"วริษฐา สืบพันธ์วงษ์" ผู้สร้าง MizuMi สกินแคร์สัญชาติไทย จาก 1 สู่ 2 พันล้าน!

Business & Marketing

Marketing & Trends

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

Tag

"วริษฐา สืบพันธ์วงษ์" ผู้สร้าง MizuMi สกินแคร์สัญชาติไทย จาก 1 สู่ 2 พันล้าน!

Date Time: 6 ก.ย. 2568 04:22 น.

Summary

"วริษฐา สืบพันธ์วงษ์" ผู้สร้าง MizuMi สกินแคร์สัญชาติไทย จาก 1 สู่ 2 พันล้าน! เดินหน้าสร้าง Legacy แบรนด์ไทย

Latest

รอบรั้วการตลาด : Heritage Fine Art & Jewelry เปิดเกมรุกตลาดไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่

จากนักเรียนโรงเรียนเตรียมอุดมที่ได้ทุนเล่าเรียนหลวง (ทุนคิง) ไปเรียนปริญญาตรีด้านเศรษฐศาสตร์ที่  Stanford สหรัฐอเมริกา กลับมาทำงานในบริษัทคอนซัลต์ที่ปรึกษาระดับโลก สู่การเป็นเจ้าของผู้ก่อตั้งและซีอีโอ MizuMi (มิซูมิ) แบรนด์สกินแคร์สัญชาติไทยที่มียอดขายเติบโตขึ้นทุกปี ล่าสุดปิดยอดสิ้นปี 67 ได้ถึง 2,000 ล้านบาท!! และตั้งเป้าปี 68 โตขึ้นอีกไม่ต่ำกว่า 30%

“คุณหนุย” วริษฐา สืบพันธ์วงษ์ เล่าถึงที่มาของความสำเร็จในวันนี้ว่า แบรนด์ MizuMi เกิดขึ้นเมื่อปี 2558 หรือ 10 ปีที่แล้ว เธอที่เป็นคนผิวแพ้ง่าย หาครีมกันแดดที่ถูกใจไม่ได้ จึงอยากได้ครีมกันแดด ที่เหมาะกับคนผิวแพ้ง่าย ไม่มีสารเคมี เนื้อบางเบา ซึมง่าย ไม่เหนอะหนะหนักหน้า ทาแล้วหน้าไม่เทา-ไม่ขาววอก และไม่รบกวนเมกอัป ขณะที่ในตลาดเมืองไทยตอนนั้นแทบไม่มีครีมกันแดดที่ตอบโจทย์นี้ได้ ทำให้เธอเห็นโอกาสธุรกิจจาก painpoint นี้

ขณะนั้น “คุณหนุย” ที่ได้ลาออกจากการเป็นพนักงานประจำแล้ว แม้เงินเดือนสูงแต่เธอกลับเบื่อชีวิตการเป็นลูกจ้าง ด้วยความเป็นคนที่ไม่ชอบอยู่ในกรอบ ชอบคิดและลงมือทำด้วยตัวเอง และต้องการเป็นผู้ประกอบการด้วยตัวเอง เธอจึงเริ่มศึกษาและพัฒนาผลิตภัณฑ์ร่วมกับโรงงานญี่ปุ่นในไทย ใช้เวลากว่า 2 ปี กว่าจะลงตัวออกครีมกันแดด MizuMi ตัวแรก ที่ใช้เงินลงทุนก้อนแรก 1 ล้านบาท จากการลงขันกับเพื่อนผู้ร่วมก่อตั้ง 4 คน ผลิตลอตแรกออกมา 6,000 ขวด ตามกำหนดขั้นต่ำของโรงงาน

