“โบนัส สุกี้”แบรนด์ลูก MK มั่นใจกลยุทธ์ ประกาศปั้น 100 สาขา ภายในปี 70 เน้นขายเอง ไม่เปิดแฟรนไชส์

ในสมรภูมิอาหารไทยที่ระอุด้วยการแข่งขัน กระแส "สุกี้-ชาบูหม้อไฟ" ยังคงเป็นเมนูสามัญประจำบ้านที่ครองใจผู้บริโภคทุกช่วงวัย เพราะยุคสมัยที่ผู้คนมองหาความสุขที่ “คุ้มค่า” และ “หลากหลาย” ในราคาที่เข้าถึงได้ ทำให้ตลาด 'Budget Buffet' กลายเป็นขุมทรัพย์แห่งโอกาสครั้งสำคัญ

และนี่คือจังหวะที่ยักษ์ใหญ่แห่งวงการหม้อไฟอย่าง บริษัท เอ็มเค เรสโตรองต์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ MK Group ที่เรารู้จักกับในชื่อ “สุกี้ MK”  ที่โลดแล่นอยู่ในตลาดมานานกว่า 40 ปี ต้องคว้าเอาไว้ 

โบนัส สุกี้ เริ่มต้น 219 บาท มีกว่า 60 เมนู

นั่นก็คือการเปิดตัว “โบนัส สุกี้ (Bonus Suki)” แบรนด์สุกี้น้องใหม่ไฟแรงในเครือ ที่มีราคาเข้าถึงง่ายเพียงคนละ 219 บาท ซึ่งหากคิดรวมกับเครื่องดื่มรีฟิล และ Vat ก็จะอยู่ที่ 276 บาทต่อคน นับเป็นเรือธงลำใหม่ที่มาจุดไฟการแข่งขัน พร้อมประกาศเดินหน้าปักธงขึ้นแท่นผู้นำตลาดสุกี้ Budget Buffet ในประเทศไทย 

ทานตะวัน ธีระโกเมน กรรมการผู้จัดการใหญ่ MK Group กล่าวว่า ตลาดบุฟเฟต์เป็นตลาดที่แข็งแรงและมีโอกาสเติบโตสูง จากพฤติกรรมและความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปอย่างชัดเจน 

ซึ่งบริษัทฯ ให้ความสำคัญกับคุณภาพ ความหลากหลาย และประสบการณ์ที่ดีในมื้ออาหาร นี่คือโอกาสสำคัญที่ “โบนัสสุกี้” จะเข้ามาเติมเต็มช่องว่างของตลาด และตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค จึงเป็นที่มาของโบนัสสุกี้ที่เกิดจากความตั้งใจที่จะทำแบรนด์นี้เป็น “โบนัส” ของคนไทยทั่วประเทศ โดยไม่ต้องรอสิ้นเดือน ไม่ต้องรอโบนัสสิ้นปี ก็ทานได้ทุกช่วงเวลา

เปิดตัว 4 เดือน ลูกค้ากลับมาใช้ซ้ำกว่า 25%

“โบนัสสุกี้ถือกำเนิดขึ้นจากความตั้งใจที่จะทำให้ทุกมื้อของคนไทยเป็น “โบนัส” โดยไม่ต้องรอสิ้นเดือนหรือโบนัสสิ้นปี และหลังจากการเปิดดำเนินการเพียง 4 เดือนแรก มีลูกค้ากลับมาใช้บริการซ้ำแล้วกว่า 25% และทานซ้ำสูงสุดถึง 37 ครั้ง ขณะที่ผลสำรวจความพึงพอใจลูกค้าพบว่ากว่า 95% ประทับใจ ทั้งการบริการ พนักงาน และความคุ้มค่า สะท้อนภาพของแบรนด์สุกี้น้องใหม่ที่กำลังขยับขึ้นเป็นขวัญใจคนรักสุกี้ทั่วประเทศ” 

