ฤดีมาศ สกุลพงศ์ไพศาล-กานต์ วิสราญกุล รังสรรค์ "Endless Holiday" แบรนด์เสื้อผ้าที่กลายเป็นของสะสม

Endless Holiday แบรนด์เสื้อผ้าแฟชั่นก่อกำเนิดขึ้นจากโลกออนไลน์ 100% กำลังจะปิดยอดขายปี 2568 ที่มากกว่า 170 ล้านบาท สูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ในโอกาสที่มีอายุครบ 10 ปีพอดี การเติบโตแบบค่อยเป็นค่อยไปนี้ ทำให้ 2 สามี-ภรรยา ฤดีมาศ สกุลพงศ์ไพศาลและ กานต์ วิสราญกุล ผู้ร่วมก่อตั้งแบรนด์ เคยตั้งคำถามกับตัวเองว่า “โตช้าไปไหม”

“เห็นแบรนด์เสื้อผ้าออนไลน์ของเด็กรุ่นหลังๆ เติบโตไว ทำยอดขายได้สูงมาก ต้องยอมรับว่าพวกเขาเก่ง กล้าเสี่ยง ทำให้เราต้องหันกลับมามองตัวเอง ที่สุดคิดว่าเดินช้าๆ อย่างระมัดระวังแบบนี้ น่าจะเหมาะกับเรามากกว่า”

เป็นอีก 1 คู่รักที่ฉีกกฎเกณฑ์ ทำธุรกิจร่วมกันตั้งแต่ยังเป็นแค่แฟน จนแต่งงานมีลูก 2 คน คุณเอ้-ฤดีมาศและคุณกานต์ยังจับมือไปกันต่อ มีน้องสาวคุณเอ้ คุณอ้อ-ฤดีรัตน์ สกุลพงศ์ไพศาล ถือหุ้นในสัดส่วนแบ่ง 3 เท่ากัน ภายใต้บริษัท ฮอลิเดย์ เอฟเวอรี่แวร์ จำกัด (HOLIDAY EVERYWEAR)

อธิบายจุดเริ่มต้นธุรกิจ ว่ามาจากความชอบและ passion ล้วนๆ คุณเอ้และคุณกานต์ยังเป็นส่วนผสมที่ลงตัวสำหรับนักสร้างแบรนด์แฟชั่น ที่ต้องมีทั้งความคิดสร้างสรรค์และความสามารถในการขาย คุณเอ้จบการศึกษาจากคณะบัญชี ธรรมศาสตร์ ส่วนคุณกานต์จบมัณฑนศิลป์ ศิลปากร คุณกานต์จึงทำหน้าที่ออกแบบ ดีไซน์ ส่วนคุณเอ้ทำการตลาด การขาย ขณะที่คุณอ้อดูแลหลังบ้าน

“เราเริ่มธุรกิจในปี 2558 ขณะที่ทุกคนยังทำงานประจำและแบ่งเวลามาทำเสื้อขาย เอ้เคยทำงานอยู่เซ็นทรัล, เอลก้า (ELCA) ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายเครื่องสำอางและน้ำหอม ส่วนกานต์เคยอยู่โอกิลวี่ แกรมมี่ มีเส้นทางอาชีพที่มั่นคงและเติบโต เราทำ 2 งานมาตลอด เพราะมีหลายความฝัน อาชีพประจำก็ชอบ ขายเสื้อผ้าก็รัก ไม่อยากเลือก เอ้ตัดสินใจออกจากงานสัก 5-6 ปีที่แล้ว ไม่ใช่เพราะไม่ไหวนะ แต่เพราะมีลูกคนแรก ส่วนกานต์เพิ่งตัดสินใจออกเมื่อ 3-4 ปีก่อน เพราะมีลูกคนที่สอง อยากมีเวลาให้ลูกมากขึ้น แต่น้องสาวหุ้นส่วนอีกคน เป็นคนเดียวที่ยังทำงานประจำควบคู่ไปด้วย”

Endless Holiday เริ่มต้นจากการนำเสื้อผ้าวินเทจผ้าลินินมา DIY หรือตกแต่งด้วยสไตล์ตัวเอง มีคุณกานต์เป็นคนออกแบบหลัก คอนเซปต์ที่ต้องการทำเสื้อผ้าใส่สบาย ทำจากเส้นใยธรรมชาติ เป็นที่มาของชื่อแบรนด์ ซึ่งแปลเป็นไทยว่า “วันหยุดที่ไม่มีจุดสิ้นสุด” ขายผ่านอินสตาแกรม (IG) เป็นหลัก มีกลุ่มแฟนๆติดตามซื้อ จนขยับไปขายชุดทำจากผ้าลินิน ตามคอนเซปต์ใส่สบายเช่นเดิม “นอกจากขายผ่าน IG เรายังไปออกร้านตามงานแฟร์ในห้างบ้าง ตอนนั้นใช้วิธีแตะมือกัน แวะเวียนไปตั้งร้าน ดูร้าน จ้างคนขายประจำ 1 คน เพราะหุ้นส่วนทุกคนทำงานประจำหมด”