ขายในช่องทางออนไลน์ ที่ตอนนั้นมีเพียงเฟซบุ๊ก, IG และ Line official เพราะสมัยนั้นยังไม่มี Market place อย่าง SHOPEE-LAZADA ขณะเดียวกันเธอกับเพื่อน ก็ไปออกบูธนำสินค้าไปขายตามตลาดนัดออฟฟิศต่างๆ เพื่อแนะนำผลิตภัณฑ์ให้ลูกค้าด้วยตัวเอง นอกจากนี้ ยังส่งไปให้ KOL และ INFLUENCER ทดลองใช้และขอให้ช่วยรีวิวให้

เธอเล่าว่าช่วงแรกๆขายได้วันละ 20 ขวดก็ดีใจแล้ว เพราะเป็นแบรนด์ใหม่ที่ยังไม่มีใครรู้จัก แต่ปรากฏว่าได้การตอบรับที่ดีขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง โดยมีกระแสพูดถึง MizuMi ในโลกโซเชียลจากผู้ใช้ทั้งการรีวิวและการบอกต่อ ทำให้เพียงแค่ 6 เดือนแรกของการเปิดขายเท่านั้น เธอก็ได้รับข้อความจาก WATSON (วัตสัน) ที่ Inbox ติดต่อให้นำสินค้าเข้าไปวางขายในร้านวัตสัน โดยช่วงแรกให้วางขาย 200 สาขาทั่วประเทศ ซึ่งปรากฏว่าขายดีและเพียง 2 สัปดาห์หลังจากนั้นวัตสันก็ขอให้วางเพิ่มเป็น 400 สาขา ซึ่งตอนนั้นมีสินค้าเพียง 2 ตัว คือกันแดดขวดฟ้ากับขวดส้ม

“วัตสันทำให้เราโตอย่างก้าวกระโดด ปี 60 ยอดขายเพิ่มขึ้นมาถึงหลัก 100 ล้านบาท โดยปัจจุบัน MizuMi มีมากกว่า 40 ผลิตภัณฑ์ วางขายในทุกช่องทางทั้งโมเดิร์นเทรด, คอนวีเนียนซ์สโตร์ 7-11, CJ, บิวตี้สโตร์, ซุปเปอร์มาร์เกต และทางออนไลน์ทั้งของ official และมาร์เกตเพลส SHOPEE-LAZADA นอกจากนี้ยังขยายตลาดไปทั้งเวียดนาม ลาว มาเลเซีย”

“คุณหนุย” เล่าว่าช่วงโควิดตอนนั้นช่องทางขายหลักเราอยู่ใน offline หรือโมเดิร์นเทรดเป็นส่วนใหญ่ เมื่อร้านค้าต่างๆโดนให้ปิดขายของไม่ได้ เราปรับตัวกันเร็วมาก ภายในเดือนเดียว ตั้งทีม online Fullfillment กลับมามุ่งช่องทางออนไลน์ เพื่อให้ธุรกิจเดินหน้าต่อได้ และในช่วงนั้นเราหันมาผลิตเจลแอลกอฮอล์ล้างมือ และหน้ากากผ้าใยไผ่มาวางขายใน 7-11 ด้วย

นอกจากนี้ MizuMi ยังเป็นแบรนด์ไทยแบรนด์แรกที่กระโดดเข้ามาใช้โซเชียล มาร์เกต ใน TIKTOK ทำให้หลังโควิดปี 65-67 ตลาดออนไลน์ในไทยเติบโตขึ้นอย่างมาก สินค้าของ MizuMi จึงเป็นที่รู้จักมากขึ้นอย่างรวดเร็ว ผลิตอะไรออกมาก็ขายดี ทำให้ปี 65 ยอดขายเพิ่มขึ้นมาเป็น 500 ล้านบาท ปี 66 กระโดดมาแตะหลัก 1,000 ล้านบาท และขึ้นมาเป็น 2,000 ล้านบาทในปี 67 และเรายังได้รางวัล Best Brand Performance จาก TIKTOK ด้วยยอดขายที่เติบโตขึ้นอย่างมาก ทั้งหมดนี้ถือเป็นความสำเร็จที่เกิดขึ้นจากทั้งทีมงานและผู้ร่วมก่อตั้งที่เราต่างช่วยกันทำงานส่งเสริมกันอย่างดี รวมทั้งลูกค้าที่รักในผลิตภัณฑ์ของเรา