ทานตะวัน กล่าวเสริมว่า องค์กรให้ความสำคัญกับการวิเคราะห์จุดแข็งภายใน (หลังบ้าน) ควบคู่ไปกับการมองหา “ช่องว่างในตลาด” ที่สามารถเติมเต็มและยกระดับให้ดีขึ้นได้ การเข้ามาในตลาดหม้อไฟบุฟเฟต์นั้นผ่านการวิจัยตลาดอย่างเข้มข้นและต่อเนื่อง โดยแม้จะมีบางเสียงมองว่าการดำเนินงานอาจค่อนข้างช้า แต่เมื่อตัดสินใจทำก็พบว่าผลิตภัณฑ์ตอบโจทย์กับตลาด ดังนั้นบริษัทฯ จึงเร่งขยายตัวอย่างเต็มที่ ซึ่งการขยายตัวนี่เองที่จะเป็นตัวตัดสินจังหวะเวลา

“เราพอใจกับผลการดำเนินงานที่ผ่านมาแม้จะยังไม่มีกำไร แต่ความเชื่อมั่นดังกล่าวสะท้อนได้จากแผนธุรกิจในปีหน้าที่ตั้งเป้าขยายสาขาถึง 70 แห่งทั่วประเทศ โดยงบลงทุน 500 ล้านบาทที่เพิ่มทุนไปก่อนหน้า เชื่อว่าเพียงพอต่อแผนการขยายธุรกิจ” ทานตะวัน กล่าว

เน้นขยายเมืองหลัก-เมืองรอง

ทั้งนี้ในการขยายสาขา 70 แห่ง ผู้บริหารเปิดเผยว่า จะเน้นการครอบคลุมพื้นที่ในหลายจังหวัด โดยมีหลักเกณฑ์การเลือกทำเลที่ชัดเจน ไม่ได้ยึดตามคู่แข่งเป็นหลักแต่จะพิจารณาจากการเจาะตลาดทั้งเมืองหลักและเมืองรอง การมองถึงกลุ่มลูกค้าประชากร และความหนาแน่นในพื้นที่ รวมทั้งรัศมีการครอบคลุมที่สามารถให้บริการได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังมีการพิจารณาถึงความเป็นไปได้ในการปรับเปลี่ยน MK บางสาขาให้เป็นโบนัสสุกี้ด้วยเช่นกัน 

“การกลับมาเติบโตของผลประกอบการต้องใช้เวลาและขึ้นอยู่กับปัจจัยภายนอก เช่น สภาพเศรษฐกิจ ฯลฯ แต่สิ่งที่องค์กรโฟกัสคือการสร้างความยั่งยืนด้วยการควบคุมการเติบโตตามอัตราที่องค์กรกำหนด”

ในด้านตลาดบุฟเฟต์ ผู้บริหารมองว่า ความนิยมในหมวดบุฟเฟต์มาจาก 2 ปัจจัยหลักคือ "ความคุ้มค่าและความหลากหลาย" รวมถึงพฤติกรรมของผู้บริโภคที่ต้องการควบคุมค่าใช้จ่าย (จ่ายเท่านี้แต่ไม่บวม) ซึ่งถือเป็นพฤติกรรมการบริโภคที่ฝังรากลึกของคนไทย 

ตลาดสุกี้หม้อไฟ 2.5 หมื่นล้าน ระอุ โต 4%

โดยคาดว่าตลาดร้านอาหารประเภทหม้อไฟมีมูลค่าประมาณ 25,000 ล้านบาท ในปีนี้ จะยังคงมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าในช่วงที่ผ่านมาอาจมีการชะลอตัวลงบ้าง แต่คาดว่าทั้งปีจะมีการเติบโตประมาณ 4% และการเข้ามาของโบนัสสุกี้จะช่วยเป็นแรงขับเคลื่อนให้ตลาดหม้อไฟเติบโต ขณะที่ Segmentation ของตลาดสุกี้/หม้อไฟ Budget Segment ราคาต่ำกว่า 300 บาท และ Premium Segment ราคาตั้งแต่ 300 บาท เป็นต้นไป

ขณะที่มุมมองต่อการแข่งขัน ทานตะวัน มองว่า การแข่งขันจะสูงขึ้นแต่ถือเป็นสิ่งสวยงามและความท้าทาย การมีผู้เล่นใหม่เข้ามาเป็น Positive เพราะทำให้ตลาดเติบโตและคนหันมาทานชาบู/สุกี้มากขึ้น ดังนั้นเราต้องสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันให้ได้ อย่างไรก็ตาม ธุรกิจต้องเผชิญความท้าทายจาก สงครามราคาที่คาดว่าความดุเดือดจะยังคงอยู่ เนื่องจากมีผู้เล่นหลายรายมากขึ้น รวมทั้งต้นทุนที่สูงขึ้นเช่นกัน 

