คนไทยแห่เที่ยวเมืองรองจีน “ฉงชิ่ง” โตอันดับ 1 จีนปรับมาตรฐานดึงนักท่องเที่ยวชิงส่วนแบ่งแข่งอาเซียน

Business & Marketing

Marketing & Trends

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

คนไทยแห่เที่ยวเมืองรองจีน “ฉงชิ่ง” โตอันดับ 1 จีนปรับมาตรฐานดึงนักท่องเที่ยวชิงส่วนแบ่งแข่งอาเซียน

Date Time: 12 ธ.ค. 2568 13:57 น.

Video

ต้นทุนพุ่ง! นำเข้าสินค้าออนไลน์ เตรียมรับมือ ภาษีนำเข้า 1 บาท (ม.ค. 69)  | Thairath Money Night Stand EP.25

Summary

นักท่องเที่ยวไทยนิยมเที่ยวเมืองรองในจีนมากขึ้น โดยฉงชิ่งเติบโตสูงสุด

  • จีนเป็นจุดหมายปลายทางที่เติบโตเร็วที่สุด แซงหน้าเมืองยอดนิยมในญี่ปุ่น
  • เซี่ยงไฮ้และฮ่องกงมีการเติบโตสูงเช่นกัน
  • ปัจจัยหนุนการเติบโตมาจากโซเชียลมีเดีย, นโยบายวีซ่า, และคุณภาพบริการ
  • จีนกำลังก้าวขึ้นมาเป็นคู่แข่งใหม่ในตลาดท่องเที่ยวเอเชีย

Latest


Trip.com Group ผู้ให้บริการด้านการท่องเที่ยวชั้นนำระดับโลก เผยข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับพฤติกรรมการท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในงาน Trip.Best Roadshow: Southeast Asia Travel Trends Unpacked โดยข้อมูลชี้ให้เห็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของคนไทยที่หันมาสนใจท่องเที่ยวไปยังเมืองรองของจีนมากขึ้นจนแซงหน้าญี่ปุ่น นำโดย “ฉงชิ่ง เฉิงตู กวางโจว” เปลี่ยนสไตล์มาเน้นการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมมากขึ้นเพื่อรับประสบการณ์ใหม่ๆ

คนไทยแห่เที่ยวเมืองรองจีน “ฉงชิ่ง” โตอันดับ 1

ข้อมูลจาก Trip.Best ในปี 2568 พบว่า จีน ขึ้นแท่นเป็นดาวรุ่งจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวไทยที่เติบโตในระดับตัวเลขสามหลัก นำโดย “เซี่ยงไฮ้” ครองอันดับ 1 ด้วยยอดการเข้าชมที่เติบโต 334% เมื่อเทียบกับปีก่อน ตามด้วย “ฮ่องกง” ที่เติบโต 52% โดยข้อค้นพบที่น่าสนใจ คือ เมืองรองของจีน (China second-tier cities) ที่ได้กลายเป็นตัวเลือกจุดหมายปลายทางที่เติบโตเร็วที่สุดในปีนี้ แซงหน้าเมืองยอดนิยมในญี่ปุ่นอย่างโตเกียวและโอซาก้า

“ฉงชิ่ง” ได้กลายเป็นจุดหมายปลายทางที่เติบโตเร็วที่สุดในหมู่นักท่องเที่ยวไทย โดยมียอดการเข้าชมบน Trip.Best เพิ่มขึ้นถึง 395% เมื่อเทียบกับปีก่อน ยอดจองพุ่งสูงถึง 828% ขณะที่ “เฉิงตู” ยอดเข้าชมเติบโต 427% ตามด้วย “ปักกิ่ง” และ “กวางโจว” ที่มียอดเข้าชมเติบโต 252% และ 209% ตามลำดับ

