สูตรปั้นแบรนด์ Bioactive+ สไตล์ มาดามเมย์ 4 เดือนทำเงินเกือบพันล้าน ยอดขายกว่าครึ่งมาจาก TikTok

Business & Marketing

Marketing & Trends

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

สูตรปั้นแบรนด์ Bioactive+ สไตล์ มาดามเมย์ 4 เดือนทำเงินเกือบพันล้าน ยอดขายกว่าครึ่งมาจาก TikTok

Date Time: 16 ก.ย. 2568 12:17 น.

Video

กลาง ธ.ค.ลุ้น! ฝนถล่มภาคใต้รอบใหม่ น้ำลดรอบนี้ต้องรีบทำอะไร? | Thairath Money Night Stand EP.26

Summary

จากวันที่ธุรกิจรับจ้างผลิตติดลบมหาศาล สู่การตัดสินใจครั้งสำคัญเพื่อสร้างแบรนด์ของตัวเอง ดร.วาสนา อินทะแสง หรือ "มาดามเมย์" ผู้บริหารหญิงผู้คร่ำหวอดในวงการอาหารเสริม พลิกวิกฤติเป็นโอกาสด้วยการสร้าง Bioactive+ แบรนด์ที่พิสูจน์ให้เห็นว่า "ของดีมีคุณภาพ" ไม่จำเป็นต้องขายถูก จนกลายเป็นไวรัลทั่วโซเชียล

Latest


เชื่อว่าหลายคนคงจะผ่านตากันมาบ้างกับกระแส “หักจุก เท เขย่า” ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมในรูปแบบหลอด ซึ่งเป็นวิธีการบริโภคที่แปลกใหม่และกำลังได้รับความนิยมอย่างมากในโลกออนไลน์ 

ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวคือ Bioactive Concentrated Liquid จากแบรนด์ Bioactive+ที่กำลังสร้างปรากฏการณ์ใหม่ให้กับวงการอาหารเสริมในประเทศไทยและเป็นที่จับตามองของผู้คนในวงกว้าง

ซึ่งเบื้องหลังปรากฏการณ์นี้คือการร่วมมือของสองผู้บริหารที่น่าจับตามอง นั่นคือ ดร.วาสนา อินทะแสง มาดามเมนี่ หรือ เมย์ วาสนา ที่ถูกพูดถึงในโลกโซเชียลมาพอสมควร และ จี๋-สุทธิรักษ์ ทรัพย์วิจิตร

ดร.วาสนา ผู้บริหารหญิงผู้คร่ำหวอดในวงการอาหารเสริมมานานกว่า 8 ปี กล่าวว่า Bioactive Lab ซึ่งเป็นแบรนด์แรกที่ตั้งใจออกมาทำอย่างเต็มตัว จากเดิมที่ธุรกิจหลักคือการรับจ้างผลิต (OEM) ให้กับลูกค้ากว่า 5,000 แบรนด์ ซึ่งแม้จะมียอดขายดีแต่ก็ประสบปัญหาเรื่องการเก็บหนี้สิน ทำให้งบการเงินในปี 2567 ติดลบเป็นร้อยล้านบาท การตัดสินใจสร้างแบรนด์ของตัวเองจึงเป็นเสมือนทางออก เพื่อสร้างความมั่นคงและไม่ต้องพึ่งพาผู้อื่น พร้อมกับถือเป็นการคลีนตัวเอง ก่อนเข้าตลาดหลักทรัพย์เพื่อไม่ให้กระทบกับแบรนด์ 

หมดยุคตีหัวเข้าบ้าน คาดหวังผลในระดับสูง ต้นทุนก็สูงตาม

“เราไม่สามารถทำของดีในราคา 9 บาทให้ลูกค้าได้” ดร.วาสนา อินทะแสง ผู้ก่อตั้ง บริษัท ไบโอแอคทีฟ เอ็นแซต 1984 จำกัด ย้ำถึงความซื่อสัตย์ในการผลิต พร้อมเผยว่า “ที่ผ่านมาตลาดอาหารเสริมไทยอยู่ในภาวะ “พังพินาศ” เนื่องจากหลายแบรนด์เน้นราคาถูกจนคุณภาพไม่ตรงปก ทำให้ผู้บริโภคขาดความเชื่อมั่น มากกว่า 90% ของแบรนด์ในตลาดไม่ได้ไปต่อ ดังนั้น Bioactive+ เข้ามาในตลาดในช่วงที่หลายคนจมน้ำ เพราะต้องการเป็นแบรนด์ที่สร้าง Trustworthiness ให้กับลูกค้าอย่างแท้จริง” 