สำหรับการตัดสินใจปั้นแบรนด์โบนัสสุกี้ขึ้นมาเอง แทนที่จะเทกโอเวอร์แบรนด์ที่มีอยู่ในตลาด ผู้บริหารมองว่า “เป็นเพราะเชื่อว่านี่คือโอกาสที่มี Synergy ที่ดีที่สุด และองค์กรมี Competitive Advantage ในตลาดนี้อยู่แล้ว” 

‘กลยุทธ์การตลาดของโบนัสสุกี้’ สร้างความแตกต่างและขับเคลื่อนการเติบโตอย่างยั่งยืน ด้วย 6 Extra Bonus 

1.Product : เมนูมากกว่า 60 รายการ และมีมากกว่าแค่สุกี้ ทั้งติ่มซำ ของทานเล่นที่มากกว่า น้ำจิ้มที่เป็นเอกลักษณ์ และเมนูซิกเนเจอร์ เช่น หมูนุ่มหมักไข่โบนัส โรลปูอัดโบนัส พร้อมไฮไลต์เครื่องดื่มสลัชชีชาไทย

2.Price : ราคาเข้าถึงง่าย 219 บาท (Net 276 บาท) ทานได้ 2 ชั่วโมง 15 นาที พร้อมโปรโมชันต่อเนื่องทุกเดือน 

3.People : ทีมพนักงานผ่านระบบเทรนนิ่งระดับ MK ส่งมอบประสบการณ์ที่สนุก อบอุ่น และเป็นกันเอง สนับสนุนการจ้างงานคนในท้องถิ่นตามการขยายตัวของแบรนด์

4.Promotion Bonus : ให้โบนัสลูกค้ากับเมนูพิเศษที่แจกฟรีทุกโต๊ะ วันละสองรอบ ภายใต้ concept “ชั่วโมงโบนัส”

5.Place : ร้านโอ่อ่า บาร์ใหญ่อลังการ และสะอาด โดยเน้นการขยายสู่ เมืองหลักและเมืองรอง ที่มีชุมชนหนาแน่น และมองหาทำเลที่สามารถเปิดในรูปแบบ Community Mall หรือ Stand Alone (ขนาดพื้นที่เฉลี่ย 500 ตารางเมตร) เพื่อขยายเวลารองรับลูกค้าได้ถึง "Hour" ที่ไม่ผูกกับศูนย์การค้า

6.Process : ความพร้อมทั้งหน้าบ้านหลังบ้าน มาตรฐาน MK Group ระบบการจัดการที่สาขา จัดเก็บสินค้าอย่างมีระบบ สดใหม่ สามารถเสิร์ฟได้รวดเร็ว ระบบหลังบ้านที่รองรับการขยายได้แบบไม่สะดุด มีซัพพลายเออร์กว่า 1,000 ราย, คลังสินค้าและครัวกลางที่รองรับได้มากกว่า 1,000 สาขา, และรถขนส่งกว่า 500 คัน ทำให้การขยายสาขาเป็นไปอย่างรวดเร็วและควบคุมต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ด้าน ธีร์ ธีระโกเมน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เอ็มเค เรสโตรองต์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การเปิดสาขาใหม่เป็นไปอย่างรวดเร็ว พร้อมมาตรฐานคุณภาพที่สม่ำเสมอ และการควบคุมต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ ตอกย้ำว่าการขยายสาขาไม่ใช่เรื่องยาก โดยแบรนด์ตั้งเป้าขยายให้ครบ 16 สาขา ภายในสิ้นปี 2568 และในปี 2569 เตรียมขยายเพิ่มมากกว่า 70 สาขา พร้อมทะยานสู่ 100 สาขาภายในไตรมาส 2 ปี 2570 ซึ่งถือเป็นการเติบโตมากกว่าถึง 6 เท่าในเวลาไม่ถึง 2 ปี

สาขาที่เปิดให้บริการปี 2568 (16 สาขาทั่วประเทศ)