Edmund Ong ผู้อำนวยการอาวุโสประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และผู้จัดการทั่วไป ประเทศสิงคโปร์ ระบุว่า เมืองรองอย่างฉงชิ่งขึ้นชื่อเรื่องอาหารรสจัดคล้ายอาหารไทย โดยเฉพาะสถานที่ท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ จึงกลายเป็นปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยวไทยที่กำลังมองหาประสบการณ์อย่างแท้จริง ซึ่งนักท่องเที่ยวไทยกำลังให้คำนิยามใหม่ๆ สำหรับการท่องเที่ยวในอาเซียนจากการเที่ยวชมสถานที่แบบเดิมๆ มาสู่การดื่มด่ำและมีส่วนร่วมกับวัฒนธรรมมากขึ้น

ขณะเดียวกันข้อมูลระบุให้เห็นว่าแนวโน้มความสนใจในเมืองรองของจีนในหมู่นักท่องเที่ยวอาเซียนก็เติบโตในทิศทางเดียวกัน ยกตัวอย่าง มาเลเซียที่มียอดจองที่พักในฉงชิ่ง เติบโตถึง 599% นอกจากนี้สิงคโปร์เองก็มียอดจองที่พักในฉงชิ่ง เติบโตถึง 381% เช่นเดียวกัน จากนโยบายยกเว้นวีซ่าของจีนกับประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งทำให้ จีน ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากประเทศเพื่อนบ้านในภูมิภาคนี้ได้มากยิ่งขึ้น
จีนกำลังฮิตขึ้นทั่วภูมิภาค

ความนิยมของฉงชิ่งในหมู่นักท่องเที่ยวที่เพิ่มสูงขึ้นยังมาจากแรงหนุนจากกระแสโซเชียลมีเดียที่ภาพและคลิปไวรัลของสถานที่ต่างๆ ทั้งธรรมชาติและสถาปัตยกรรมล้ำอนาคตผสมผสาน รถไฟโมโนเรลวิ่งทะลุอาคารที่พักอาศัยหรือตึกสูงที่ตั้งลดหลั่นเรียงรายอยู่บนภูเขา ความใกล้ชิดทางภูมิศาสตร์ทำให้ฉงชิ่งเป็นจุดหมายที่ดึงดูดคนรุ่นใหม่ในอาเซียนที่สามารถเดินทางเข้าจีนได้แบบไม่ต้องขอวีซ่า

มากไปกว่านั้นข้อมูลจากหลายแห่งรายงานในทิศทางเดียวกันว่าช่วงหนึ่งถึงสองปีที่ผ่านมา “จีน” กำลังได้รับการยกย่องว่าเป็นจุดหมายปลายทางดาวรุ่งของเอเชีย ไม่ใช่แค่ฉงชิ่ง แต่นักท่องเที่ยวกำลังหลั่งไหลสู่เมืองต่างๆ ในจีนแผ่นดินใหญ่

ด้าน Klook Travel Pulse รายงานว่า จีนติดอันดับ “จุดหมายที่ต้องไปให้ได้” สำหรับนักท่องเที่ยว Millennials และ Gen Z เป็นอันดับสองรองจากญี่ปุ่น โดยแรงดึงดูดส่วนหนึ่งมาจากประสบการณ์ทางวัฒนธรรม เช่น การถ่ายภาพชุดโบราณ และโชว์การแสดงที่ผสมผสานละคร เพลง และการเต้น

ยกตัวอย่าง การถ่ายภาพแนวธีมโบราณ (Hanfu photoshoot) ที่กำลังเป็นกระแสในหมู่นักท่องเที่ยวทั้งจีนและต่างชาติที่เปิดโอกาสให้คนได้สวมชุดฮั่นฟูพร้อมวิกและแต่งหน้าจัดก่อนที่จะโพสต์ภาพลงโซเชียล หรือกิจกรรมกงเอี้ยน (Gong yan) ของเซี่ยงไฮ้ มักจะจัดงานเลี้ยงอาหาร พร้อมบริการให้ลูกค้าแต่งชุดโบราณร่วมกิจกรรม ชมการแสดง เป็นต้น โดยรายงานระบุอีกว่า ไม่ได้มีเพียงกระแสโซเชียล แต่คุณภาพบริการด้านการท่องเที่ยวของจีนดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ทั้งในโรงแรมและสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ที่อำนวยความสะดวกและราคาจับต้องได้

