
วันนี้ (20 ม.ค. 2568) ทั่วโลกให้การจับตามองการลงนามคำสั่งบริหารของ โดนัลด์ ทรัมป์ ระหว่างพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนที่ 47 ซึ่งจะจัดขึ้น ณ อาคารรัฐสภา ในกรุงวอชิงตันดี.ซี. เวลา 12.00 น. (ตามเวลาสหรัฐฯ) หรือตรงกับเวลาเที่ยงคืนประเทศไทย โดยคาดว่าทรัมป์จะทำการเพิกถอนหรือยกเลิกกฎหมายสำคัญที่เกิดขึ้นในรัฐบาลโจ ไบเดน มากกว่า 200 ฉบับ ซึ่งจะมีผลทางกฎหมายทันที โดยไม่ต้องผ่านสภาคองเกรส
Thairath Money ชวนเช็กลิสต์นโยบายทำทันทีของโดนัลด์ ทรัมป์ที่จะเริ่มดำเนินตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดี มีอะไรบ้าง
หลังจากที่ศาลฎีกาตัดสินให้ Tiktok ยุติการให้บริการในสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 19 ม.ค.ที่ผ่านมา ส่งผลให้แอปพลิเคชันถูกลบออกจาก Apple Store และ Google Play ทันที ล่าสุดวันนี้ Tiktok เริ่มกลับมาให้บริการกับผู้ใช้งานบางส่วน เนื่องจากทรัมป์ประกาศว่าจะขยายเวลาการแบน Tiktok ออกไปอีก 90 วัน ตั้งแต่วันแรกของการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี
การก่อจลาจลและการขาดดุลทางการคลังในช่วงที่ผ่านมา ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากนโยบายสวัสดิการผู้อพยพ เพื่อลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นของรัฐบาล ทรัมป์ให้คำมั่นสัญญาว่าจะเนรเทศผู้อพยพผิดกฎหมายทันที ในวันแรกที่เข้าดำรงตำแหน่ง ซึ่งเขาอ้างว่าจะเป็นโครงการเนรเทศครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ รวมถึงจะทำการปิดพรมแดนสหรัฐฯ-เม็กซิโก ยกเลิกนโยบายย้ายถิ่นฐานของอดีตประธานาธิบดีโจ ไบเดน และการรื้อฟื้นนโยบายห้ามนักท่องเที่ยวมุสลิมบางกลุ่มเดินทางเข้าสหรัฐฯ
เพื่อแก้ปัญหาผู้อพยพผิดกฎหมายล้นสหรัฐฯ ทรัมป์ยังให้คำมั่นว่าจะยกเลิกกฎหมายการให้สัญชาติโดยอัตโนมัติ สำหรับผู้ใดก็ตามที่เกิดภายใต้พรมแดนสหรัฐฯ ซึ่งรวมถึงบุตรของบุคคลที่ไม่ใช่พลเมือง ทำให้เกิดปัญหาแรงงานเถื่อนลักลอบเข้ามาคลอดลูกในสหรัฐฯ เพื่อเอาสัญชาติ ส่งผลให้สหรัฐฯ ต้องแบกรับค่าใช้จ่ายด้านสวัสดิการเพิ่มขึ้นหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และอ้างว่าปัจจุบันสหรัฐฯ เป็นประเทศเดียวในโลกที่ให้สิทธิการเป็นพลเมืองโดยอัตโนมัติแก่บุคคลที่เกิดบนผืนแผ่นดินของตน โดยไม่คำนึงถึงเงื่อนไขอื่นใด
การขึ้นภาษีศุลกากรถือเป็นหนึ่งในนโยบายเรือธงของทรัมป์ เพื่อปกป้องอุตสาหกรรมในประเทศ โดยเฉพาะจีนที่สหรัฐฯ ขาดดุลการค้าด้วยมาอย่างยาวนาน โดยทรัมป์ให้คำมั่นสัญญาว่าจะขึ้นภาษีศุลกากรกับประเทศคู่ค้าที่ขาดดุลกับสหรัฐฯ โดยจะขึ้นภาษี 25% สำหรับสินค้าที่นำเข้าจากแคนาดา เม็กซิโก และเพิ่มภาษีเพิ่มอีก 10% จากอัตราภาษีเดิมของสินค้าที่นำเข้าจากจีน ซึ่งนักเศรษฐศาสตร์มองว่านโยบายนี้จะเป็นผลเสียต่อชาวอเมริกัน ซ้ำเติมปัญหาค่าครองชีพ โดยอาจกระตุ้นให้เงินเฟ้อกลับมาพุ่งสูงขึ้นอีกครั้ง
เป็นที่ทราบกันดีว่า ทรัมป์และพรรครีพับลิกันนั้นต่อต้านแนวคิดสนับสนุนสิ่งแวดล้อม และการแก้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate change) โดยมองว่าเป็นการหลอกลวงเพื่อขายสินค้าใหม่ที่อ้างว่ารักษ์สิ่งแวดล้อม ระหว่างการหาเสียงทรัมป์ให้คำมั่นว่าจะยกเลิกกฎหมาย Inflation Reduction Act ของโจ ไบเดน อดีตประธานาธิบดี ตั้งแต่วันแรกที่ทำงาน ซึ่งเป็นกฎหมายที่มุ่งต่อสู้กับวิกฤตโลกรวน สนับสนุนให้สหรัฐฯ เป็นผู้นำการเปลี่ยนผ่านไปสู่การใช้พลังงานสะอาด ซึ่งไบเดนเชื่อว่าจะช่วยแก้ปัญหาเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ในระยะยาวได้
ปลดล็อกกฎหมายที่เป็นอุปสรรคต่อภาคพลังงาน เช่น ยกเลิกการระงับใบอนุญาตขุดเจาะน้ำมัน สนับสนุนให้เพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ และยกเลิกการจำกัดปริมาณปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ของโรงไฟฟ้าถ่านหิน การยกเลิกข้อจำกัดดังกล่าวจะทำให้ราคาพลังงานของสหรัฐฯ ถูกลงจากอุปทานที่มีมากขึ้น ซึ่งทรัมป์อ้างว่าจะช่วยแก้ปัญหาเงินเฟ้อและวิกฤติค่าครองชีพของคนอเมริกัน
คำสัญญาที่เป็นส่วนตัวมากที่สุดอย่างหนึ่งของทรัมป์คือ บอกว่าจะอภัยโทษคนที่ถูกดำเนินคดีในการจลาจลบุกรัฐสภาในวันที่ 6 ม.ค. 2564 เพราะไม่เห็นด้วยกับผลการเลือกตั้งปี 2563 ที่โจ ไบเดนเป็นฝ่ายชนะ
ติดตามข้อมูลเศรษฐกิจต่างประเทศ กับ Thairath Money ได้ที่
https://www.thairath.co.th/money/economics/world_econ
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ https://www.facebook.com/ThairathMoney