
เป็นระยะเวลากว่า 80 ปี ตั้งแต่ พ.ศ. 2488 จนถึงปัจจุบัน "ชาตรามือ" ได้สร้างนิยามใหม่ให้กับการดื่มชาของคนไทย ด้วยการเป็นแบรนด์แรกๆ ที่นำเข้าชาแดงมาปรุงเป็น "ชาไทย" และ "ชาดำ" เพื่อให้เข้ากับสภาพอากาศร้อนในประเทศไทยได้เป็นอย่างดี ผนวกกับรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์ที่สืบทอดจากรุ่นสู่รุ่นนี้เอง ทำให้ชาตรามือไม่เพียงแค่เป็นที่รู้จัก แต่ยังเป็นผู้ผลักดัน "ชาไทย" ให้โด่งดังและเป็นที่ยอมรับไปทั่วโลกอีกด้วย
พราวนรินทร์ เรืองฤทธิเดช กรรมการบริหาร แบรนด์ชาตรามือ กล่าวว่า ตลอดระยะเวลา 80 ปีที่ผ่านมา แบรนด์ชาตรามือได้ผ่านการเปลี่ยนแปลงและเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากเดิมที่เคยเป็นที่รู้จักในวงจำกัดเฉพาะกลุ่มลูกค้าค้าส่งและผู้ประกอบการร้านอาหาร
แต่ในช่วง 30 ปีให้หลัง ชาตรามือได้ก้าวเข้าสู่ตลาดค้าปลีกอย่างเต็มตัว ด้วยการเปิดหน้าร้านและออกบูธตามงานต่างๆ ทำให้แบรนด์เป็นที่รู้จักในกลุ่มผู้บริโภคทั่วไปมากขึ้นอย่างกว้างขวาง นอกจากนี้การท่องเที่ยวของชาวต่างชาติและการเข้าถึงสินค้าที่ง่ายขึ้นยังช่วยผลักดันให้ชาตรามือเป็นที่รู้จักในระดับสากลอีกด้วย
ทำให้ปัจจุบันชาตรามือ มีจำนวนสาขาในประเทศไทยทั้งสิ้น 225 สาขา ส่วนต่างประเทศมีทั้งหมด 130 สาขา ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการให้สิทธิ์ไลเซนส์ (license) กับพันธมิตรท้องถิ่น
สำหรับปีนี้ ชาตรามือตั้งเป้าที่จะขยายสาขาเพิ่มขึ้นอีกเป็น 240-250 สาขา โดยเน้นการเปิดในกรุงเทพฯ กว่า 100 สาขา และที่เหลือจะกระจายไปตามหัวเมืองในต่างจังหวัด ขณะที่การรุกตลาดต่างประเทศก็ยังคงเป็นยุทธศาสตร์สำคัญเช่นเดียวกัน เพื่อมุ่งสู่การเป็น Global Brand ที่ตั้งใจจะยกระดับแบรนด์ชาตรามือ สู่การเป็นแบรนด์ระดับโลก
เพื่อสื่อสารการเดินทางของแบรนด์อย่างชัดเจน พร้อมฉลองครบรอบ 80 ปีของการเดินทางจาก “ร้านชายุคบุกเบิก” สู่การเป็น “ผู้นำธุรกิจชาครบวงจร” ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ จนถึงปลายน้ำ เพื่อร่วมส่งเสริมและสนับสนุนภาคธุรกิจชาไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน จึงได้มีการจัดงาน “ChaTraMue Original Thai Tea Festival” เพื่อเน้นย้ำความเป็นต้นตำรับชาไทย และได้ร่วมผลักดันให้ “ชาไทย” ก้าวขึ้นเป็นเมนูเครื่องดื่มที่ทุกคนต่างต้องหลงรัก
ซึ่งสิ่งที่น่าสนใจในงานจะเป็นการจับมือกับพันธมิตรชั้นนำ รวมถึงเมนูสุดพิเศษจากชาตรามือที่จะเปิดตัวในงานนี้ครั้งแรก ไม่ว่าจะเป็น ชาไทยน้ำตาลโตนด และชาเขียวลอดช่อง รวมทั้งแก้วลิมิเต็ด 3 สี ทอง เงิน และนาค
บูธสินค้า “ชาตรามือ” คอลเล็กชันพิเศษฉลอง 80 ปี ทั้งผ้าพันคอ เสื้อยืด ชุดแก้วเซรามิก กระเป๋าผ้า และยังมีกระป๋องสุ่ม “CHATRAMUE LUCKY CAN” กระป๋องชาไทยต้นตำรับ Limited Edition เพียง 80 บาท เซอร์ไพร์ตสินค้าในกระป๋อง มูลค่ากว่า 200 บาท รวมทั้งยังมีนิทรรศการบอกเล่าเรื่องราวของ “ชาตรามือ”, ตู้ Photo booth อีกด้วย
และที่พิเศษสุดคือการร่วมมือกับพันธมิตร 10 แบรนด์ดัง ในการร่วมสร้างสรรค์เมนูพิเศษโดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็น After You เมนูขนมปังเนยโสดชาไทย, Holiday Pastry ชีสทาร์ตโมจิชาไทย, Kaew Boutique ขนมชั้นชาไทย โรลมะพร้าวอ่อนสังขยาชาไทย และพุดดิ้งชาไทยมะพร้าวนมสด, Layers Thai Tea Layer Cake, Moone โรลเค้กชาไทย
