถอดรหัส "เอนเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์" ทั่วโลก "กาสิโน" เศรษฐกิจใหม่ต้องได้ให้คุ้มเสีย

Economics

Global Economics

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

Tag

ถอดรหัส "เอนเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์" ทั่วโลก "กาสิโน" เศรษฐกิจใหม่ต้องได้ให้คุ้มเสีย

Date Time: 27 ม.ค. 2568 06:30 น.

Summary

  • เปิดโมเดลเอนเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์และกาสิโนจากทั่วโลก มาถอดบทเรียนการสร้างรายได้ควบคู่ไปกับการรักษาไว้ซึ่งความสงบเรียบร้อยของสังคม เพื่อเป็นการนับหนึ่งเดินหน้าโครงการเอนเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์ กาสิโนถูกกฎหมายในประเทศไทย

Latest

ทรัมป์เรียกถก CEO ยักษ์ใหญ่ หลังนโยบายภาษีสะเทือนธุรกิจ ย้ำวิธีนี้จะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจ

ไม่ได้มาเล่นๆ ผ่านปีใหม่ยังไม่ทันข้ามเดือน รัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ก็เดินหน้านำร่าง พ.ร.บ.ธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. ...หรือเอนเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์ ผ่านความเห็นชอบจากการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ไปเมื่อวันที่ 13 ม.ค.2568

ขั้นตอนต่อไป สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาจะใช้เวลาพิจารณาราว 45-50 วัน เพื่อนำเสนอร่างกฎหมายเข้าสู่วาระการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร โดยรัฐบาลคาดหวังว่าจะเข้าสู่ที่ประชุมสภาได้ในช่วงปลายเดือน มี.ค.2568 และเข้าสู่ขั้นตอนการออกกฎหมายภายในปลายปี 2568 เพื่อให้มีผลบังคับใช้ได้ต้นปี 2569

ก่อนจะไปถึงวันนั้น กฎหมายเอนเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์ น่าจะต้องผ่านอีกหลายด่านวัดใจ เนื่องด้วยองค์ประกอบสำคัญของสถานบันเทิงครบวงจรที่ว่า คือการเปิด “กาสิโน” หรือบ่อนพนันถูกกฎหมาย ซึ่งเป็นทั้งเรื่อง “ใหม่” และ เรื่อง “ใหญ่”

โดยเฉพาะข้อกังวลต่อผลกระทบทางสังคมมากมาย การพนันไม่เคยทำให้คนรวย เป็นแหล่งมอมเมา มั่วสุม อาจเป็นแหล่งฟอกเงินของเหล่าอาชญากรรม ประเทศไทยจึงไม่เคยมีบ่อนพนันถูกกฎหมาย

แต่เพราะคนไทยกับการพนันแทบจะแยกจากกันไม่ออก ธุรกิจพนันในไทยจึงเป็นธุรกิจใต้ดิน มูลค่าเงินหมุนเวียนมหาศาล ประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ประเมินว่า เฉพาะแค่พนันออนไลน์คาดว่าจะมีมูลค่าสูงถึงปีละ 3 ล้านล้านบาท ขณะที่บ่อนปอยเปต กัมพูชาติดชายแดนประเทศไทย มีคนไทยเป็นลูกค้าหลัก สร้างเม็ดเงินให้กัมพูชาเฉลี่ยปีละ 1,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 50,000 ล้านบาท)

จะผิดไหม...หากประเทศไทยจะมีกาสิโนเสียเอง โดยใช้โมเดลเอนเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์แบบที่หลายประเทศทำสำเร็จ ให้กาสิโนเป็นส่วนเล็กๆ ส่วนหนึ่งของเมืองบันเทิงครบวงจร ดึงเงินลงทุน ดึงนักท่องเที่ยว นักเสี่ยงโชคเข้ามา เก็บกวาดภาษี รายได้ สร้างงาน สร้างเงินเข้าประเทศ โดยกำหนดมาตรการป้องกัน ลดผลกระทบทางสังคม ผ่านการพิจารณาข้อกฎหมาย ชั่งน้ำหนักได้–เสียอย่างรอบคอบ ถี่ถ้วน