ปัจจุบัน โบนัส สุกี้มีทั้งหมด 3 สาขา โดย สาขาแรก คือ โรบินสัน ไลฟ์สไตล์ สระบุรี (เปิดเมื่อ ก.ค. ที่ผ่านมา 

และปัจจุบันมี 9 สาขา ได้แก่ โรบินสัน ไลฟ์สไตล์ สระบุรี,แม็คโคร โลตัส มอลล์ ชัยนาทm, ลิตเติ้ล วอล์ค รามคำแหง, YES บางพลี สมุทรปราการ, แฟรี่ พลาซ่า ขอนแก่น, เสริมไทย คอมเพล็กซ์ มหาสารคาม, ศรีสกล มอลล์ สกลนคร, สตาร์ไอที เซ็นเตอร์ ระยอง, สหไทย สุราษฎร์ธานี ส่วนสาขาที่ยอดขายอันดับหนึ่งคือ ขอนแก่น 

และภายในวันศุกร์นี้ จะเปิดเพิ่ม รวม 12 สาขา รวมทั้งภายในปี 68 จะเปิดครบทั้งหมด 16 สาขา ได้แก่ โรบินสัน ไลฟ์สไตล์ สระบุรี, แม็คโคร โลตัส มอลล์ ชัยนาท, ลิตเติ้ล วอล์ค รามคำแหง, YES บางพลี สมุทรปราการ, แฟรี่ พลาซ่า ขอนแก่น, เสริมไทย คอมเพล็กซ์ มหาสารคาม, ศรีสกล มอลล์ สกลนคร, สตาร์ไอที เซ็นเตอร์ ระยอง, สหไทย สุราษฎร์ธานี, โรบินสัน บ้านฉาง ระยอง, บิ๊กซี รังสิต คลอง 6 ปทุมธานี, บิ๊กซี บางใหญ่ นนทบุรี, บิ๊กซี อำนาจเจริญ, หาดใหญ่ วิลเลจ สงขลา, สุนีย์ ทาวเวอร์ อุบลราชธานี และบิ๊กซี อ้อมใหญ่ นครปฐม

โดยตั้งเป้าขยาย 1-2 สาขาใหม่ทุกสัปดาห์ จาก 16 สาขาภายในสิ้นปี 2568 ส่วนปี 2569 ตั้งเป้าขยายมากกว่า 70 สาขา และทะยานสู่ 100 สาขาทั่วประเทศ ภายในไตรมาส 2 ปี 2570 ด้วยยอดขายรวมกว่า 3,600 ล้านบาท ตอกย้ำความเป็นแบรนด์สุกี้ Buffet ที่เติบโตเร็วที่สุดในตลาด และปัจจุบันโบนัสสุกี้มีพนักงานเฉลี่ยต่อสาขา ประมาณ 40 คน  

ทั้งนี้ ‘โบนัสสุกี้’ เปิดให้บริการทุกวันตั้งแต่เวลา 11.00 น. – 05.00 น. ลูกค้าสามารถอิ่มอร่อยได้เต็มที่ในเวลา 2 ชั่วโมง 15 นาที ราคาเพียง 219 บาทต่อท่าน (ไม่รวมเครื่องดื่มรีฟิลราคา 39 บาท และภาษีมูลค่าเพิ่ม 7%) 

การที่ “โบนัส สุกี้” ถือกำเนิดขึ้นภายใต้การขับเคลื่อนของเจเนอเรชันใหม่ ในฐานะ เรือธงเชิงกลยุทธ์ ของ MK Group ซึ่งเป็นธุรกิจครอบครัวที่สั่งสมประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในตลาดสุกี้มานานกว่า 40 ปี การเปิดตัวแบรนด์ใหม่นี้จึงไม่ใช่แค่การแตกไลน์สินค้า แต่คือการ สืบทอดวิสัยทัศน์และต่อยอดมรดก ทางธุรกิจที่มุ่งเน้นความยั่งยืน ที่ในอนาคตอาจจะกลายมาเป็น “Game changer” ให้กับ MK เลยก็ว่าได้ 

ติดตามข่าวสารด้านการตลาด กับ Thairath Money ได้ที่

https://www.thairath.co.th/money/business_marketing

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้  https://www.facebook.com/ThairathMoney