
โรงพยาบาลเมโกะ อินเตอร์เนชั่นแนล อาคารขนาดใหญ่ใหม่เอี่ยมสูง 7 ชั้น บนถนนวิภาวดีรังสิต ซอย 5 คือฝันที่เป็นจริงของนายแพทย์มนัส ฉายาวิจิตรศิลป์ แพทย์เวชปฏิบัติเสริมความงาม ศัลยแพทย์เสริมจมูกมือฉมังที่มีค่าตัวและชั่วโมงบินมากที่สุดคนหนึ่งในเอเชีย ผู้ก่อตั้ง “เมโกะ คลินิก” (Meko) สถานเสริมความงามข้ามกาลเวลา ซึ่งเปิดให้บริการมา 43 ปีแล้ว
ก่อตั้งเมโกะ คลินิกเมื่อปี 2525 คุณหมอมนัสเสร็จสิ้นภารกิจยกระดับเมโกะสู่การเป็นโรงพยาบาลเฉพาะทางในปี 2568 จนเปิดให้บริการ ณ ที่ตั้งใหม่ เมื่อวันที่ 1 ก.ค. 2568 คุณหมอจึงตัดสินใจก้าวลงจากตำแหน่งส่งไม้ต่อให้ แพทย์หญิงวรารัตน์ สิริกุตตา ขึ้นบริหารงานในฐานะซีอีโอโรงพยาบาลเมโกะ อินเตอร์เนชั่นแนล
หมอมิว–วรารัตน์ ลูกสะใภ้ซึ่งคุณหมอมนัส มักชื่นชมกับคนรอบข้างว่าเก่งมาก เป็นภรรยาของ “พามงคล ฉายาวิจิตรศิลป์” บุตรชายคนที่ 2 หมอมิวเคยเป็นหมอที่เมโกะ ก่อนแยกตัวออกไปเปิดคลินิกของตัวเองในนาม “โซ เมโกะ” (So Meko) จนในที่สุดหวนคืนกลับมาบริหารโรงพยาบาลแห่งใหม่ให้ครอบครัวสามี
การเข้ามาดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พีเอ็มแอล อินเตอร์ จำกัด เจ้าของโรงพยาบาลเมโกะ อินเตอร์เนชั่นแนลของคุณหมอมิว เกิดขึ้นจากการควบรวมกิจการระหว่างเมโกะ คลินิกและโซ เมโกะ ก้าวสู่การเป็นโรงพยาบาลเฉพาะทาง ที่มีทั้งความแข็งแกร่งด้านการดูแลผิวพรรณ อันเป็นความเชี่ยวชาญของเมโกะ ผนวกกับความชำนาญด้านศัลยกรรมตกแต่งของโซ เมโกะ
คุณหมอมิว คุณแม่ลูก 3 วัย 41 ปี เล่าเรื่องราวชีวิต เกิดในครอบครัวฐานะปานกลาง คุณพ่อ-คุณแม่ทำงานบริษัทเอกชน ความเป็นเด็กเรียนเก่งในยุคนั้น มีทางเลือกอยู่ที่เรียนแพทย์ไม่ก็วิศวะ หมอมิวเอ็นทรานซ์เข้าคณะแพทยศาสตร์ ศิริราช ใช้ชีวิตตามแพทเทิร์นหมอจนถึงจังหวะเรียนเฉพาะทาง เลือกด้านผิวหนังที่ศิริราชต่อ
เรียนจบเฉพาะทาง ระหว่างรอเข้าทำงานที่สถาบันโรคผิวหนัง หมอมิวฆ่าเวลาด้วยการไปเดินตามคุณหมอมนัส (คุณพ่อสามี) ตรวจคนไข้ที่เมโกะอยู่ 3 เดือน ก่อนเริ่มงานที่สถาบันโรคผิวหนัง ทำอยู่ 4 เดือนรู้ตัวว่าไม่ใช่ จึงลาออกและเข้าทำงานที่เมโกะ ฝึกทุกอย่าง จนหาความเชี่ยวชาญของตัวเองเจอ ว่าน่าจะมาทางศัลยกรรมจมูก
ทำกับเมโกะครบ 3 ปี หมอมิวออกมาเปิดคลินิกของตัวเองใช้ชื่อ “โซ เมโกะ” ที่ปิ่นเกล้าในปี 2560 ด้วยเงินทุนเริ่มต้นราว 40 ล้านบาท พนักงาน 5 คนและหมอ 1 คือหมอมิว “มิวมองเห็นโอกาสจากที่อยู่เมโกะ 3 ปี ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นคนมีอายุ เราจึงแยกออกมาทำโซ เมโกะ ใช้ความน่าเชื่อถือจากแบรนด์เมโกะ แต่เจาะลูกค้าคนรุ่นใหม่ ปีแรกมีรายได้ราว 7-10 ล้านบาท จนเมื่อปี 2567 มีรายได้กว่า 200 ล้านบาท หมอ 12 คน และพนักงาน 70 คน ซึ่งยกทีมมาที่โรงพยาบาลเมโกะทั้งหมด”
