เจาะกลยุทธ์ "ก๋วยเตี๋ยวเรือพันธุ์ไทย" ธุรกิจ เปิดง่าย-อยู่รอดไว ที่ตลาดแฟรนไชส์กำลังต้องการ

Business & Marketing

Marketing & Trends

Tag

เจาะกลยุทธ์ "ก๋วยเตี๋ยวเรือพันธุ์ไทย" ธุรกิจ เปิดง่าย-อยู่รอดไว ที่ตลาดแฟรนไชส์กำลังต้องการ

Date Time: 11 ธ.ค. 2568 14:54 น.

Video

SAWAKAMI บลจ.ญี่ปุ่นบุกไทย | BrandStory Exclusive EP.26

Summary

เจาะกลยุทธ์ “พันธุ์ไทย” ทำไม ก๋วยเตี๋ยวเรือ ถึงเป็นเกมใหม่ ? 1 ในธุรกิจอาหารแสนล้าน เปิดง่าย - อยู่รอดไว ที่ตลาดแฟรนไชส์ไทยกำลังต้องการ

Latest


สมกับสโลแกน “พันธุ์ไทย อะไรก็เป็นไปได้” สำหรับการสร้างความเซอร์ไพร์สให้กับตลาดแบบเงียบๆ กรณี แบรนด์ “กาแฟพันธุ์ไทย” เดินหน้าขยายอาณาจักรอาหารเต็มรูปแบบ ตั้งบริษัทย่อยใหม่ “ก๋วยเตี๋ยวเรือพันธุ์ไทย” 

เพื่อลุยตลาด Street Food มูลค่ากว่าแสนล้านบาท โดยดึงจุดแข็ง Brand Extension ผสานร้านกาแฟ + ก๋วยเตี๋ยวเรือไว้ ครบจบในที่เดียว พร้อมชูคอนเซปต์ Creative Thai Taste และเมนูซิกเนเจอร์ “เอ็นหมูหาดใหญ่” ส่งตรงจากสงขลา

ซึ่งปัจจุบัน ก๋วยเตี๋ยวเรือพันธุ์ไทย เปิดแล้ว 2 สาขา โดยสาขาแรก ตั้งอยู่ที่ รังสิตคลอง 3 ก่อนขยายมาที่ ย่านคลองหลวง 8 ปทุมธานี เป็นสาขาที่ 2 


เจาะ Business Model ของก๋วยเตี๋ยวเรือพันธุ์ไทย “ อนันต์ รัตนมั่นคง “ ผู้บริหาร เผยว่า ก๋วยเตี๋ยวเรือพันธุ์ไทย เตรียมเปิดเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง ตั้งเป้า 50 สาขาในปี 2569 ทั้งใน และนอกปั๊มน้ำมัน 

ทั้งนี้ เพื่อหวังเจาะกลุ่มคนเมือง ออฟฟิศ และ ทำเลศูนย์กลางเศรษฐกิจ (CBD) ขณะกลยุทธ์การขายที่สำคัญนั้น นอกจาก ราคาไม่แพง เข้าถึงได้ มีเมนูซิกเนเจอร์ ก๋วยเตี๋ยวเรือ ยังใช้วิธีเชื่อมต่อโปรโมชันกับร้านกาแฟพันธุ์ไทยผ่าน Max Card ด้วย โดยนับเป็นวิธีที่ชาญฉลาด เพราะสามารถกระตุ้นยอดขาย ได้ทั้งสองแบรนด์ไปพร้อมกัน

ทำไม “พันธุ์ไทย” ถึงกระโดดมาขายก๋วยเตี๋ยวเรือ?

