
ในวันที่ตลาดร้านอาหารญี่ปุ่นมีการแข่งขันสูงและผู้บริโภคมีความต้องการที่หลากหลายมากขึ้น “Maguro Group” ยังคงยืนหยัดและเติบโตอย่างแข็งแกร่งตลอดระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา ไม่เพียงแต่เป็นที่รู้จักในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารญี่ปุ่น แต่ยังได้ก้าวข้ามขีดจำกัด สู่การเป็น "นักสร้างสรรค์แบรนด์" อย่างที่ทุกคนรู้จักกันทุกวันนี้
จักรกฤติ สายสมบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท มากุโระ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ MAGURO กล่าวว่า มูลค่าตลาดอาหารญี่ปุ่นในไทยอยู่ที่ประมาณ 20,000 ล้านบาท และยังคงเป็นกลุ่มอาหารที่มีศักยภาพในการเติบโตสูง เนื่องจากลูกค้าเข้าใจง่ายและได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง โดยเป็นกลุ่มอาหารที่เติบโตได้มากกว่ากลุ่มอื่นๆ ในไทย
ถึงแม้ว่า สถานการณ์ธุรกิจร้านอาหารโดยรวมในปี 2568 จะเติบโต ไม่มาก โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดการณ์ว่า มูลค่าตลาดร้านอาหารรวมจะอยู่ที่ประมาณ 646,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.8% จากปีก่อนหน้า ซึ่งถือเป็นอัตราการขยายตัวที่ใกล้เคียงกับ GDP ของประเทศ
ทำให้ล่าสุด ได้เปิดตัว BINCHO (บินโช) ร้านอาหารญี่ปุ่นย่างถ่านแบบญี่ปุ่นดั่งเดิม โดย "บินโช" มีรากศัพท์มาจาก "ถ่านไม้ขาว" จากญี่ปุ่น ซึ่งเป็นแกนหลักในการพัฒนาแบรนด์และเมนูต่าง ๆ จุดเด่นของร้านคือการใช้ถ่านขาวโบราณในการปรุงอาหาร ทำให้วัตถุดิบ โดยเฉพาะปลา มีผิวและเนื้อสัมผัสที่แตกต่าง มีมิติความหอมอันเป็นเอกลักษณ์ และสร้างความเพลิดเพลินให้กับลูกค้าที่ได้ชมเชฟประกอบอาหารสด ๆ ตรงหน้า
ทั้งนี้บินโชเป็นแบรนด์ที่ 6 ภายใต้การบริหารของบริษัทฯ ชูความโดดเด่นด้วยแนวคิด “Washoku for now” นำเสนอแก่นแท้ของอาหารญี่ปุ่นแบบดั้งเดิมวีถีชนบท สู่ชีวิตคนเมือง พร้อมเสิร์ฟเมนู อาหารเซ็ตจากวัตถุดิบคุณภาพ ปรุงอย่างพิถีพิถัน ย่างด้วยถ่านบินโชตัน ในราคาคุ้มค่าที่เข้าถึง ง่ายกับทุกคน อิ่มอร่อยได้ทุกวัน เมนูอาหารเซ็ตราคาเริ่มต้นเพียง 170 บาท
จุดเริ่มต้นที่ต้องการแก้ Pain Point ของคนกรุง
“บินโช เกิดจากแนวคิดของผู้ก่อตั้ง ที่ได้ออกเดินทางเสาะแสวงหาวัตถุดิบและสัมผัสประสบการณ์ท้องถิ่นที่แท้จริง จากการศึกษาตลาดพบว่าร้านอาหารญี่ปุ่นสไตล์อิซากายะ ซึ่งเป็นแนวกินดื่ม มักมีราคาสูงและเข้าถึงยาก จึงเห็นช่องว่างและนำเสนอคอนเซปต์วัฒนธรรมการกินแบบโบราณ "เทโชกุ" มาปรับใช้ ทำให้มื้ออาหารมีความสมดุลและ "คน" สามารถจ่ายได้ในราคาที่เข้าถึงง่ายขึ้น ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่ตอบโจทย์เพนพอยต์ของคนกรุงเทพฯ ที่ต้องการความคุ้มค่า”