ขายชุดผ้าลินินจนมีปัญหาผ้าไม่พอ Endless Holiday มองหาทางออกใหม่ เห็นปัญหาลายผ้าซ้ำๆ ใส่ชนกัน จึงปิ๊งไอเดียสร้างความแตกต่างด้วยการออกแบบลายผ้าเอง ด้วยฝีมือของคุณกานต์ ลายเซ็นแรกคือลาย Secret Garden ลายดอกไม้ที่ไม่ระบุว่าเป็นดอกอะไร แล้วแต่จินตนาการและความปรารถนาของผู้สวมใส่ เพราะเชื่อว่าผู้หญิงทุกคนมีความงามในแบบของตัวเอง ปรากฏทำยอดขายได้เพิ่มขึ้น “ตอนนั้นยอดขายน่าจะแตะปีละ 5 ล้านบาทสักที เดินถนนได้เห็นคนใส่เสื้อของเราบ้าง”

พอออกแบบลายผ้าเองและหลายคอลเลกชันมีจำกัด จึงเกิดปรากฏการณ์ Resell หรือขายต่อเสื้อผ้าของ Endless Holiday เนืองๆ สิ่งนี้ไม่ได้เกิดจากความตั้งใจของแบรนด์ คุณกานต์เล่าว่า “เราออกแบบ–ผลิตผ้าเอง มีต้นทุนสูงกว่าผ้าที่ผลิตจำนวนมาก บางครั้งคิดว่าทำมาแค่นี้น่าจะพอ แต่ไม่พอ หลายคอลเลกชันของเรา จึงถูกปล่อยออกมาเพื่อขายต่อในราคาที่สูงขึ้น เพราะมีความต้องการซื้อ ล่าสุดมีเสื้อแจ็กเกตพิมพ์ลายซินเดอเรลล่าใส่ได้ 2 ด้าน เราขายที่ตัวละ 4,000 บาท เป็นราคาที่สูงมาก จึงไม่กล้าทำเยอะ กลัวขายไม่หมด ปรากฏขายเกลี้ยง และมีการนำไปขายต่อที่ราคาตัวละ 15,000 บาท”

ระหว่างที่ Endless Holiday เติบโตไปเรื่อยๆ พอมีลูก คุณเอ้ขยายไลน์เสื้อผ้าเพิ่มเติม เจาะกลุ่มครอบครัว ปรับดีไซน์ให้เป็นเสื้อผ้าใส่ไปทำงานได้ ไม่ใช่แค่ใส่เที่ยว เริ่มผลิตยีนส์ ซึ่งไม่เคยทำมาก่อน จนทำยอดขายเกิน 100 ล้านบาทเมื่อปี 2567

จุดเปลี่ยนคือการติดต่อจากดิสนีย์ เสนอให้นำลิขสิทธิ์ดิสนีย์มาสร้างสรรค์สไตล์ Endless Holiday พอตกร่องปล่องชิ้น คุณกานต์เลือก

มิกกี้เม้าส์มาทำเป็นคอลเลกชันแรก หยิบลายที่มีดอกไม้เข้ามาเกี่ยวข้อง เพื่อให้อิงกับลายเซ็นของ Endless Holiday “ทำงานกับแบรนด์ระดับดิสนีย์ มีไบเบิลให้ต้องปฏิบัติตามมากมายเพื่อไม่ให้ผิดกฎ แต่ต้องบอกว่าเราเดินชิดขอบมาก หมิ่นเหม่ตลอด เพราะอยากออกแบบให้แตกต่างและเป็นตัวเอง การได้ร่วมงานกับดิสนีย์ทำให้แบรนด์เป็นที่รู้จักมากขึ้น ยอดขายปี 2567 ของเราทะลุ 100 ล้านเป็นครั้งแรก โดยปิดที่ 137 ล้านบาท”

ส่วนปีนี้ 2568 คาดว่าจะทำยอดขายได้มากกว่า 170 ล้านบาท จากความสำเร็จของคอลเลกชันใหม่ๆ โดยเฉพาะคอลเลกชัน “Sweet Surprise For You” ที่ทำร่วมกับ “พราว อรณิชา” อดีตนักร้องวงโอลีฟ หยิบคาแรกเตอร์ดิสนีย์ Lady and the Tramp (ทรามวัยกับไอ้ตูบ) มาสร้างสรรค์ กลายเป็นคอลเลกชันที่ขายดีที่สุด

สิ้นปีนี้อีกเช่นกันที่ Endless Holiday จะมีหน้าร้านถาวรครั้งแรกย่านอารีย์ เป็นหมุดหมายให้ลูกค้าเข้ามาเยี่ยมเยือน โดยเฉพาะลูกค้าจากต่างประเทศ ซึ่งในอนาคตอันใกล้มุ่งหวังว่าจะขยายตลาดผ่านความร่วมมือกับแพลตฟอร์ม Lazada พันธมิตรสำคัญที่สัดส่วนยอดขาย 95% ของ Endless Holiday มาจากช่องทางนี้

Business on my way ของคุณเอ้และคุณกานต์ คือ การทำในสิ่งที่รักและมี passion แต่สำหรับเขาและเธออาจพิเศษกว่าคนอื่นสักนิด เมื่อเห็นว่าลูกๆ ภาคภูมิใจในแบรนด์ไม่น้อยกว่าบิดามารดา “ความสุขของคนทำเสื้อผ้า คือการเห็นคนใส่ชุดของเรา ตอนนี้ลูกๆก็เป็นแบบนั้น เวลาเขาเล่าให้คนอื่นฟัง ว่ามีคนต่อคิวยาวซื้อเสื้อผ้าของพ่อแม่ หรือเขาตื่นเต้นดีใจเวลาเห็นคนใส่เสื้อ Endless Holiday ความภูมิใจของเขาทำให้เรายิ่งภูมิใจ”.

เลดี้แจน

คลิกอ่านคอลัมน์ "Business On My Way" เพิ่มเติม