ข้อมูลจากศูนย์วิจัยกสิกรไทย ได้คาดการณ์ว่ามูลค่าตลาดรวมธุรกิจร้านอาหารและเครื่องดื่มในปี 2568 จะอยู่ที่ 646,000 ล้านบาท เติบโต 2.8% จากปี 2567 โดยเฉพาะตลาดร้านอาหาร Street Food ที่มีหน้าร้าน คาดว่าจะเติบโต 4.7% จากปี 2567 หรือมีมูลค่า 261,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นเซกเมนต์ที่มีมูลค่ามากที่สุดในตลาดร้านอาหารโดยรวมประมาณ 562,000 ล้านบาท 

นอกจากนี้ ยังพบว่าพฤติกรรมผู้บริโภคในปัจจุบันให้ความสำคัญกับคุณภาพของสินค้า ความใส่ใจด้านสุขภาพ ความแปลกใหม่ ประสบการณ์ที่ได้รับ และราคาที่สมเหตุสมผล นี่เอง ที่ทำให้ “พันธุ์ไทย” มองเห็นโอกาสและศักยภาพในการเติบโตในอนาคตของไลน์ธุรกิจใหม 


ย้อนไป พันธุ์ไทย เป็นหนึ่งในกลุ่มธุรกิจ Non-Oil ในเครือบริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG ซึ่ง เป็นผู้ให้บริการสถานีบริการน้ำมันพีที นับเป็นผู้เล่นใหญ่ในวงการ กาแฟและเครื่องดื่มไทย ซึ่งปัจจุบัน (13 ปี) มีสาขาให้บริการกว่า 1,580 แห่งทั่วประเทศไทย

เดิมรายได้หลักของพันธุ์ไทยมาจาก เครื่องดื่ม ,เบเกอรี่ และร้านแบบคอมมูนิตี้ซึ่ง Margin (กำไร) ดี แต่ Volume ไม่นิ่งเท่าร้านอาหารมื้อหลัก  การขยายมาสู่ “ก๋วยเตี๋ยวเรือ” เท่ากับ ต่อยอดให้ลูกค้าเข้าร้านได้ทั้งวัน และเพิ่ม ticket size

อีกทั้ง ยังนับเป็นการเริ่มสร้าง Ecosystem F&B ของตัวเอง จากคาเฟ่ขายกาแฟ เครื่องดื่มเมนูซิกเนเจอร์ตามฤดูกาล มาสู่เมนูอาหาร โมเดลแบบนี้คล้ายแบรนด์ใหญ่หลายเจ้า อีกทางยังช่วยเสริมภาพลักษณ์แบรนด์ “ความเป็นไทยเข้าถึงง่าย” ที่จากเดิมที่พันธุ์ไทยเน้นภาพไทยร่วมสมัยในร้านกาแฟ การมาขายในก๋วยเตี๋ยวเรือ (อาหารไทยพื้นบ้าน) คือการ ตอกย้ำ Positioning ให้ชัดกว่าเดิม และขยายฐานลูกค้าใหม่ ๆ

ธุรกิจ “ก๋วยเตี๋ยวเรือ” เริ่มง่าย - รอดไว

หนึ่งในเหตุผลที่ทำให้แบรนด์ใหญ่ๆ รวมทั้ง “พันธุ์ไทย” กล้ากระโดดเข้ามาเล่นตลาดก๋วยเตี๋ยวเรือ อาจเป็น ธรรมชาติของธุรกิจที่บริหารง่ายกว่าร้านอาหารประเภทอื่นอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะในมิติด้านต้นทุนและการหมุนเงิน ซึ่งเป็นจุดที่นักลงทุนรายย่อย ยังกล้าที่จะเสี่ยง

สิ่งแรกคือ ก๋วยเตี๋ยวเรือเป็นธุรกิจหมุนเงินสดล้วน และหมุนเร็ว ลูกค้าใช้เวลาในร้านไม่นาน โต๊ะหมุนไว รายได้เข้าแบบทันที ไม่มีเครดิตหรือระบบติดบิลให้ปวดหัว รายย่อยที่อยาก “คืนทุนเร็ว” จึงมองก๋วยเตี๋ยวเรือเป็นโมเดลที่ความเสี่ยงต่ำกว่าร้านอาหารมื้อหลักอื่น ๆ ที่รอบการขายยาวกว่า และยอดต่อโต๊ะคาดเดายากกว่า 