จักรกฤติ กล่าวต่อไปว่า บินโช มุ่งเป้าไปที่กลุ่ม "พรีเมียมแมส" ในราคา 300-600 กว่าบาทต่อหัว ซึ่งเป็นราคาที่เข้าถึงได้ง่าย ส่วนกลยุทธ์การตลาดจะเน้น "Storytelling" เพื่อให้ลูกค้าเข้าใจถึงต้นกำเนิดของวัตถุดิบและความพิเศษของถ่านขาวญี่ปุ่น ขณะที่เงินลงทุนวางไว้ประมาณ 10 ล้านต่อสาขา
งบประมาณการลงทุนสำหรับบินโช จะใกล้เคียงกับแบรนด์อื่น ๆ ในเครือ โดยมีเงินลงทุนประมาณ 10 ล้านบาทต่อสาขา ในเฟสแรกมีแผนเปิด 10-20 สาขาในกรุงเทพฯ ภายใน 2 ปี โดยสาขาที่ 2 จะเปิดในช่วงต้นปี 2569 หลังจากนั้นจะประเมินความสำเร็จของแบรนด์เพื่อขยายในเฟสต่อไป นอกจากนี้ยังมีการลงทุนในเครื่องมือและใช้กลยุทธ์ KOL Data-based และโปรโมชั่นเพื่อขับเคลื่อนการตลาด เนื่องจากมองเห็นแนวโน้มในอนาคตที่จะขยายสเกลบินโชไปยังหลากหลายพื้นที่ในกรุงเทพฯ โดยเจาะกลุ่มคนเดินห้างที่ต้องการความเป็นไลฟ์สไตล์มากกว่าการช้อปปิ้ง ถือเป็น "Blue Ocean" ในตลาดร้านอาหาร
ปัจจุบัน รายได้หลักของเครือยังคงมาจากมากุโระ คิดเป็นสัดส่วน 50% แต่ในอนาคต แผนธุรกิจและทิศทางการเติบโตของมากุโระจะลดลง เนื่องจากแบรนด์อื่น ๆ มีแนวโน้มเติบโตเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นภาพที่บริษัทฯ ต้องการให้เป็น เพื่อลดการพึ่งพิงธุรกิจเดียว สำหรับสมาชิกของเครือ มีความถี่ในการรับประทานโดยเฉลี่ย 2 ครั้งต่อเดือน และกลุ่มลูกค้าหลักคือกลุ่มครอบครัว โดยมี Entry Price Point ที่ต่ำ ทำให้เข้าถึงได้ง่าย
“ผู้บริโภคในปัจจุบันต้องการ ความแปลกใหม่ ประสบการณ์ คุณภาพ สุขภาพ ราคาสมเหตุสมผล จึงทำให้มั่นใจว่า BINCHO จะ สามารถนำเสนอประสบการณ์มื้ออาหารที่ตอบโจทย์กลุ่มผู้บริโภคในปัจจุบัน โดยเฉพาะกลุ่ม Mid Market ที่ชื่นชอบอาหารอร่อย แปลกใหม่ และคุ้มค่า เหมาะสมในทุกองค์ประกอบอย่างครบถ้วนทุกปัจจัย ทั้งนี้ BINCHO พร้อมเปิดให้บริการ อย่างเป็นทางการ วันที่ 9 ก.ค. 2568 สาขาแรก ณ ชั้น 1 ศูนย์การค้า เมกาบางนา” จักรกฤติ กล่าวทิ้งท้าย
อ่านข่าวการเงินส่วนบุคคล และการวางแผนการเงิน กับ Thairath Money เพื่อให้คุณ "การเงินดีชีวิตดีได้ที่ https://www.thairath.co.th/money/personal_finance
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ https://www.facebook.com/ThairathMoney