
คราฟต์เบียร์มีต้นกำเนิดจากคอลัมนิสต์เบียร์ Vince Cottone โดยใช้นิยามถึงเบียร์ที่มีกระบวนการผลิตในท้องถิ่น ผลิตได้ปริมาณน้อย และใช้วัตถุดิบธรรมชาติ เสิร์ฟเป็นเบียร์สด ไม่ผ่านการพาสเจอร์ไรส์
สมาคมผู้ผลิตเบียร์ ซึ่งเป็นกลุ่มการค้าของสหรัฐฯ สำหรับผู้ผลิตเบียร์อิสระ ได้นำคำว่า Craft Beer มาใช้เป็นเครื่องมือทางกฎหมาย ในปี 2548
ในฝั่งยุโรปอย่างสหราชอาณาจักร คราฟต์เบียร์ถูกมองว่าเป็น “เครื่องดื่มอินเทรนด์” ที่กำลังเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ โดยมีการคาดการณ์ว่าจะสร้างเม็ดเงินได้สูงถึง 1.6 พันล้านปอนด์ หรือราว 6 หมื่นล้านบาท ในปี 2568 นี้
อย่างไรก็ตาม โรงเบียร์ขนาดเล็กส่วนใหญ่ในสหราชอาณาจักรมีจำนวนพนักงานเพียงไม่กี่คน รวมถึงต้องเผชิญกับอุปสรรคจากสภาวะตลาดและแรงกดดันทางการเมือง นำไปสู่การปิดตัวโรงงาน 135 แห่งในปี 2567 ที่ผ่านมา เพียงปีเดียว
จึงเกิดการตั้งคำถามว่า อนาคตของเครื่องดื่มแห่งยุคสมัยนี้จะเป็นอย่างไร?
การปิดตัวของโรงเบียร์ขนาดเล็กในสหราชอาณาจักรเกิดจากปัจจัยทางเศรษฐกิจทั้งในแง่ต้นทุนการผลิตและกำลังซื้อของผู้บริโภค
โรงเบียร์ขนาดใหญ่ที่ครอบครองช่องทางจัดจำหน่ายหลัก ทั้งซูเปอร์มาร์เก็ต เครือร้านอาหาร หรือ ผับ ส่งผลให้ผู้ประกอบการรายย่อยต้องต่อสู้เพื่อครองส่วนแบ่งตลาด ซึ่งบางแห่งจะไม่สามารถอยู่รอดเพื่อโอกาสขยายธุรกิจ หรือทำ economies of scale (การลดต้นทุนการผลิตต่อหน่วย) ได้
นอกเหนือจากสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ อีกปัจจัยหนึ่งคือ การสร้างความรับรู้ผ่านคำว่า “คราฟต์” แก่ผู้บริโภค
Financial Times ระบุว่า มีผู้เล่นรายใหญ่หลายรายเริ่มสนใจคราฟต์เบียร์ประมาณ 20 ปีที่แล้ว โดยเริ่มซื้อหุ้นในโรงเบียร์ แล้วเข้ามาซื้อแบรนด์โดยตรง สิ่งที่ตามมาคือสงครามประมูลแบรนด์คราฟต์ทั่วโลก หลายแบรนด์ที่ผู้บริโภครักถูกซื้อไปโดยที่ผู้บริโภคไม่รู้ตัวและคิดว่ายังคงสนับสนุนธุรกิจอิสระ
ด้วยเหตุนี้ สหราชอาณาจักรมีการสนับสนุนผู้ผลิตรายย่อยผ่าน Small Producer Relief (SPR) ซึ่งเป็นมาตรการลดหย่อนภาษีสำหรับผู้ผลิตสุรา เบียร์ หรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยมีจุดประสงค์เพื่อช่วยให้ธุรกิจขนาดเล็กสามารถแข่งขันกับผู้ผลิตรายใหญ่ได้ และสนับสนุนให้เกิดการเติบโตของผู้ผลิตอิสระ
และ Draught Relief มาตรการลดหย่อนภาษีสำหรับเบียร์สด โดยเฉพาะในสหราชอาณาจักรและบางประเทศที่ใช้ระบบภาษีสรรพสามิตแบบแบ่งตามประเภทการเสิร์ฟ โดยจะลดภาษีสำหรับเบียร์ที่เสิร์ฟจากแท็ปในผับ ร้านอาหาร หรือบาร์ ไม่รวมเบียร์บรรจุขวดหรือกระป๋อง เพื่อสนับสนุนผับและร้านอาหารท้องถิ่น ให้สามารถขายเบียร์สดในราคาที่เข้าถึงได้
เช่นเดียวกันกับในสหราชอาณาจักร ผู้บริโภคมักหันไปมองหาตัวเลือกที่ถูกกว่า และถูกมองว่าเป็น "สินค้าฟุ่มเฟือย" ซึ่งเป็นความเสี่ยงที่โรงเบียร์ต้องรับมือด้วยการสร้างมูลค่าของสินค้าให้มีความชัดเจนในตลาด แม้ว่าตามกฎหมายไทย ห้ามการโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และการชักชวนให้ดื่มอย่างเข้มงวด
อย่างไรก็ตาม ในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา คณะรัฐมนตรีมีมติแก้ไขพ.ร.บ. ภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2568 เปิดทางให้ผู้ผลิตรายย่อยสามารถเข้าถึงการผลิตเบียร์บรรจุกระป๋องเพื่อจำหน่ายในประเทศ ซึ่งเป็นการปลดล็อกช่องทางการจัดจำหน่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่องทางค้าปลีก ซึ่งคาดการณ์ว่า จะสามารถเห็นผลิตภัณฑ์คราฟต์เบียร์บรรจุกระป๋องเริ่มวางจำหน่ายในเดือนมกราคมของปี 2569
จากสถานการณ์ทั้งในประเทศและต่างประเทศ สะท้อนให้เห็นว่า ธุรกิจขนาดเล็กยังคงต้องพึ่งพาการสนับสนุนจากนโยบายภาครัฐ และการสร้างตลาดที่เป็นธรรมเพื่อความอยู่รอดและขยายตัวในระยะยาว
ที่มา : Financial Times , กรมสรรพสามิต
เมรัยไทยแลนด์
งานมหกรรมสุราชุมชนและคราฟต์เบียร์ทั่วประเทศไทยงานที่เชิดชูอัตลักษณ์ของการหมักและการกลั่นแอลกอฮอล์พื้นบ้านงานที่จะยกระดับความคราฟต์ ขับเคลื่อนความเจ๋งของสุราเมรัยไทยพร้อมกิจกรรมมากมาย ที่จะทำให้คุณได้มีเรื่องเม้าเรื่องเล่ากับมิติใหม่ๆ ของสุราไทย
มาเม้าเหล้า เม้าเบียร์ เม้ามันส์ กันได้ที่เมรัยไทยแลนด์
🗓️วันที่ 26 - 30 พ.ย. 2568 จัดเต็มกว่าเดิม!📌พบกันที่ EM WONDER & SPHERE HALL , 5th Floor @EMSPHERE
ติดตามเพจ Facebook: Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ - https://www.facebook.com/ThairathMoney