รอบรั้วการตลาด : The Secret Farm เผย 3 DNA สำคัญในการทำธุรกิจดิจิทัลเอเจนซี่

Business & Marketing

Marketing & Trends

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

รอบรั้วการตลาด : The Secret Farm เผย 3 DNA สำคัญในการทำธุรกิจดิจิทัลเอเจนซี่

Date Time: 14 ธ.ค. 2568 00:29 น.

Video

เมื่อเด็ก ป.6 (11 ขวบ) สร้างรายได้ "หลักแสน" แซงหน้าคนทำงาน! l Money Secret EP.12

Summary

ถอดรหัส 10 ปี The Secret Farm ดิจิทัลเอเจนซี่ เผย 3 DNA สำคัญในการทำธุรกิจท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงด้านเทคโนโลยีที่รุนแรงและรวดเร็ว

Latest


ฐิติพันธ์ กัมพลาศิริ กรรมการผู้จัดการและผู้ก่อตั้ง ร่วมด้วย ธวัลยา เลาหวิรุฬห์กุล Head of Client Management และ ปฐมพงษ์ เรืองศิริ Head of Media 3 แกนนำหลัก กล่าวว่า จากวันแรกที่เราเปิดบริษัทเมื่อ 10 ปีที่แล้ว บนความเชื่อมั่นว่า ดิจิทัลจะกลายเป็นถนนสายหลักของคนทำโฆษณาและการตลาดในอนาคต  ด้วยจุดเด่นของ การวัดผลที่จับต้องได้ จนมาสู่วันนี้ที่ดิจิทัลกลายเป็นกระแสหลัก และกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตและเศรษฐกิจของคนทั่วโลก ซึ่งเราก็ทำงานกันมาจนไม่รู้ตัวเลยว่าผ่านไป 10 ปีแล้ว

อย่างไรก็ตาม ในวันนี้ที่เทคโนโลยีทำให้ทุกคนสามารถทำงานโฆษณาได้ง่าย ๆ เสมือนใคร ๆ ก็ทำงานได้ไม่ต่างจากเอเจนซี่ รวมถึงการเกิดขึ้นของ Digital Creator จำนวนมหาศาลที่ทุกคนสามารถเป็นสื่อได้ด้วยตัวเอง ส่งผลให้แบรนด์ต่าง ๆ คาดหวังการทำงานที่รวดเร็ว เห็นผลชัดเจน ในราคาที่คุ้มค่าสูงสุด สร้างความท้าทายต่อทั้งสื่อดิจิทัล 

รวมถึงบริษัทเอเจนซี่น้อยใหญ่ ทั้งเอเจนซี่โฆษณา การตลาด และประชาสัมพันธ์ แล้วอะไรคือหัวใจสำคัญที่ทำให้ธุรกิจเอเจนซี่ยังคงยืนหยัดและเติบโตได้ท่ามกลางการแข่งขันและตัวเลือกที่มีอยู่มากมาย

คำตอบของ เดอะ ซีเคร็ต ฟาร์ม ก็คือ ดิจิทัลเอเจนซี่ ต้องเคลื่อนไหวตลอดเวลา ต้องเข้าถึงอินไซต์ของกลุ่มเป้าหมายและเข้าใจสถานการณ์ตลาดอย่างแม่นยำ ทำงานเคียงคู่ลูกค้าในทุกช่วงเวลา เป็นตัวช่วยแก้ไขปัญหาให้ลูกค้า พร้อมเป็นที่พักให้ลูกค้าหายเหนื่อย เป็นเอเจนซี่ที่มากกว่าเอเจนซี่ ให้กับลูกค้า มีทั้งมุม Friendly ที่เข้าใจโลก เข้าถึงง่าย แต่เข้มข้นไปด้วยการทำงานแบบ Professional และแม่นยำด้วย Data ที่สามารถตอบลูกค้าได้ทุกโจทย์ 


ถอดรหัส DNA ที่ทำให้ เดอะ ซีเคร็ต ฟาร์ม มีอัตลักษณ์ที่ไม่เหมือนใคร

ตลอด 10 ปีที่ผ่านมา The Secret Farm เป็นดิจิทัลเอเจนซี่ที่มีคาแรกเตอร์ไม่เหมือนใคร ด้วยการมี 3 DNA สำคัญที่ทำให้เติบโตมาจนถึงทุกวันนี้ ได้แก่