วันนี้ “ทีมเศรษฐกิจ หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” จึงขอรวบรวมข้อมูลความสำเร็จของโมเดลเอนเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์และกาสิโนจากทั่วโลก มาถอดบทเรียนการสร้างรายได้ควบคู่ไปกับการรักษาไว้ซึ่งความสงบเรียบร้อยของสังคม เพื่อเป็นการนับหนึ่งเดินหน้าโครงการเอนเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์ กาสิโนถูกกฎหมายในประเทศไทย

สหรัฐอเมริกา

ตลาดกาสิโนที่ใหญ่ที่สุดในโลกได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล พัฒนาเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ที่มีกาสิโนเป็นส่วนประกอบหลัก เช่น ลาสเวกัส รัฐเนวาดา และแอตแลนติกซิตี้ รัฐนิวเจอร์ซี โดยในปี 2473 ทางรัฐเนวาดาเป็นรัฐแรกที่อนุญาตให้การพนันถูกกฎหมาย

ยังส่งผลให้ลาสเวกัส พื้นที่ทะเลทรายแห้งแล้งถูกพัฒนาจนกลายเป็นเมืองศูนย์กลางของกาสิโนและความบันเทิงระดับโลก ถูกขนานนามให้เป็น “เมืองหลวงแห่งความบันเทิงของโลก” โดยในปี 2566 มีนักท่องเที่ยวไปเยือนเกือบ 41 ล้านคน และล่าสุดปี 2567 ตั้งแต่ ม.ค.-พ.ย. ต้อนรับนักท่องเที่ยวแล้วกว่า 38.2 ล้านคน โดยคาดว่าในปี 2567 อเมริกาจะมีรายได้จากการเปิดให้เล่นพนันประมาณ 47,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

มาเก๊า

ตลาดกาสิโนใหญ่เป็นอันดับสองของโลก คาดว่าในปี 2567 มีรายได้จากธุรกิจพนัน Gross Gaming Revenue หรือ GGR กว่า 28,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ส่วนปีนี้คาดว่าจะมีรายได้เพิ่มเป็น 30,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ด้วยจำนวนนักท่องเที่ยวมาเยือนที่ 38-39 ล้านคน จากการขับเคลื่อนของนักท่องเที่ยวจีนเป็นหลัก

นับตั้งแต่ในปี 2390 รัฐบาลโปรตุเกส ซึ่งปกครองมาเก๊าในขณะนั้น อนุญาตให้ดำเนินกิจการกาสิโนอย่างถูกกฎหมาย ทำให้มาเก๊ากลายเป็นดินแดนแห่งอุตสาหกรรมกาสิโนแห่งแรกของเอเชีย หลังสิ้นสุดยุคอาณานิคม รัฐบาลโปรตุเกสได้แสดงความประสงค์คืนมาเก๊าให้กับจีน ซึ่งต่อมาในปี 2545 รัฐบาลจีนมีนโยบายเปิดเสรีอุตสาหกรรมกาสิโนในมาเก๊า โดยออกใบอนุญาตให้บริษัทข้ามชาติเข้ามาดำเนินกิจการ ทำให้บริษัทยักษ์ใหญ่ต่างประเทศหลายแห่งเข้ามาลงทุน

มาเก๊ามีรายได้หลักจากธุรกิจกาสิโน สัดส่วน 83% ของรายได้ทั้งหมดของรัฐบาลมาเก๊า โดยปัจจุบันหัวหน้าฝ่ายบริหารของมาเก๊ากำลังอยู่ระหว่างปรับเปลี่ยนรูปแบบธุรกิจ ให้ลดการพึ่งพารายได้จากการพนันลงและเพิ่มรายได้จากส่วนอื่น

