เมียนมาขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ อีก 1,000 จ๊าต เป็น 7,800 จ๊าตต่อวัน (ราว 120 บาทไทย) ตั้งแต่ 1 ต.ค. 68

Economics

ASEAN Economics

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

เมียนมาขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ อีก 1,000 จ๊าต เป็น 7,800 จ๊าตต่อวัน (ราว 120 บาทไทย) ตั้งแต่ 1 ต.ค. 68

Date Time: 30 ต.ค. 2568 11:01 น.

Video

“ตะวันออกกลาง” ความหวังใหม่ดันรายได้ท่องเที่ยว เปิดอินไซด์จากทริป Etihad สายการบินเชื่อมโลก | BrandStory EP.28

Summary

รัฐบาลเมียนมา ประกาศปรับขึ้น "ค่าแรงขึ้นต่ำ" เป็น 7,800 จ๊าตต่อวัน หรือราว 120 บาทไทยต่อวัน เริ่มใช้ตั้งแต่ 1 ต.ค. 68 หวังเพิ่มกำลังซื้อ-กระตุ้นเศรษฐกิจ แม้อาจทำให้ต้นทุนภาคธุรกิจสูงขึ้น

สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงย่างกุ้ง รายงานอ้างอิงจาก หนังสือพิมพ์ Global New Light of Myanmar ว่า รัฐบาลเมียนมาได้ประกาศปรับขึ้น ค่าแรงขั้นต่ำทั่วประเทศอีก 1,000 จ๊าต มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2568 ที่ผ่านมา ส่งผลให้ค่าแรงขั้นต่ำใหม่อยู่ที่ 7,800 จ๊าตต่อวัน หรือราว 120 บาทไทยต่อวัน (อ้างอิงอัตราแลกเปลี่ยนปัจจุบันราว 1 บาท = 65 จ๊าต, ข้อมูล ณ เดือนตุลาคม 2568)

โครงสร้างค่าแรงใหม่แบ่งเป็น

  • ค่าแรงขั้นต่ำพื้นฐาน 4,800 จ๊าตต่อวัน สำหรับการทำงาน 8 ชั่วโมง (เฉลี่ยชั่วโมงละ 600 จ๊าต)
  • เงินส่วนเพิ่ม 3,000 จ๊าตต่อวัน ซึ่งเป็นการปรับเพิ่มต่อเนื่องต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 ติดต่อกัน
    โดยมาตรการนี้มีผลบังคับใช้กับสถานประกอบการที่มีลูกจ้างตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป

ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา เมียนมาได้ทยอยเพิ่มเงินส่วนเพิ่มทุกปี ได้แก่

  • 1,000 จ๊าต เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2566
  • 2,000 จ๊าต เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2567
  • และล่าสุด 3,000 จ๊าต เริ่มตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2568 ที่ผ่านมา 

ผลกระทบและนัยต่อเศรษฐกิจในประเทศ

ทั้งนี้ การปรับขึ้นค่าแรงจากเดิม 6,800 จ๊าต เป็น 7,800 จ๊าตต่อวัน มีเป้าหมายหลักเพื่อ เพิ่มกำลังซื้อภายในประเทศ และกระตุ้นให้มี เม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจมากขึ้น ซึ่งอาจช่วยฟื้นการบริโภคในระยะสั้นได้

อย่างไรก็ตาม การเพิ่มปริมาณเงินในระบบ ถูกวิเคราะห์ว่า อาจนำไปสู่ แรงกดดันด้านเงินเฟ้อ และ การอ่อนค่าของเงินจ๊าต ขณะเดียวกัน ภาคธุรกิจ โดยเฉพาะกลุ่มอุตสาหกรรมสิ่งทอและเกษตรแปรรูป อาจต้องแบกรับ ต้นทุนค่าแรงที่สูงขึ้น ซึ่งอาจกระทบต่อราคาสินค้าและความสามารถในการแข่งขันในตลาดส่งออกบางส่วน

แต่แม้จะมีแรงกดดันด้านเงินเฟ้อ แต่เมียนมาถูกมองว่า ยังคงมี ข้อได้เปรียบด้านแรงงานราคาถูก เมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน เช่น กัมพูชา เวียดนาม หรือไทย ซึ่งมีค่าแรงขั้นต่ำเฉลี่ยสูงกว่า 300–400 บาทต่อวัน หากรัฐบาลเมียนมาสามารถรักษาเสถียรภาพเศรษฐกิจและอัตราแลกเปลี่ยนได้ในระดับที่เหมาะสม การปรับขึ้นค่าแรงครั้งนี้อาจเป็นจุดเริ่มต้นของ การฟื้นแรงงานในประเทศและการสร้างฐานการผลิตใหม่ ที่ดึงดูดนักลงทุนในระยะกลาง

ด้านนักวิเคราะห์มองว่า การปรับขึ้นค่าแรงครั้งนี้มีมิติทางสังคมและแรงงานซ่อนอยู่ เนื่องจากในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แรงงานเมียนมาจำนวนมากเดินทางมาทำงานต่างประเทศ โดยเฉพาะในไทย ซึ่งเสนอรายได้สูงกว่าเกือบ 3-4 เท่า ของค่าแรงในประเทศ ดังนั้น การเพิ่มค่าแรงอาจสะท้อนความพยายามของรัฐบาลเมียนมาในการ ชะลอการย้ายถิ่นแรงงาน และ สร้างแรงจูงใจให้แรงงานกลับประเทศ เพื่อแก้ปัญหาการขาดแคลนแรงงานในภาคการผลิตและการเกษตร

สำหรับผู้ประกอบการไทย เรื่องค่าแรงเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญของธุรกิจ ทั้งการหากำลังแรงงานและต้นทุนแรงงานที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะธุรกิจที่ดำเนินการหรือผลิตในเมียนมา โดยกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ แนะว่า สิ่งสำคัญ คือการติดตามสถานการณ์และปรับแผนธุรกิจให้สอดคล้องรองรับ เช่น ต้นทุนค่าแรง อัตราแลกเปลี่ยน กฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง การขนส่งโลจิสติกส์ แผนการตลาด เพราะไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ตลาดเมียนมายังคงมีความต้องการสินค้าและบริการ รวมทั้งนิยมสินค้าและธุรกิจไทย จึงเป็นโอกาสของธุรกิจในตลาดเมียนมา  แม้มีความท้าทายหลายประการก็ตาม ซึ่งหากธุรกิจปรับกลยุทธ์ก้าวข้ามความท้าทายได้ ก็จะปักหมุดตลาดเมียนมาได้ต่อไป เพราะแม้เมียนมา มีค่าแรงใหม่ แต่ยังถือว่า “ต่ำ” ในกลุ่มประเทศอาเซียน 

ที่มา : กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ 

ติดตามข้อมูลด้านเศรษฐกิจและนโยบายรัฐบาล กับ ThairathMoney ได้ที่ 

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้  https://www.facebook.com/ThairathMoney


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