การเติบโตต่อเนื่องของโซ เมโกะในรอบ 7 ปีที่ผ่านมา มาจากความจริงใจต่อลูกค้า ทีมของโซ เมโกะต้องมีความสามารถพิเศษในการเข้าใจ ตีความให้ได้ว่าความสวยที่ลูกค้าต้องการคืออย่างไร
“ทำหน้าให้สวย เอาจริงๆ ทำไม่ยาก แต่ความสวยเป็นรูปธรรม คนมองไม่เหมือนกัน ต้องทำให้ลูกค้าสวยในแบบที่เขาชอบ ไม่ใช่หมอหรือพนักงานชอบ สิ่งนี้ยาก ไม่ใช่แค่หมอ แต่พนักงานต้องมีความรู้พื้นฐานด้านโครงสร้างใบหน้า สรีระมนุษย์ เพื่อให้คำแนะนำเบื้องต้นที่ถูกต้องพอ ก่อนคนไข้จะมาถึงมือหมอ เราให้ความสำคัญกับการพูดคุยมาก พนักงานและหมอต้องให้เวลาคนไข้เต็มที่เท่าที่เขาต้องการ โซ เมโกะยังมีดีเอ็นเอที่ชัดเจน นั่นคือทำให้คนสวยแบบไม่ปลอม ทำหน้าเหมือนไม่ได้ทำ สิ่งนี้ทำให้เกิดกระแสปากต่อปาก เรามีคนดัง ดารา นักร้องเป็นลูกค้ามากมาย แต่ไม่เป็นที่เปิดเผย”
กำลังอยู่ระหว่างตระเตรียมขยายสาขาโซ เมโกะ เมื่อมีข้อเสนอการควบรวมกิจการ หมอมิวจึงตอบตกลงภายใต้เงื่อนไขแลกหุ้นระหว่างกันก่อนขึ้นดำรงตำแหน่งซีอีโอโรงพยาบาลเมโกะในที่สุด “โซ เมโกะที่ปิ่นเกล้าจะปิดตัวลง ลูกค้าส่วนใหญ่ยอมย้ายมาที่โรงพยาบาลใหม่ ส่วนคลินิกเมโกะ ซึ่งเดิมมี 3 สาขา จะปิดสาขาหมอชิต เหลือพระราม 2 และเซ็นทรัลเวิลด์”
ขยับขึ้นมาบริหารโรงพยาบาลขนาดใหญ่ขึ้น ด้วยจำนวนหมอ 25 คน พนักงาน 200 คน และความสามารถในการรองรับการผ่าตัดเคสใหญ่ระดับ Make Over ได้อย่างไร้รอยต่อ ไม่ว่าจะเป็นผ่าตัดดึงหน้า เสริมหน้าอก ดูดไขมันหรือผ่าตัดดึงหน้าท้อง หมอมิวตั้งใจปั้นเมโกะขึ้นเป็นที่ 1 ในใจของลูกค้า ปั้นทีมให้โฟกัสบริการจากใจ ไม่ใช่แค่เร่งปั๊มยอดขาย โดยเฉพาะหลังผ่าตัดซึ่งเป็นช่วงปรับตัวและต้องการการดูแล
“ในฐานะผู้บริหาร มิวมีหน้าที่ทำให้ลูกค้า พนักงาน หมอ และครอบครัวผู้ถือหุ้นแฮปปี้ นี่คือเป้าหมาย อยู่กับเมโกะไม่ต้องโหมขาย (Hard Sell) อยากให้ทุกคนอยู่กับเราอย่างสบายใจ ภายในปีแรก มิวตั้งเป้ารายได้ไว้ที่ 500 ล้านบาท”
การขยับฐานะขึ้นเป็นโรงพยาบาลเฉพาะทางด้านความงาม ยังทำให้เมโกะก้าวสู่การแข่งขันในระดับนานาชาติได้ดีขึ้น ปัจจุบันมีลูกค้าต่างชาติอยู่ราว 20% “ขณะที่คนไทยนิยมไปเกาหลี คนต่างชาติ ตั้งแต่ จีน อินโดนีเซีย สิงคโปร์ กลับเลือกมาที่เรา เกาหลีได้เปรียบตรงโฆษณาได้ไม่จำกัด ขณะที่เราทำไม่ได้ ทั้งที่หมอไทยเก่งไม่แพ้ แถมมีจุดแข็งเรื่องบริการที่ดีเยี่ยม”
อยู่ในธุรกิจที่ส่งเสริมให้คนสวย ให้ค่ากับภาพลักษณ์ภายนอก หมอมิวบอกว่า เหรียญมี 2 ด้าน ความงามคือรูปลักษณ์ภายนอกจริง แต่มันช่วยเพิ่มความมั่นใจ เพิ่มโอกาส หลายคนทำหน้าเพราะทำให้มีความสุข แค่ต้องยึดมั่นในความพอดี สวยแบบไม่ฝืนธรรมชาติ นี่เป็นสิ่งที่ทีมเมโกะยึดเป็นหลักในการแนะนำลูกค้า.
เลดี้แจน
คลิกอ่านคอลัมน์ “Business on my way” เพิ่มเติม