ผ่านการออกมาตรการสนับสนุนการลงทุนในสถานที่ที่ไม่ใช่การพนัน เช่น โครงสร้างพื้นฐานด้านความบันเทิงและการท่องเที่ยว ซึ่งจะช่วยกระจายแหล่งรายได้ในช่วงทศวรรษหน้า เพราะรู้ว่าต้องเผชิญกับความท้าทายในอนาคต เช่น การแข่งขันจากตลาดในประเทศอื่นๆ เช่น ฟิลิปปินส์และไทย ตลอดจนการสูญเสียตลาดวีไอพีบางส่วนให้กับสิงคโปร์

เพื่อตอบสนองนโยบายดังกล่าว บริษัทยักษ์ใหญ่ 6 แห่ง ประกอบด้วย Sands China, Wynn Macau, MGM China, Galaxy Entertainment Group, Melco Resorts & Entertainment และ SJM Resorts ได้ให้คำมั่นว่าจะมีการลงทุนโครงการที่ไม่ใช่กาสิโนรวมกันเป็นมูลค่า 13,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ภายใน 10 ปีข้างหน้า

ยกตัวอย่าง Sands ที่เปิดแผนลงทุนเกือบ 4,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อเปลี่ยนรีสอร์ตให้ตอบโจทย์การท่องเที่ยวที่หลากหลายขึ้นมากกว่าการพนัน ด้วยการเปลี่ยน Sands Cotai Central ให้กลายเป็น The Londoner Macao ซึ่งมีจุดเด่นคือการจำลองสถานที่สำคัญในลอนดอน

สิงคโปร์

จากเป้าหมายที่รัฐบาลสิงคโปร์ต้องการเพิ่มศักยภาพการท่องเที่ยวและแข่งขันกับประเทศที่เป็นจุดหมายปลายทางในภูมิภาค เช่น ฮ่องกงและกรุงเทพฯ นำไปสู่การดำริเปิดกาสิโนในสิงคโปร์อย่างถูกกฎหมาย ซึ่งถูกกระแสคัดค้าน วิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักจากคนในท้องถิ่น เกี่ยวกับผลกระทบด้านลบต่อสังคม แต่ในที่สุดกาสิโนของสิงคโปร์ ซึ่งวางรูปแบบเป็นเอนเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์ หรือรีสอร์ตแบบบูรณาการ ก็ได้เปิดตัวขึ้นในนาม Resorts World Sentosa โดย Genting Singapore ในปี 2553 และ Marina Bay Sands เปิดตัวในปี 2554

ก่อนการเดินหน้าโปรเจกต์ดังกล่าว รัฐบาลสิงคโปร์ได้จัดตั้งหน่วยงานควบคุมการพนันสิงคโปร์ขึ้นในปี 2551 เพื่อดูแลกฎหมายเกี่ยวกับการพนัน ออกข้อจำกัดในการรับคนในท้องถิ่นเข้าสู่กาสิโน ด้วยการเก็บค่าธรรมเนียมแรกเข้าที่ 100 ดอลลาร์สิงคโปร์ต่อครั้งหรือ 2,000 ดอลลาร์สิงคโปร์ต่อปี (เพิ่มเป็น 150 ดอลลาร์สิงคโปร์ต่อครั้งหรือ 3,000 ดอลลาร์สิงคโปร์ต่อปีในวันที่ 4 เม.ย. 2562) และห้ามกาสิโนปล่อยสินเชื่อให้กับคนท้องถิ่น

ธุรกิจกาสิโนในสิงคโปร์ประสบความสำเร็จสูงมาก จากความเป็นศูนย์การทางการเงินในเอเชีย ทำให้มีเงินทุนไหลเข้าประเทศอย่างต่อเนื่อง คนจีนแผ่นดินใหญ่จำนวนมากที่เคยเก็บเงินไว้ในฮ่องกง ยังย้ายเงินทุนส่วนหนึ่งไปที่สิงคโปร์ด้วย

ในปี 2567 ประเมินว่าตลาดกาสิโนของสิงคโปร์อยู่ในระดับ 6,900 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้นจาก 5,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯในปีก่อนหน้า โดยมีเป้าหมาย จับกลุ่มลูกค้าวีไอพีมากขึ้น เน้นการท่องเที่ยวที่ไม่ใช่การพนัน (ที่มีสัดส่วนของรายได้ 30%)