เธอจึงยอมลงทุนและใช้เวลาถึง 2 ปีเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์และแบรนด์ดิ้ง แม้จะต้องใช้เงินจำนวนมหาศาลเพื่อซื้อเวลาและเทคโนโลยี โดยเฉพาะการเทคโอเวอร์แบรนด์ Bioactive+ ที่มีประวัติยาวนานกว่า 40 ปีในนิวซีแลนด์ ซึ่ง เมย์ ให้เหตุผลว่า "เงินซื้อได้หลายอย่าง แต่ซื้อเวลาไม่ได้"

ทั้งนี้ “BioActive+” เป็นแบรนด์น้องใหม่ระดับโลกที่ปักหมุดเปิดตัวในไทยอย่างเป็นทางการเมื่อ 5 พฤษภาคม 2568 กลายเป็นผู้เล่นที่สร้างแรงสั่นสะเทือนในตลาด ด้วยกลยุทธ์การสร้างแบรนด์ชัดเจน การลงทุนทางการตลาดระดับแมส และนวัตกรรม Concentrated Liquid Supplement ที่โดดเด่นในแง่การดูดซึมสารอาหารอย่างเต็มประสิทธิภาพ โดยเป็นแบรนด์แรกและเป็นเจ้าเดียวในประเทศไทยที่ผลิตคอลลาเจนในรูปแบบหลอดแบบ “Tube” ซึ่งจดสิทธิบัตรไว้เรียบร้อย 

นับเป็นนวัตกรรมที่แตกต่างและโดดเด่นไม่เหมือนใคร นอกจากนี้ยังมุ่งมั่นที่จะเปลี่ยนพฤติกรรมผู้บริโภคให้มองว่าอาหารเสริมเป็นเรื่องที่เข้าถึงง่าย เหมือนการดื่มเครื่องดื่มอร่อยๆ ไม่ใช่การรับประทานยา

โดยผลิตภัณฑ์ที่สร้างชื่อและเป็นตัวเรือธงคือ Bioactive Concentrated Liquid Collagen คอลลาเจนชนิดเข้มข้นในรูปแบบของเหลว ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ตัวแรกที่บริษัทนำเข้ามาเปิดตลาดในประเทศไทย ด้วยนวัตกรรมที่ไม่เหมือนใครและรสชาติที่อร่อย ทำให้ผู้บริโภคสามารถรับประทานได้ง่าย สะดวก และเห็นผลลัพธ์ที่รวดเร็ว จนกลายเป็นสินค้าที่ขายดีที่สุดของแบรนด์

สุทธิรักษ์ ทรัพย์วิจิตร ผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท ไบโอแอคทีฟ เอ็นแซต 1984 จำกัด ในฐานะผู้บริหารด้านแบรนด์ดิ้งและมาร์เก็ตติ้ง กล่าวว่า ความท้าทายที่สำคัญคือการทำให้ผู้บริโภคเข้าใจในสิ่งใหม่ที่ยังไม่เคยมีมาก่อน จึงเลือกใช้ช่องทาง TikTok เป็นสื่อหลัก ในการสื่อสารและสร้างความน่าเชื่อถือ โดยเน้นการเปิดเผยส่วนผสมและงานวิจัยทั้งหมด เพื่อให้ผู้บริโภคเห็นถึงความจริงใจและคุณภาพของผลิตภัณฑ์ 

ซึ่งกลยุทธ์นี้ประสบความสำเร็จอย่างสูง โดยช่องทาง TikTok มีสัดส่วนยอดขายสูงถึง 50% นอกจากนี้ยังมีช่องทางอื่นๆ เช่น Shopee, Lazada และออนไลน์ รวมทั้งในอนาคตมีแผนจะขยายสู่ช่องทางออฟไลน์ รวมถึงการวางขายในร้านสะดวกซื้อ 7-Eleven ด้วยแพ็คเกจแบบหลอดเดี่ยวในราคาประมาณ 59-79 บาท และมีแผนจะนำผลิตภัณฑ์เข้าสู่โรงพยาบาลและร้านขายยา เพื่อให้เข้าถึงผู้บริโภคได้หลากหลายกลุ่มมากขึ้น

