ญี่ปุ่นและอาเซียนเตรียมจัดตั้งศูนย์วิจัยส่งเสริมการไหลเวียนของข้อมูลอย่างเสรีข้ามพรมแดน โดยมีเป้าหมายเพื่อสนับสนุนภาคธุรกิจให้สามารถนำข้อมูลไปวิเคราะห์ตลาดในวงกว้างได้
แผนการนี้ถูกเปิดเผยเป็นครั้งแรกในเดือนพฤษภาคม โดย Fumio Kishida นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ได้ประกาศในการประชุม Future of Asia โดยศูนย์นวัตกรรมดิจิทัลแห่งนี้ ซึ่งก่อตั้งโดยสถาบันวิจัยเศรษฐกิจสำหรับอาเซียนและเอเชียตะวันออก (ERIA) จะเริ่มดำเนินการที่กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย ในช่วงปลายเดือนสิงหาคมนี้
โดยศูนย์นวัตกรรมดิจิทัลแห่งใหม่นี้จะทำงานร่วมกับสตาร์ทอัพและชุมชนธุรกิจในอาเซียน เพื่อวิจัยและพัฒนาวิธีส่งข้อมูลข้ามพรมแดนให้มีความลื่นไหลมากขึ้น ตัวอย่างเช่น การทดลองระบบแบ่งปันข้อมูลการจัดซื้อวัสดุสำหรับซัพพลายเชนทั้งหมด ตั้งแต่ชิ้นส่วนไปจนถึงผลิตภัณฑ์สำเร็จรูป ระหว่างบริษัทหลายแห่ง
การมีระบบจัดการข้อมูลซัพพลายเชน ช่วยให้บริษัทข้ามชาติสามารถจัดการกับภาระผูกพันได้ง่ายขึ้น ในกรณีที่เกิดภัยพิบัติในพื้นที่ที่มีซัพพลายเออร์จำนวนมากกระจุกตัวอยู่ แหล่งทางเลือกอื่นๆ จึงต้องได้รับความปลอดภัย นอกจากนี้ธุรกิจต่างๆ ยังสามารถเห็นภาพรวมของข้อมูลที่ดีขึ้น เช่น การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสำหรับแต่ละกระบวนการ หรือการคุ้มครองสิทธิของพนักงาน
ในแต่ละประเทศมีกฎระเบียบเพื่อควบคุมวิธีส่งข้อมูลทางธุรกิจไปยังต่างประเทศที่แตกต่างกัน ซึ่งความแตกต่างเหล่านี้เป็นอุปสรรคต่อการดำเนินงานของบริษัทข้ามชาติ โดยในสัปดาห์ที่แล้วกฎหมายจารกรรมข้อมูลของจีนมีผลบังคับใช้ ส่งผลให้บริษัทต่างชาติที่ดำเนินธุรกิจในจีนถูกจำกัดไม่ให้นำข้อมูลส่วนบุคคล ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงและเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นภายในประเทศจีนออกนอกประเทศ ก่อนได้รับการอนุญาตจากทางการ ด้วยเหตุผลด้านความมั่นคงของประเทศ
จุดยืนของจีนผลักดันให้ญี่ปุ่นทำงานใกล้ชิดกับอาเซียนมากขึ้นในด้านกฎระเบียบกำกับดูแล การส่งข้อมูลข้ามพรมแดน เพื่อสร้างมาตรฐานด้านข้อมูลในแต่ละประเทศในภูมิภาคอินโดแปซิฟิก.
อ้างอิง