อีกทั้งยังมี Souri มาการองชาไทย, Plantae สลัชชี่โปรตีนชาไทย, Yole Yogurt Shake Thai Tea, ถิงถิง บัวลอยงาดำน้ำชาไทย และบิงซูชาไทย รวมทั้งน้ำเต้าหู้ปูปลา ที่นำเสนอซอฟเสิร์ฟชาไทยงาดำ และน้ำเต้าหู้ชาไทย
“วัตถุประสงค์หลักของการร่วมมือกับ 10 แบรนด์ดังในครั้งนี้ คือการยกระดับ ชาไทย ให้เป็นที่รู้จักไปทั่วโลกและแสดงให้เห็นว่าชาไทยสามารถสร้างสรรค์ได้มากกว่าแค่เครื่องดื่ม โดยสามารถนำไปเป็นส่วนผสมของขนมและเบเกอรี่ต่างๆ ได้”
ส่วนหลักเกณฑ์ในการคัดเลือกแบรนด์ พราวนรินทร์ มองว่า จะมีการแบ่งออกเป็น 2 ส่วนหลัก คือ พาร์ทเนอร์ปัจจุบัน ที่เคยทำงานร่วมกับแบรนด์ โดยจะนำเสนอเมนูใหม่ที่ปรับเปลี่ยนให้เป็นสูตรพิเศษสำหรับงานโดยเฉพาะ
ส่วน พาร์ทเนอร์ใหม่ จะพิจารณาจากแบรนด์ที่มีแนวคิดตรงกันและมีความชื่นชอบในสินค้าของกันและกัน จากนั้นจึงร่วมกันทำการวิจัยและพัฒนา (R&D) เพื่อสร้างสรรค์เป็นเมนูสุดพิเศษสำหรับลูกค้า โดยแต่ละเมนูจะมีการวางขายที่สาขาของแต่ละแบรนด์ยาวต่อเนื่องไปจนถึงสิ้นปี
อย่างไรก็ตามเมื่อถามถึงภาพรวมการเติบโต พราวนรินทร์ มองว่า แม้ตลาดชาไทยในปัจจุบันมีการแข่งขันสูง แต่ชาตรามือยังคงเห็นการเติบโตอย่างต่อเนื่องทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยมุ่งเน้นการผลิตชาคุณภาพในราคาที่เข้าถึงได้ ทำให้ผู้บริโภคไม่ได้รับผลกระทบจากกำลังซื้อที่ลดลงมากนัก และยังคงเป็นผู้นำตลาดชาไทย ขณะที่สาขาที่สร้างรายได้สูงสุด คือ สาขาในเมืองและสนามบิน เนื่องจากมีจำนวนลูกค้าที่หนาแน่น
และเพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ชาตรามือจึงขยายกำลังการผลิตทุกปี ทั้งการเพิ่มเครื่องจักรและพื้นที่จัดเก็บ ซึ่งส่งผลให้ผลผลิตโดยรวมเพิ่มขึ้น 15-20% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ยังมีการพัฒนา ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ และการ ร่วมมือ (collaboration) กับแบรนด์ต่างๆ อย่างสม่ำเสมอ
ขณะเดียวกัน แม้จะมีแบรนด์ชาจากต่างประเทศเข้ามาเป็นตัวเลือกมากขึ้น แต่ พราวนรินทร์ กลับมองว่า สิ่งนี้ไม่ได้ส่งผลกระทบในทางลบโดยตรง แต่กลับเป็นโอกาสที่ทำให้ตลาดชาเติบโตขึ้นและผู้บริโภคมีตัวเลือกที่หลากหลายมากขึ้น ซึ่งเป็นการกระตุ้นให้ผู้คนหันมาบริโภคชาเพิ่มขึ้นอีกด้วย
สำหรับเมนูยอดนิยมของชาตรามือที่ร้าน ได้แก่ ชาไทย ชาเขียวนม ชามะนาว ชาดำเย็น เพียวมัจฉะ และ ชากุหลาบ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ที่ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี
ด้วยวิสัยทัศน์ที่จะผลักดัน “ชาไทย” ให้เป็นที่รู้จักในระดับสากล “ชาตรามือ” ได้แสดงให้เห็นแล้วว่า ชาไทยสามารถเป็นได้มากกว่าเครื่องดื่ม แต่ยังเป็นส่วนผสมที่สร้างสรรค์ในเมนูขนมและเบเกอรี่หลากหลายชนิด
การเดินทาง 80 ปี ของชาตรามือจึงไม่ใช่แค่เรื่องราวของแบรนด์ชา แต่คือการเดินทางของการสร้างสรรค์ การเติบโต และการเป็นผู้ปลุกกระแสให้ “ชาไทย” กลายเป็นเมนูที่ทุกคนหลงรักอย่างแท้จริง ก้าวต่อไปของชาตรามือจึงไม่ใช่เพียงการมุ่งสู่การเป็น Global Brand เท่านั้น แต่คือการยืนยันถึงความสำเร็จที่สั่งสมมาอย่างยาวนาน และยังคงเป็นผู้นำที่พร้อมจะยกระดับวงการชาไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ https://www.facebook.com/ThairathMoney