รอบรั้วการตลาด : GAMBOL รุกตลาดเวียดนาม ชูกลยุทธ์เจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่

นายนิติ กิจกำจาย คณะกรรมการผู้บริหาร บริษัท บิ๊กสตาร์ จำกัด 2568 ผู้ผลิตรองเท้า GAMBOL หรือ แกมโบล กล่าวว่า เราได้ร่วมลงนามบันทึกความร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับ  Thai Corp International (Vietnam) Co., Ltd ซึ่งเป็นบริษัทนำเข้าและกระจายสินค้าชั้นนำ ของเวียดนามในเครือ BJC Group  

สำหรับการขยายตลาดครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญของ GAMBOL ที่มุ่งเจาะกลุ่มลูกค้าคนรุ่นใหม่ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ในการก้าวสู่แบรนด์รองเท้าไทยที่ได้รับความไว้วางใจในระดับโลก โดยอาศัยเครือข่ายการกระจายสินค้าที่แข็งแกร่งของ Thai Corp International (Vietnam) Co., Ltd ซึ่งครอบคลุมกว่า 50,000 จุดขายทั่วประเทศเวียดนาม

ทั้งนี้เรามองว่าเวียดนามคือตลาด เชิงยุทธศาสตร์ที่สำคัญและเป็นก้าวที่แข็งแกร่ง ในการขยายตลาดสู่ภูมิภาคเอเชียตะวันออก เฉียงใต้ โดยเฉพาะสัดส่วนผู้บริโภคเวียดนามคนรุ่นใหม่เชี่ยวชาญด้านดิจิทัล มองหาแบรนด์ ที่สะท้อนตัวตน มีสไตล์ พร้อมคุณภาพที่คุ้มค่า 

สอดคล้องกับจุดแข็งของ GAMBOL ซึ่งเป็นที่ยอมรับในด้านความสบาย คุณภาพ และดีไซน์ที่ทันสมัยเรามั่นใจว่าการผสานจุดแข็ง ของแบรนด์เข้ากับความนิยมในสินค้าไทย จะทำให้ GAMBOL ได้รับการตอบรับ เป็นอย่างดีในเวียดนาม 

โดย GAMBOL เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางในฐานะแบรนด์ที่ส่งมอบความสบาย คุณภาพ และดีไซน์ ที่ทันสมัยให้กับลูกค้าทั่วโลก ด้วยยอดขายมากกว่า 15 ล้านคู่ต่อปี สินค้ามีให้เลือกสรรที่ตอบโจทย์ ทุกไลฟ์สไตล์ และการใช้งาน พร้อมส่งออกกว่า 40 ประเทศทั่วโลก ได้รับความไว้วางใจทั้งใน ประเทศไทยและต่างประเทศ 

สำหรับหัวใจสำคัญของการผลิตรองเท้า GAMBOL ด้วยนวัตกรรมสุดล้ำ ได้แก่ G-Bold Technology  ทำให้หูหนีบนุ่ม ทนแรงกระชาก สโลปรับอุ้งเท้า พร้อมพื้นยางพาราแท้ 100% กันลื่น และนวัตกรรม G-Reflex™ Technology มีคุณสมบัติเบา สะท้อนน้ำ แห้งไว ช่วยให้เท้าไม่อับชื้น สวมใส่สบายตลอดวัน มีดีไซน์และรูปแบบการสวมใส่ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของทุกเพศทุกวัย

"เราพร้อมที่จะนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ในเวียดนาม GAMBOL พร้อมเดินหน้าสร้างความสำเร็จ โดยอาศัยความเข้าใจในตลาดท้องถิ่น กลยุทธ์การสื่อสาร ที่มีประสิทธิภาพ และเปิดรับพันธมิตรทางธุรกิจใหม่ๆ เพื่อเติบโตไปด้วยกันอย่างยั่งยืน"  

เซ็นทรัล กระบี่ : บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) เตรียมเปิด เซ็นทรัล กระบี่ ศูนย์การค้าลำดับที่ 44 ภายใต้แนวคิด Made by Krabi สัมผัสความสุข จากทุกความเป็นกระบี่ เป็นส่วนหนึ่งของโครงการมิกซ์ยูสแห่งแรกของจังหวัด มูลค่าโครงการรวม 4,500 ล้านบาท ครบครันด้วยโรงแรม คอนโดมิเนียม ที่พักอาศัย และศูนย์การค้า ที่มีพื้นที่อาคารรวม (GBA) 86,609 ตร.ม. ออกแบบจากความต้องการของคนกระบี่ 

