6 แบงก์ใหญ่สหรัฐฯ  ถอนตัว Net Zero การเมืองเปลี่ยนขั้ว  หวั่นรัฐบาลทรัมป์หาเรื่องโจมตี

Economics

Global Economics

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

6 แบงก์ใหญ่สหรัฐฯ ถอนตัว Net Zero การเมืองเปลี่ยนขั้ว หวั่นรัฐบาลทรัมป์หาเรื่องโจมตี

Date Time: 12 ม.ค. 2568 11:54 น.

Video

Jack Ma กลับมา จะพา Alibaba สร้างอำนาจใหม่ให้วงการเทคจีนได้ยังไง ? | Digital Frontiers EP.50

Summary

6 แบงก์ใหญ่สหรัฐฯ ถอนตัวพันธมิตร Net Zero ก่อนทรัมป์รับตำแหน่งประธานาธิบดี กังวลการเมืองเปลี่ยนขั้ว รัฐบาลต่อต้านความยั่งยืน

Latest


สื่อต่างประเทศรายงาน 6 ธนาคารพาณิชย์รายใหญ่ในสหรัฐฯ ประกาศถอนตัวจาก The Net Zero Banking Alliance (NZBA) ซึ่งเป็นกลุ่มพันธมิตรธนาคารที่กำหนดแนวทางการดำเนินงานของภาคการเงินร่วมกัน เพื่อบรรลุเป้าหมาย Net Zero หรือลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้เป็นศูนย์ภายในปี 2593 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการริเริ่มทางการเงินเพื่อสิ่งแวดล้อมขององค์กรสหประชาชาติ

โดย JP Morgan เป็นธนาคารล่าสุดที่ประกาศถอนตัวไปเมื่อวันที่ 7 ม.ค.ที่ผ่านมา หลังจากที่ 5 ธนาคารใหญ่ ได้แก่ Citigroup, Goldman Sachs, Wells Fargo, Bank of America และ Morgan Stanley ทยอยประกาศถอนตัวตั้งแต่ต้นเดือน ธ.ค.2567

ทั้งนี้ ธนาคารไม่ได้ระบุเหตุผลที่ชัดเจนในการตัดสินใจถอนตัวครั้งนี้ เพียงแต่ชี้แจงแนวทางดำเนินงานในอนาคต เช่นเดียวกับธนาคารอื่นๆ ก่อนหน้านี้

JP Morgan กล่าวในแถลงการณ์ทางอีเมลว่า "เราจะทำงานอย่างอิสระต่อไปเพื่อส่งเสริมผลประโยชน์ของบริษัท ผู้ถือหุ้น และลูกค้าของเรา และยังคงมุ่งเน้นไปที่โซลูชันที่เป็นรูปธรรมเพื่อช่วยส่งเสริมเทคโนโลยีคาร์บอนต่ำในขณะที่ยกระดับความมั่นคงด้านพลังงาน เราจะยังคงสนับสนุนความต้องการของภาคธนาคารและการลงทุนของลูกค้าที่มีส่วนร่วมในการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานและการลดการปล่อยคาร์บอนในภาคส่วนต่างๆ ของเศรษฐกิจต่อไป"

อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ตั้งข้อสังเกตว่า การที่ธนาคารรายใหญ่ทยอยประกาศถอนตัวจาก NZBA เป็นผลมาจากแรงกดดันทางการเมืองจากนักการเมืองฝ่ายอนุรักษ์นิยมที่จะทวีความรุนแรงขึ้น หลังโดนัลด์ ทรัมป์เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีอย่างเป็นทางการ ในพิธีสาบานตน ซึ่งจะเกิดขึ้นในวันที่ 20 ม.ค.นี้

เป็นที่ทราบกันดีว่า ทรัมป์และพรรครีพับลิกันนั้นต่อต้านแนวคิดสนับสนุนสิ่งแวดล้อม และการแก้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate change) โดยมองว่าเป็นการหลอกลวงเพื่อขายสินค้าใหม่ที่อ้างว่ารักษ์สิ่งแวดล้อม

ระหว่างการหาเสียงทรัมป์ให้คำมั่นว่า จะยกเลิกกฎหมาย Inflation Reduction Act ของโจ ไบเดน อดีตประธานาธิบดี ตั้งแต่วันแรกที่ทำงาน ซึ่งเป็นกฎหมายที่มุ่งต่อสู้กับวิกฤตโลกรวน สนับสนุนให้สหรัฐฯ เป็นผู้นำการเปลี่ยนผ่านไปสู่การใช้พลังงานสะอาด ซึ่งไบเดนเชื่อว่า จะช่วยแก้ปัญหาเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ในระยะยาวได้

นอกจากนี้เขายังมีเป้าหมายที่จะปลดล็อกกฎหมายที่เป็นอุปสรรคต่อภาคพลังงาน เช่น ยกเลิกการระงับใบอนุญาตขุดเจาะน้ำมัน สนับสนุนให้เพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ และยกเลิกการจำกัดปริมาณปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ของโรงไฟฟ้าถ่านหิน การยกเลิกข้อจำกัดดังกล่าวจะทำให้ราคาพลังงานของสหรัฐฯ ถูกลง จากอุปทานที่มีมากขึ้น ซึ่งทรัมป์อ้างว่าจะช่วยแก้ปัญหาเงินเฟ้อ และวิกฤติค่าครองชีพของคนอเมริกัน

“เมื่อไม่กี่ปีก่อน การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นวาระทางการเมืองที่สำคัญ ธนาคารต่าง ๆ จึงกระตือรือร้นที่จะแสดงความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม ตอนนี้การเมืองเปลี่ยนขั้วการดำเนินการแก้ปัญหาสภาพภูมิอากาศจึงไม่สำคัญสำหรับธนาคารอีกต่อไป” Paddy McCully นักวิเคราะห์อาวุโสของกลุ่มรณรงค์ Reclaim Finance กล่าว

ย้อนรอยแบงก์ใหญ่ โดนฟ้องคดีรักษ์สิ่งแวดล้อม

ตั้งแต่ปี 2565 เป็นต้นมา สถาบันการเงินรายใหญ่ต้องอยู่ภายใต้แรงกดดันจากนักการเมืองฝ่ายรีพับลิกัน พยายามขัดขวางไม่ให้เกิดการลงทุนในโครงการที่พวกเขาเห็นว่าเป็นอันตรายต่ออุตสาหกรรมเชื้อเพลิงฟอสซิล

ในเดือน พ.ย.2567 กลุ่มรัฐนำโดยรัฐเท็กซัสได้ยื่นฟ้อง BlackRock, Vanguard และ State Street ซึ่งเป็นบริษัทจัดการสินทรัพย์ขนาดใหญ่ทั้งหมด โดยอ้างว่าบริษัทเหล่านี้สนับสนุนนโยบายการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอย่างสุดโต่ง เพื่อลดการพึ่งพาถ่านหิน ซึ่งผลักดันให้ราคาพลังงานในสหรัฐฯ สูงขึ้น

ต่อมาในเดือน ธ.ค. คณะกรรมการตุลาการที่นำโดยพรรครีพับลิกันในสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งเป็นสภาล่างของรัฐสภาสหรัฐฯ ได้กล่าวหา "กลุ่มผูกขาด" ซึ่งประกอบด้วยสถาบันการเงินและนักเคลื่อนไหวด้านสิ่งแวดล้อมร่วมกัน "กำหนดเป้าหมาย ESG ที่รุนแรง" เพื่อกดดันการดำเนินงานของบริษัทสหรัฐฯ

ที่มา


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