ออสเตรเลีย

กาสิโนในออสเตรเลียมีความสำคัญยิ่งต่อเศรษฐกิจ มีกาสิโนที่ได้รับอนุญาต ถูกกฎหมายหลายแห่งทั่วประเทศ รัฐบาลมีรายได้จากภาษี ค่าธรรมเนียม การสร้างงาน การท่องเที่ยว โดย Crown Resorts เป็น 1 ในกลุ่มธุรกิจบันเทิงที่ใหญ่ที่สุดของออสเตรเลีย บริหารกาสิโนในเมืองเมลเบิร์น, เพิร์ธ และซิดนีย์ รวมทั้ง Star Entertainment Group บริหารกาสิโนในเมืองซิดนีย์, บริสเบน และโกลด์ โคสต์

ปี 2568 ขนาดของตลาดกาสิโนในออสเตรเลียคาดว่าจะมีมูลค่าประมาณ 4,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ อยู่ในระดับทรงตัว โดยช่วง 5 ปีที่ผ่านมา โตติดลบมาตลอด จากผลกระทบโควิด-19 และพนันออนไลน์

แคนาดา

ตลาดพนันของแคนาดา คาดว่าจะสร้างรายได้ประมาณ 4,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ตลาดใหญ่อยู่ที่รัฐออนแทรีโอและบริติชโคลัมเบีย ผู้ประกอบการสำคัญคือ Great Canadian Gaming Corporation และ Ontario Lottery and Gaming Corporation

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมามีการเปิดกาสิโนรีสอร์ตขนาดใหญ่ เช่น Great Canadian Casino Resort ในโตรอนโต ซึ่งมีพื้นที่กว่า 328,000 ตารางฟุต และมีเครื่องสล็อตมากถึง 4,800 เครื่อง และเกมโต๊ะ 145 เกม แสดงให้เห็นถึงแนวโน้มที่มุ่งไปสู่การสร้างศูนย์รวมความบันเทิงที่มีทั้งการพนันและกิจกรรมอื่นๆ

สหราชอาณาจักร

ตลาดกาสิโนของสหราชอาณาจักรสร้างรายได้ประมาณ 2,500- 3,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯต่อปี มีผู้ประกอบการหลักอย่าง Rank Group, Genting UK และ Aspers Group Ltd โดยมีการท่องเที่ยวเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยผลักดันจำนวนผู้มาเยือนและรายได้

ฟิลิปปินส์

มูลค่าตลาดพนันของฟิลิปปินส์ขยายตัวอย่างรวดเร็ว มีรายได้ระดับ 2,500-3,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯต่อปี มีผลิตภัณฑ์หลากหลาย รวมถึงกาสิโนแบบดั้งเดิมและบริการบันเทิงอื่นๆ โดยเฉพาะในพื้นที่ Entertainment City ในกรุงมะนิลา ซึ่งมีรีสอร์ตครบวงจร ด้วยผู้ประกอบการทั้งภาครัฐและเอกชน ได้แก่ Philippine Amusement and Gaming Corporation (PAGCOR), Resorts World Manila, Alliance Global Group, Inc. (AGI), Melco Resorts & Entertainment เป็นต้น

เกาหลีใต้

กฎหมายเกาหลีใต้ห้ามพลเมืองของตนเล่นการพนันที่กาสิโน ยกเว้นกาสิโนคังวอนแลนด์ ที่จังหวัดคังวอนเพียงแห่งเดียวที่อนุญาตให้พลเมืองเกาหลีใต้เข้าได้ กาสิโนแห่งนี้มีเกมมากมาย รวมถึงโต๊ะเกมกว่า 200 โต๊ะ และเครื่องเล่นเกมวิดีโอ 1,350 เครื่อง ผู้เข้าใช้บริการต้องมีอายุ 19 ปีขึ้นไป