โดยมุ่งเป็นศูนย์การต้นแบบด้านความยั่งยืนแห่งแรกของประเทศไทยที่ได้รับมาตรฐานสากล EDGE Certification – Zero Level เพื่อเป็นแลนด์มาร์กใหม่แห่งภาคใต้ ยกระดับเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวสู่เมืองต้นแบบแห่งความยั่งยืน 

ทั้งนี้ เซ็นทรัล กระบี่ มีกำหนดเปิดให้บริการ 24 ตุลาคม 2568 พร้อมจัดเต็มฉลองเปิดศูนย์การค้าฯสุดยิ่งใหญ่ รวมศิลปินดัง และอีเวนต์สร้างสีสัน-สะท้อนเสน่ห์จังหวัด

CLP Group ตอกย้ำวิสัยทัศน์ : นางสาววัชรา ลี้โกมลชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร CLP Group กล่าวในงานว่า Empowering A Better Life สำหรับเรา ไม่ใช่เพียงสโลแกน แต่คือคำมั่นสัญญา งานนี้คือการพิสูจน์ว่าเกษตรกรและผู้ประกอบการสามารถกลับไปพร้อมความรู้ เครื่องมือ และเครือข่าย ที่ช่วยสร้างรายได้ที่มั่นคงและยั่งยืนได้จริง 

ทั้งนี้เราได้ลงนาม MOU ความร่วมมือด้านการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีการเกษตรกับมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัยเพื่อผลักดันองค์ความรู้และนวัตกรรมใหม่ๆ ที่สามารถนำไปปรับใช้จริงในชุมชนเกษตรกร และต่อยอดสู่การสร้างโมเดลธุรกิจที่ยั่งยืน 

นอกจากนี้ยังได้ร่วมแลกเปลี่ยนมุมมองเรื่องอนาคตการเกษตรและนวัตกรรม กับคณะครูและนักเรียน ซึ่งจะต่อยอดไปสู่โครงการ Green Academy Leaders ที่มุ่งสร้างกลุ่มเยาวชนรุ่นใหม่ที่มีวิสัยทัศน์ พร้อมก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำด้านเกษตรและสิ่งแวดล้อมในอนาคต

ความสำเร็จในครั้งนี้สะท้อนให้เห็นว่า CLP Group ไม่เพียงเป็นผู้นำด้านเครื่องจักรการเกษตร แต่กำลังยกระดับบทบาทสู่การเป็น Partner for Growth ของเกษตรกรไทย โดยเดินหน้าสร้าง Value Chain ที่เชื่อมโยง จากไร่นาสู่ตลาดโลก งาน Farm Expo 2025 ในปีนี้ คือการย้ำบทบาทของ CLP ที่มีต่อวงการเกษตรไทย โดยการยืนหยัดเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนวิสัยทัศน์ Empowering A Better Life ให้เกิดขึ้นจริงในทุกระดับของสังคม

สนับสนุนเกษตรกรไทย : บริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด จับมือสมาคมชาวสวนกาแฟไทย ลงนามบันทึกความเข้าใจในการสนับสนุนเกษตรกรผู้ปลูกกาแฟในประเทศไทย ด้วยการรับซื้อเมล็ดกาแฟจากเกษตรกรในประเทศไทยในฤดูการผลิต 2568/2569 พร้อมทั้งถ่ายทอดองค์ความรู้เกี่ยวกับการเกษตรเชิงฟื้นฟู (Regenerative Agriculture) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพผลผลิตทั้งในด้านปริมาณและคุณภาพ ควบคู่ไปกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม 

นอกจากนี้ เนสท์เล่จะดำเนินโครงการวิจัยพันธุ์กาแฟอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เกษตรกรเข้าถึงสายพันธุ์กาแฟที่ให้ผลผลิตคุณภาพสูง ทั้งนี้ เพื่อสนับสนุนเกษตรกรผู้ปลูกกาแฟในประเทศไทยให้มีรายได้และคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น โดยพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจได้รับเกียรติจากผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพรร่วมเป็นสักขีพยาน