ปัจจุบัน Bioactive Lab มีสัดส่วนการถือหุ้นในนิวซีแลนด์อยู่ที่ 55% และพาร์ทเนอร์ชาวนิวซีแลนด์ถือ 45% เพื่อให้บริษัทไทยมีอำนาจในการบริหารจัดการได้อย่างเต็มที่ ส่วนในประเทศไทยบริษัทฯ ถือหุ้นทั้งหมด 100% ซึ่งแทบจะใช้เงินน้อยมากในการเทคโอเวอร์แบรนด์มา เนื่องจากที่นิวซีแลนด์มีการร่วมทุนโรงงานก่อน ทั้งนี้มีแผนจะขยายตลาดไปยังสหรัฐอเมริกา ซึ่งมองว่าเป็นตลาดที่ใหญ่กว่าไทยถึง 10 เท่า และมีแผนจะร่วมทุนกับพาร์ทเนอร์ในอเมริกาเพื่อตั้งโรงงานผลิตในอนาคต เพื่อลดต้นทุนและภาษี

เส้นทางสู่ความสำเร็จและทิศทางการตลาด

แม้จะเพิ่งเปิดตัวในไทยได้ไม่นาน แต่ Bioactive+ ได้สร้างการเติบโตอย่างก้าวกระโดด เพียง 4 เดือนหลังการเปิดตัว (5 พฤษภาคม– 9 กันยายน 2568) BioActive+ ทำยอดขายพุ่งทะลุ 921 ล้านบาท (ข้อมูลซัปพอร์ต จาก Insight Data ของยอดขาย นับตั้งแต่ วันที่ 5 พฤษภาคม - 9 กันยายน 2568) คิดเป็น 61.4% จากเป้าหมายในปี 2568 ที่วางไว้คือ 1,500 ล้านบาท โดยแบรนด์มียอดคำสั่งซื้อสิ้นค้าทั้งหมด 1,541,707 กล่อง หรือ จัดจำหน่ายไปแล้วมากกว่า 15 ล้านหลอด คิดเป็นวันละ 121,394 หลอด ชั่วโมงละ 5,058 หลอด นาทีละ 84 หลอด(ข้อมูลซัปพอร์ต จาก Insight Data ของยอดขาย นับตั้งแต่ วันที่ 5 พฤษภาคม - 8 กันยายน 2568) และตั้งเป้าแตะ 1,500 ล้านบาทภายในสิ้นปี 2568 หรือคิดเป็น Market Share ประมาณ 3% ของตลาดอาหารเสริมไทย 

ความสำเร็จดังกล่าวเกิดจากการเปิดตัว 4 สูตรหลัก ได้แก่

  • Concentrated Liquid Collagen
  • Concentrated Liquid Asta Drink 
  • Concentrated Liquid Gold
  • Concentrated Liquid Gluta

และยังมีแผนเปิดตัวสูตรใหม่ในช่วงปลายปี อีก 3 SKUs เพื่อขยายฐานลูกค้าและเพิ่มโอกาสทางการตลาดอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม Bioactive+ นับเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยผลักดันตลาดคอลลาเจนของไทยเติบโตจาก 1,400 ล้านบาท เป็น 1,500 ล้านบาทในปัจจุบัน

ความโดดเด่นของ BioActive+ ไม่ได้อยู่แค่ผลิตภัณฑ์ แต่ยังรวมถึงการสร้างแบรนด์และการตลาดที่เข้มข้น ครอบคลุมทั้ง Branding – Communication – Sales Activation บนงบการสร้างแบรนด์ และการตลาดที่วางไว้อยู่ที่ 10-15% จากเป้ายอดขาย ในปี 68  

สำหรับ 4 เดือนสุดท้ายของปี BioActive+ เตรียมเดินหน้าขยายตลาดเต็มกำลัง ด้วยกลยุทธ์ Omnichannel Expansion โดยจะเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ 3 SKUs พร้อมใช้งบการตลาดเพิ่มเติมเพื่อสร้าง Awareness และทดลองซื้อ ควบคู่กับการใช้ Data-Driven Marketing & Personalization ผ่าน CRM เพื่อนำเสนอแคมเปญเจาะกลุ่มลูกค้าเฉพาะบุคคล (Remarketing & Personalized Campaigns) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการปิดการขาย

อย่างไรก็ตามจากการวิเคราะห์ตลาดที่ผ่านมา ดร.วาสนา พบว่า ธุรกิจที่เน้นการขายราคาถูกเสมือน "ตีหัวเข้าบ้าน" มักจะอยู่ได้ไม่นานและเริ่มจะตายไปจากตลาด ขณะที่แบรนด์ที่มีคุณภาพสูงและมีราคาเหมาะสม แม้จะมีสัดส่วนลูกค้าที่ยอมจ่ายเพื่อของดีเพียง 10% แต่ลูกค้ากลุ่มนี้มักจะภักดีต่อแบรนด์และทำให้ธุรกิจเติบโตได้อย่างยั่งยืน

ด้วยเหตุนี้ Bioactive+ จึงมีเป้าหมายที่จะเป็นแบรนด์ที่มั่นคงและอยู่คู่กับผู้บริโภคไปอีกหลายร้อยปี เปรียบเสมือน Nivea กระปุกสีน้ำเงิน ที่มีฐานแฟนที่รักในคุณภาพของผลิตภัณฑ์อย่างแท้จริง ซึ่งนั่นคือหัวใจสำคัญของกลยุทธ์การสร้างแบรนด์ โดยไม่คิดที่จะสร้างแบรนด์ใหม่เพราะต้องการให้เป็นความท้าทายสุดท้ายในชีวิตการทำงานที่จะผลักดันให้แบรนด์ไทยไปยืนอยู่บนเวทีระดับโลกได้อย่างแท้จริง” 

ทั้งนี้จากข้อมูลพบว่า ตลาดอาหารเสริมในประเทศไทยมีมูลค่าสูงถึง 90,000 ล้านบาท และเติบโตอย่างต่อเนื่องเฉลี่ย 7-10% ต่อปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงโควิด-19 ที่ผู้คนหันมาใส่ใจสุขภาพมากขึ้น แนวโน้มที่น่าสนใจในตลาดนี้ประกอบด้วย

  • Anti-Aging (ชะลอวัย) 
  • Beauty from Within (ความงามจากภายใน)
  • Energy Boost (เพิ่มพลังงาน) 

นอกจากนี้ ผู้บริโภคยุคใหม่ยังให้ความสำคัญกับแนวคิด "สูงวัยอย่างสง่างาม" (Age Gracefully) และการดูแลสุขภาพแบบ "องค์รวม" (Holistic) ซึ่งเป็นโอกาสสำคัญสำหรับธุรกิจอาหารเสริม

รวมทั้งพฤติกรรมผู้บริโภคในปัจจุบันมีการศึกษาข้อมูลอย่างจริงจังก่อนตัดสินใจซื้อ โดยเฉพาะจากผู้เชี่ยวชาญและผู้ใช้จริง ทำให้แบรนด์ต้องสร้างความน่าเชื่อถือและความโปร่งใส (Brand Transparency) นอกจากนี้ 41% ของคนไทยมีความรู้เรื่องโภชนาการมากขึ้น และสามารถอ่านฉลากเพื่อเปรียบเทียบข้อมูลสินค้าได้เอง และ 73% ของผู้บริโภคไทยรู้จักและเคยบริโภคคอลลาเจน 

จึงปฏิเสธไม่ได้ว่าเส้นทางของแบรนด์ Bioactive+ ไม่ใช่แค่การสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ แต่คือการสร้างปรากฏการณ์ที่ท้าทายตลาด ผ่านบทพิสูจน์ว่า “ธุรกิจที่ยั่งยืนไม่ได้สร้างจากราคาที่ถูกที่สุด แต่สร้างจากความจริงใจและคุณค่าที่ส่งมอบให้กับผู้บริโภค” ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญที่ทำให้ Bioactive+ ก้าวขึ้นเป็นผู้นำและเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันตลาดคอลลาเจนของไทยให้เติบโตอย่างก้าวกระโดด

ติดตามข่าวสารด้านการตลาด กับ Thairath Money ได้ที่

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้  https://www.facebook.com/ThairathMoney


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