ปัจจุบันนอกจาก MizuMi ที่เน้นผลิตภัณฑ์ด้านสกินแคร์แล้ว เมื่อ 3 ปีก่อน เธอยังออก ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร แบรนด์ BOMI สำหรับคนรุ่นใหม่ที่ต้องการดูแลสุขภาพ และเมื่อปลายปี 67 ได้ต่อยอดออกผลิตภัณฑ์คอสเมติกส์ ภายใต้แบรนด์ Gentle colors มีสินค้าบลัชออน คุชชัน และลิปสติกที่เน้นความมีสีสัน จัดจ้าน มีคาแรกเตอร์ที่ชัดเจน

 ล่าสุดที่สร้างความฮือฮาช่วงปลายเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา เมื่อ MizuMi ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ล่าสุด “Mask หน้าเสือพีพี” แผ่นมาส์กบำรุงผิวหน้า ที่ใช้ “พีพี กฤษฏ์” ศิลปินนักร้องชื่อดัง ที่เป็นที่รู้จักและได้รับความนิยมทั้งในและต่างประเทศเป็นพรีเซนเตอร์ จากความมีผิวพรรณที่ออร่า กระจ่างใสของ “พีพี” เราชู “พีพี” เป็นตัวแทนของคนทุกเพศ ต้องการให้ MiZuMi เป็นแบรนด์คนไทยที่ทุกคนไม่ว่าเพศไหนก็สามารถใช้ผลิตภัณฑ์ของเราได้ และทุกวัยตั้งแต่วัยรุ่นไปถึงผู้ใหญ่ ที่ใส่ใจดูแลตัวเอง โดยเมื่อเปิดตัวได้ไม่ถึงสัปดาห์ “Mask หน้าเสือพีพี” ก็ได้การตอบรับอย่างล้นหลาม โดย “Mask หน้าเสือพีพี” ตัวนี้ถือเป็น Mask รักษ์โลก ที่ถักทอจากธรรมชาติ 100% จากเส้นใยของใบบัวบก ที่อุ้มน้ำได้ถึง 8 เท่า และมีความฉ่ำเย็นของ Essence ที่ปลอบประโลมผิวหน้า ถือเป็น Product Hero ตัวล่าสุดของ MizuMi

เมื่อถามถึงวางอนาคตเป้าหมายของ MizuMi “คุณหนุย” บอกว่า เรามองระยะยาว ต้องการให้ MizuMi เป็น Health Beauty brand แบรนด์ไทยที่มีฐานผู้ใช้คนไทยกระจายออกไปให้กว้างที่สุด ทุกเพศ ทุกวัย ทุก body และทุกเชื้อชาติ เราอยากเติบโตขึ้นไปเป็น P&G หรือ ยูนิลีเวอร์เป็น Legacy ของแบรนด์ไทยที่อยู่ต่อได้ถึง 50-100 ปี หรือมากกว่านั้น โดยผลิตสินค้าคุณภาพสูง กระจายให้คนไทยเข้าถึงได้ด้วยราคาที่เหมาะสม มีความทันสมัยและมีภาพลักษณ์ที่ดี สำหรับตลาดต่างประเทศ ปัจจุบันคำว่า “Thai Beauty” กำลังมา คนต่างชาติทั้งยุโรป อเมริกา หรือชาติอื่นๆรู้จักแบรนด์เอเชียมากขึ้น รวมทั้งแบรนด์ไทย เราอยากเป็น 1 ใน “Thai Beauty” ที่คนต่างชาตินึกถึงและซื้อผลิตภัณฑ์ของ MizuMi ไปใช้.

เลดี้แจน

คลิกอ่านคอลัมน์ "Business On My Way" เพิ่มเติม



Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