ตลาดกาสิโนของเกาหลีใต้มีมูลค่าประมาณ 2,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯต่อปี ที่มีชื่อเสียงคือ Paradise Casino Walkerhill ตั้งอยู่ในกรุงโซล, Seven Luck Casino Gangnam COEX ในย่านกังนัมของกรุงโซล, Let’s Run Park Busan Gyeongnam เมืองปูซาน และ Seven Luck Casino Busan Lotte เมืองปูซาน โดยปัจจุบันรัฐบาลเกาหลีใต้ได้ปรับปรุงกฎหมายให้เป็นมิตรกับนักลงทุนต่างชาติมากขึ้น ผ่านกระบวนการประกวดราคาเพื่อขอใบอนุญาตเปิดกาสิโน

ฝรั่งเศส

กาสิโนในฝรั่งเศสได้รับอนุญาตให้ดำเนินการภายใต้เงื่อนไขที่เข้มงวด โดยต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบที่กำหนด ตลาดรวมมีมูลค่าประมาณปีละ 2,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ มีผู้ประกอบการหลักคือ Groupe Partouche และ Casino Barrière

ญี่ปุ่น

แม้จะมีนโยบายห้ามเล่นการพนันที่เข้มงวด โดยห้ามการพนันทุกรูปแบบ ยกเว้นในรีสอร์ตแบบบูรณาการ (Integrated Resort) ซึ่งรวมกาสิโนไว้ด้วย แต่ในปี 2562 รัฐบาลญี่ปุ่นได้อนุมัติกฎหมายที่ให้สร้างกาสิโนภายในรีสอร์ตในบางพื้นที่ เช่น โอซากา ซึ่งคาดว่าจะเปิดในปี 2573 โดยมีการจำกัดการเข้าถึงกาสิโนสำหรับพลเมืองญี่ปุ่นเอาไว้ ให้เข้าได้ไม่เกิน 10 วันต่อเดือน ต้องเสียค่าธรรมเนียมเข้า 6,000 เยน และต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดต่างๆ เช่น การจำกัดพื้นที่กาสิโนไม่เกิน 3% ของพื้นที่รีสอร์ต และเก็บภาษีจากรายได้กาสิโนที่ 30%

MGM Osaka กาสิโนแห่งแรกของญี่ปุ่น ที่จะเปิดในโอซากาปี 2572 จะรวมโรงแรม ศูนย์ประชุม และสิ่งอำนวยความสะดวกด้านความบันเทิง โดยมีมูลค่าโครงการ 13,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เป็นการลงทุนจาก MGM Resorts และพันธมิตรท้องถิ่น

ด้วยจุดยุทธศาสตร์ด้านทำเลที่ตั้งและต้นทุนในฐานะเมืองท่องเที่ยวสำคัญ การเปิดตลาดกาสิโนในไทยจะสร้างความคึกคักและความครั่นคร้ามในคราวเดียวกันต่อตลาดพนันในเอเชีย

ทันทีที่รัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร ผ่านร่างกฎหมาย เริ่มมีความสนใจจากยักษ์ใหญ่ระดับโลกเข้ามา โดยร็อบ โกลด์สไตน์ ซีอีโอของ Las Vegas Sands บริษัทผู้ประกอบธุรกิจกาสิโนและรีสอร์ตระดับโลก ประกาศความสนใจลงทุนในไทยทันที โดยมองว่า มีศักยภาพสูง ทั้งขนาดประชากร การเข้าถึง และความนิยมจากนักท่องเที่ยว คาดว่าไทยอาจเปิดกาสิโนได้เร็วกว่าญี่ปุ่น 1 ปี

อย่างไรก็ตาม...สิ่งที่สำคัญไม่แพ้การสร้างรายได้ คือการสร้างเกราะคุ้มกันคนในสังคม โดยเฉพาะกลุ่มเยาวชน ลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อความสงบเรียบร้อยที่พึงมี ด้วยการวางกรอบกติกาอย่างรอบด้าน รัดกุม มิเช่นนั้นอาจเป็นเรื่องได้ไม่คุ้มเสีย.


ทีมเศรษฐกิจ

อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