
เยอรมนี ตามรอยสหราชอาณาจักร เนเธอร์แลนด์ เตรียมหารือมาตรการลดหย่อนภาษีและปฏิรูปสวัสดิการ หวังกระตุ้นให้คนกลับมาทำงาน หลังเผชิญปัญหาชั่วโมงทำงานลดลงมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ ซึ่งเป็นสาเหตุหลักที่ฉุดรั้งการเติบโตเศรษฐกิจทั่วทั้งยุโรป
การแก้ปัญหาคนทำงานน้อยลง กลายเป็นประเด็นถกเถียงนานหลายเดือน ล่าสุดมีความคืบหน้าแล้ว หลังรัฐบาลเยอรมนีภายใต้การนำของ โอลาฟ ชอลซ์ นายกรัฐมนตรี เตรียมประกาศรายละเอียดแผนกระตุ้นการเติบโตเศรษฐกิจในเดือนหน้า โดยมีเป้าหมายเพิ่มแรงจูงใจให้คนทำงานเป็นระยะเวลานานขึ้น
โดยมาตรการที่อยู่ระหว่างการหารือ ได้แก่ การลดภาษีสำหรับคนที่ทำงานล่วงเวลา และการปฏิรูประบบสวัสดิการแรงงาน
สอดคล้องกับข้อมูลล่าสุดของ OECD ที่พบว่า ในปี 2565 เยอรมนี มีชั่วโมงการทำงานเฉลี่ยที่สั้นที่สุดในบรรดาประเทศเศรษฐกิจพัฒนาแล้ว ซึ่งสะท้อนถึงสถานการณ์ตลาดแรงงานยุโรปในปัจจุบัน ที่ผู้หญิงส่วนใหญ่หันมาทำงาน part-time เนื่องจากต้องการมีเวลาว่างเพิ่มมากขึ้น
แม้ค่าครองชีพที่พุ่งสูงขึ้น ท่ามกลางเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง จะผลักดันให้คนรายได้น้อยในเยอรมนีต้องทำงานหนักเพื่อหาเลี้ยงชีพ แต่ในคนบางกลุ่มกลับไม่เป็นเช่นนั้น เพราะแม้จะทำงานเยอะขึ้น แต่รายได้ส่วนใหญ่ก็หมดไปกับการจ่ายภาษี และสวัสดิการลดลง
ทำให้ในช่วง 50 ปีที่ผ่านมา ชั่วโมงทำงานโดยเฉลี่ยต่อปีของชาวเยอรมันลดลง 30% โดยลดลงมากถึง 1 ใน 4 เมื่อเทียบกับระดับชั่วโมงทำงานในสหรัฐอเมริกา สะท้อนถึงเทรนด์การทำงานของชาวยุโรปที่มีแนวโน้มลางานเป็นระยะเวลานานขึ้น
ทั้งนี้นับตั้งแต่การแพร่ระบาดโควิด-19 กลุ่มประเทศยุโรปมีแนวโน้มชั่วโมงทำงานลดน้อยลงเรื่อยๆ เนื่องจากสหภาพแรงงานผลักดันให้ลดชั่วโมงการทำงาน และคำนึงถึงสวัสดิภาพคนทำงานมากขึ้น ส่งผลให้เศรษฐกิจทั้งภูมิภาคเติบโตช้าลง กระทบไปถึงความสามารถในการแข่งขัน ท่ามกลางสังคมสูงวัยที่ซ้ำเติมปัญหาการขาดแคลนแรงงานให้รุนแรงมากยิ่งขึ้น.
อ้างอิง
ติดตามข้อมูลด้านเศรษฐกิจและนโยบายรัฐบาล กับ ThairathMoney ได้ที่
https://www.thairath.co.th/money/economics/thailand_econ
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ https://www.facebook.com/ThairathMoney