นี่คือสาเหตุว่าทำไมธุรกิจประเภทนี้ยังเติบโตในช่วงเศรษฐกิจชะลอ และกลายเป็นสนามที่แบรนด์ใหญ่ต้องการขยายสาขาแข่งกัน

ขณะเดียวกัน ต้นทุนวัตถุดิบของก๋วยเตี๋ยวเรือก็คุมง่ายกว่า เพราะใช้ส่วนผสมไม่ซับซ้อน และวัตถุดิบหมุนเร็ว ทำให้เสียของน้อย เมนูมีความคล้ายกันในทุกชาม ช่วยลดความผิดพลาดของ Food Cost และสามารถตั้งสูตรกลางให้ทุกสาขาใช้ร่วมกันได้ง่าย


ซึ่งเข้าทางกลยุทธ์ของพันธุ์ไทยอย่างยิ่ง เพราะบริษัทมีความชำนาญด้านซัพพลายเชนและมาตรฐานร้านจากธุรกิจคาเฟ่มาก่อนแล้ว การแตกไลน์เมนูใหม่จึงไม่ใช่การเริ่มจากศูนย์ แต่เป็นการต่อยอดกำลังเดิมให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด

อีกข้อได้เปรียบคือ ความยืดหยุ่นของขนาดร้าน ที่สามารถเริ่มตั้งแต่คีออสในปั๊มน้ำมัน ร้าน 1 คูหา ไปจนถึงสาขาขนาดใหญ่ในย่านชุมชนหรือทำเล CBD ทำให้ต้นทุนเริ่มต้นของนักลงทุนรายย่อยสามารถเลือกได้ตามกำลังเงิน และเปิดสาขาได้ไวโดยไม่ต้องลงทุนหนักแบบร้านอาหารแบรนด์ใหญ่ประเภท Full Kitchen 

ก๋วยเตี๋ยว อาหารที่กินได้ทั้งวัน

สำหรับพันธุ์ไทย ความได้เปรียบนี้ยิ่งชัด เพราะบริษัทมีประสบการณ์ด้านการออกแบบร้าน การจัดการสต๊อก และโลจิสติกส์จากพันธุ์ไทยคาเฟ่กว่า 1,500 สาขาอยู่แล้ว นำมาใช้กับเมนูก๋วยเตี๋ยวเรือได้ทันที

ที่สำคัญที่สุดคือ พฤติกรรมผู้บริโภคไทย “กินก๋วยเตี๋ยวได้ทั้งวัน” เป็นอาหารที่ไม่ต้องคิดนาน ราคาเข้าถึงง่าย และแทบไม่มีฤดูกาล ทำให้ยอดขายนิ่งกว่าอาหารประเภทเทรนด์ ๆ หรือเมนูเฉพาะกลุ่ม นี่ทำให้ผู้ลงทุนรายย่อยรู้สึก “อุ่นใจ” เพราะมีฐานลูกค้ากว้าง ไม่ต้องพึ่งรีวิวดังหรือการตลาดหนักแบบร้านอาหารสมัยใหม่หลายประเภท


ทั้งหมดนี้ตอบโจทย์เทรนด์แฟรนไชส์ยุคใหม่ที่ต้องการ ธุรกิจเปิดง่าย - อยู่รอดไว - คุมมาตรฐานได้จริง และนี่เองที่ทำให้ “ก๋วยเตี๋ยวเรือ” ไม่ใช่แค่อาหารไทยในตำนานอีกต่อไป แต่กำลังกลายเป็น “เกมธุรกิจใหม่” ที่พันธุ์ไทยมองเห็นโอกาสก่อนใคร และนักลงทุนรายย่อยจำนวนมากกำลังจับตามองอย่างจริงจัง

ติดตามข่าวสารด้านการตลาด กับ Thairath Money ได้ที่

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้  https:// www.facebook.com/ThairathMoney



Author

อุมาภรณ์ พิทักษ์

อุมาภรณ์ พิทักษ์
เศรษฐกิจ การเงิน ลงทุน และ อสังหาริมทรัพย์