1. DNA การทำงานไร้กรอบ : เร็ว ยืดหยุ่น และครบวงจร ตั้งแต่วันแรก เดอะ ซีเคร็ต ฟาร์ม ได้สร้าง โมเดลการทำงานไร้กรอบ รองรับงานที่ต้องแข่งกับเวลา อย่างเช่นการโปรโมตภาพยนตร์บนสื่อออนไลน์ จึงได้พัฒนาโมเดลการทำงาน โดยใช้ ครีเอทีฟ ผสานกับกลยุทธ์ บวกกับความสามารถในการโปรดักส์ชั่นงานดิจิทัลได้ด้วยตัวเอง เพื่อให้สามารถทำงานได้รวดเร็วและมีความยืดหยุ่นต่างจากเอเจนซี่ใหญ่ในยุคแรก ๆ ที่ต้องแยกระหว่างงานคิด กับ งานผลิต

2. DNA เรียนรู้ตลอดเวลา : เพราะอุตสาหกรรมดิจิทัลเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทั้งพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนจาก Second Screen มาสู่ Mobile First และวนกลับไปสู่ Digital Content บน Smart TV รวมถึง Social Trend ที่เคยเปลี่ยนรายปี แต่ปัจจุบันกลับเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา และไม่สามารถครองความเป็น Mainstream ได้อีกต่อไป 

เดอะ ซีเคร็ต ฟาร์ม รับมือกับเรื่องเหล่านี้ด้วยการเรียนรู้และใช้งานใช้เครื่องมือดิจิทัลใหม่ ๆ ทั้ง Social Listening, Social Monitoring tool เพื่อวิเคราะห์ Sentiment Voice ตลอดจน Insight เฉพาะกลุ่มเป้าหมายในแต่ละช่วงเวลา และในแต่ละแพลตฟอร์ม เพื่อออกแบบและสร้างสรรค์ Solutions ให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของลูกค้าในแต่ละแคมเปญ 

3. DNA นักทดลอง และ Sandbox Project: การสร้างสรรค์ไอเดียใหม่ ๆ มาจากการใช้ Sandbox Project ของตัวเองในการสร้างสรรค์และทดลองสิ่งใหม่ ๆ เช่น โปรเจกต์ TypeThai และ meBoon.co (มีบุญ) เพื่อการสร้างสรรค์และพัฒนาคอนเทนต์ที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมในหลากหลายรูปแบบ ซึ่งนำไปสู่การพัฒนาชิ้นงานใหม่ ๆ ให้กับลูกค้า 

รวมไปถึงโปรเจกต์ เปิดโลก KOLs: ที่เริ่มต้นจากการสร้างฐานข้อมูลและแนะนำการใช้งานอินฟลูเอนเซอร์ จนสามารถพัฒนาไปเป็นธุรกิจบริหารจัดการอินฟลูเอนเซอร์ ภายใต้ บริษัท The Eggsplore ซึ่งเป็นบริษัทเครือข่ายของ The Secret Farm


สำหรับอนาคตของธุรกิจเอเจนซี่ในวันที่ใคร ๆ ต่างก็ใช้ Artificial Intellegence และ Machine Learning  ทำให้ทุกคนเข้าถึงความรู้ได้ไม่ต่างกัน แต่บทบาทของเอเจนซี่ต้องก้าวไปไกลกว่าการเป็นแค่ผู้สร้างชิ้นงาน เอเจนซี่ต้องเปลี่ยนบทบาทจากการสร้าง Awareness มาเป็นการสนับสนุนให้ แบรนด์ขายของได้ (Conversion) 

และต้องเป็น ที่ปรึกษาทางการตลาด ที่วางกลยุทธ์ผนวกกับความคิดสร้างสรรค์และการวางแผนสื่อครบวงจร เดอะ ซีเคร็ต ฟาร์ม จึงได้นิยามความเป็นเอเจนซี่ที่เป็นมากกว่าเอเจนซี่ หรือ มุ่งสู่การเป็น Engaging Agency ด้วยคุณสมบัติ 3 ประการ ได้แก่

Think Ahead: เอเจนซี่คืองานที่จะต้องคิดนำลูกค้าสองถึงสามก้าวเสมอ เพื่อที่จะให้คำปรึกษาได้ตรงเป้า ถ้าเอเจนซี่คิดเท่ากับลูกค้า ลูกค้าก็ไม่จำเป็นต้องมีเรา