คู่แข่งใหม่ ชิงส่วนแบ่งนักท่องเที่ยวอาเซียน

ความน่าสนใจ คือ แนวโน้มดังกล่าวกำลังสะท้อนให้เห็นว่า “จีน” กำลังก้าวขึ้นมาเป็น “คู่แข่งรายใหม่” ของจุดหมายปลายทางท่องเที่ยวในอาเซียน และอาจกระทบหนักที่สุดต่อประเทศเล็กที่พึ่งพานักท่องเที่ยวจีนเป็นหลัก

ตลอดสิบปีที่ผ่านมา อาเซียนได้รับประโยชน์อย่างมากจากกระแสนักท่องเที่ยวจีน โดยไทย เวียดนาม กัมพูชา และลาว ล้วนมีรายได้ท่องเที่ยวจากนักท่องเที่ยวจีนเป็นหนึ่งในเสาหลักสำคัญ แต่เมื่อความต้องการเดินทางเข้าสู่จีนแผ่นดินใหญ่กำลังพุ่งขึ้น จากกระแสไวรัลในโซเชียล การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน การยกระดับมาตรฐานบริการ และนโยบายวีซ่าที่ผ่อนคลาย จีนจึงเริ่มกลายเป็น “แม่เหล็ก” ดึงดูดนักท่องเที่ยวในภูมิภาค ไม่ใช่แค่จุดส่งออกนักท่องเที่ยวแบบเดิม

การเติบโตของจีนในฐานะจุดหมายปลายทาง อาจดึงส่วนแบ่งการท่องเที่ยวจากประเทศในอาเซียน โดยเฉพาะกลุ่มนักเดินทางรุ่นใหม่ที่มองหาประสบการณ์แปลกใหม่ เมืองอย่างฉงชิ่ง เฉิงตู ซีอาน และฉางซา ต่างนำเสนอสิ่งที่ Gen Z ต้องการ ประสบการณ์เชิงวัฒนธรรม สถานที่ “ไวรัล” ระบบขนส่งที่สะดวก และค่าใช้จ่ายที่คุ้มค่า

แน่นอนว่าสำหรับประเทศในอาเซียนที่เคยแข่งขันกันเป็นหลัก การที่จีนยกระดับข้อเสนอด้านท่องเที่ยวจึงเป็นการเปิดศึกใหม่ในตลาดท่องเที่ยวเอเชีย ประเทศที่พึ่งพานักท่องเที่ยวจีนสูง เช่น ไทย กัมพูชา และลาว อาจเผชิญความเสี่ยงมากขึ้นจากหลายปัจจัย ได้แก่

ส่วนหนึ่งของการใช้จ่ายด้านท่องเที่ยวมหาศาลของชาวจีน อาจไหลกลับสู่ตลาดท่องเที่ยวภายในประเทศมากขึ้น และขณะเดียวกันที่นักท่องเที่ยวอาเซียนเองก็เริ่มเดินทางไปจีนมากขึ้น ทำให้ประเทศในภูมิภาคต้องรับมือการแข่งขันทั้งสองทาง จากการสูญเสียจำนวนนักท่องเที่ยวจีน และจากกระแสการเดินทางออกนอกประเทศของประชากรของตนเอง

ตลาดที่พึ่งพาการท่องเที่ยวแบบปริมาณสูง และมีการกระจายความเสี่ยงน้อย อาจได้รับผลกระทบมากที่สุด อาเซียนอาจต้องเร่งคิดใหม่ ปรับจุดขายของตนไปสู่ประสบการณ์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะ เช่น วัฒนธรรม สุขภาพ หรือธรรมชาติ เพื่อแข่งขันกับระบบท่องเที่ยวของจีนที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วหลังจากนี้


อ่านเพิ่มเติม

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ -   


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