Partnership & Deep Engagement :  เอเจนซี่ต้องมองลูกค้าเป็นพาร์ตเนอร์ ที่ต้องลงลึกไปทำงานร่วมกับลูกค้าแบบ Side by side และเข้าใจ KPI ของลูกค้าอย่างลึกซึ้งผ่านกลไกอย่าง Sharing Session เพื่อให้การทำงานเป็นเสมือนยูนิตหนึ่งของลูกค้า

Expertise + Friendly : ถึงแม้ว่าเอเจนซี่ที่มีอายุยาวนานมีประสบการณ์ครอบคลุมทุกอุตสาหกรรม จะช่วยให้มีความเชี่ยวชาญ กล้ายืนยันและฟันธงได้ว่าอะไรคือสิ่งที่แบรนด์ต้องทำ ทำนายและเชื่อมโยงถึงโอกาสในอนาคต แต่สิ่งที่จำเป็นไม่แพ้กันคือการเป็น Friendly Agency หรือเอเจนซี่ที่เป็นมิตร พร้อมคุย คุยง่ายพร้อมร่วมมือกับทุกคน 

ทั้งนี้ 10 ปี บนเส้นทางที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง The Secret Farm ได้เปลี่ยนผ่านจาก Experimental Digital Solutions มาสู่การเป็น Foresighting and Engaging Agency ที่เป็นมิตรและพร้อมเป็นพันธมิตรกับทุกคน ไม่เคยหยุดที่จะทดลองสิ่งใหม่ ๆ และพร้อมรับโจทย์ที่ท้าทายเพื่อนำความสำเร็จมาสู่ลูกค้าและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วนไปพร้อม ๆ กัน


บริการยืนยันตัวตนด้วยเบอร์มือถือ : AIS เดินหน้าสร้างมาตรฐานความปลอดภัยด้านดิจิทัลสำหรับคนไทย เปิดตัวบริการยืนยันตัวตนรูปแบบใหม่ Mobile ID ภายใต้แบรนด์  AIS ID ครั้งแรกในวงการโทรคมนาคมไทย โดยใช้หมายเลขโทรศัพท์ลูกค้า AIS ทดแทนข้อมูลบัตรประชาชน ในการทำธุรกรรมออนไลน์ สำหรับใช้ยืนยันตัวตนในการทำธุรกรรมออนไลน์กับบริการอื่นๆ ของหน่วยงานรัฐและเอกชนที่จะเกิดขึ้นในอนาคต 

อาทิ การเปิดบัญชีออนไลน์ การสมัครบัตรเครดิตดิจิทัล หรือการขอสินเชื่อออนไลน์ การสมัครใช้บริการกับแพลตฟอร์มดิจิทัลต่างๆ โดยมอบความสะดวกสบายให้ลูกค้าสามารถยืนยันตัวตนแบบออนไลน์ได้ทุกที่ทั่วประเทศ 

โดยอยู่ภายใต้การกำกับดูแลและเป็นไปตามมาตรฐานของ สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (ETDA) รวมทั้งเป็นไปตามแนวนโยบายและกฎระเบียบของ กสทช. เพื่อให้ผู้ใช้งานมั่นใจว่าข้อมูลส่วนบุคคลได้รับการคุ้มครองอย่างปลอดภัยและได้มาตรฐานระดับประเทศอย่างแท้จริง


รับรางวัลใหญ่ : โออิชิ อีทเทอเรียม และแวนเทจ พอยท์  ภายใต้กลุ่มธุรกิจอาหารในเครือไทยเบฟ โดย นายไพศาล อ่าวสถาพร ผู้อำนวยการอาวุโส ผู้บริหารสูงสุด สายธุรกิจอาหาร ประเทศไทย บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) เข้าร่วมงานประกาศรางวัล HUNGRY HUB: RED TABLE AWARDS 2025 พร้อมรับมอบโล่รางวัลจาก นายสุรสิทธิ์ สัจจะเดว์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร HUNGRY HUB โดย โออิชิ อีทเทอเรียม ได้รับรางวัลในสาขา BEST CHAIN RESTAURANT AWARDS 

ขณะที่ แวนเทจ พอยท์ คว้ารางวัล BEST BUFFET RESTAURANT AWARDS ซึ่งทั้งสองรางวัลล้วนสะท้อนถึงความมุ่งมั่น ความคิดสร้างสรรค์ และศักยภาพในการสร้างประสบการณ์การรับประทานอาหารและการบริการอันยอดเยี่ยมแก่ผู้บริโภค


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