น่าห่วง! ความเหลื่อมล้ำ เศรษฐกิจสีชมพูโต แต่คนกลุ่ม LGBTQ+ ยังถูกคัดกรองตั้งแต่ “ใบสมัครงาน”

ศตวรรษที่ 21 เป็นยุคสมัยที่โลก และประเทศไทยของเราเริ่มตระหนักถึงความเท่าเทียม ยอมรับ และเปิดรับในเรื่องของความแตกต่าง และความหลากหลายมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยความแตกต่างในที่นี้ไม่ใช่แค่ในเรื่องของเพศ แต่รวมไปถึง อายุ เชื้อชาติ ศาสนา ความเชื่อ และความชอบส่วนตัว ซึ่งเป็นยุคที่มีการเปลี่ยนแปลงทางด้านทัศนะคติอย่างแท้จริง 

โดยในงานเสวนาหัวข้อ “เคทีซีจุดประกายความเท่าเทียมทุกมิติ ชูเวที Beyond Rainbow ขับเคลื่อน DEI” มีการกล่าวว่า การเปิดกว้างทางวัฒนธรรมในประเทศไทย และกฎหมายสมรสเท่าเทียมที่ทำให้ประเทศไทย มีโอกาสก้าวขึ้นเป็นศูนย์กลางของเศรษฐกิจที่เกี่ยวของกับกลุ่มผู้บริโภค LGBTQ+ หรือเศรษฐกิจสีชมพู (Pink Economy) ในระดับภูมิภาคได้ โดยเฉพาะในภาคบริการที่มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์เฉพาะกลุ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ เช่น การจัดงานเทศกาล การแพทย์ความงาม ฯลฯ เพื่อเจาะกลุ่มตลาดผู้ที่มีอัตลักษณ์หลากหลาย 

อย่างไรก็ตาม ถึงจะแม้จะมีการยอมรับในเรื่องของความหลากหลาย และความแตกต่างมากขึ้น แต่ในตลาดแรงงาน กลับยังมีความท้าทาย และความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงโอกาสในการที่จะหางานอยู่ เช่น LGBTQ+ , กลุ่มผู้สูงอายุ หรือกลุ่มผู้พิการ 

ข้อมูลเชิงลึกจาก จ๊อบส์ ดีบี (JobsDB) พบว่า กลุ่มผู้สมัครงานที่มีความหลากหลายนั้น ยังรู้สึกไม่มั่นใจว่าจะได้รับโอกาสอย่างเท่าเทียม เพราะองค์กรส่วนใหญ่ ยังไม่มีประกาศหรือสื่อสารเกี่ยวกับนโยบายที่เกี่ยวข้องกับความหลากหลาย ความเท่าเทียม และการมีส่วนร่วม หรือที่เรียกว่า DEI ( Diversity , Equity และ Inclusion) อย่างชัดเจน หรือในบางองค์กรก็มีการประกาศไว้อย่างชัดเจนว่าไม่รับคนที่มีความแตกต่างทางเพศ ผู้สูงอายุ ฯลฯ

ซึ่งมองว่าสิ่งเหล่านี้ จะเป็นอุปสรรคต่อการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจสีชมพู และการแข่งขันกันในตลาดแรงงาน เนื่องจากจะมีคนเพียงไม่กี่กลุ่ม ที่จะได้แข่งขัน และเป็นการปิดโอกาสในการมีผลิตภัณฑ์ นวัตกรรมใหม่ ๆ รวมถึงสินค้า และบริการที่หลากหลาย  ซึ่งจะเป็นผลเสียต่อประเทศ 

JobsDB  ได้ให้คำแนะนำว่า องค์กรในไทยนั้น ควรเริ่มสร้างความเปลี่ยนแปลงตั้งแต่การรับสมัคร โดยให้ใช้ภาษาที่เป็นกลาง หลีกเลี่ยงการตั้งคำถามที่ไม่เกี่ยวข้องกับความสามารถ เช่น เพศ อายุ หรือสถานภาพสมรส เพื่อให้สามารถลดอคติที่อาจเกิดขึ้นโดยไม่รู้ตัว และนำไปสู่การได้พนักงานที่มีคุณภาพ 

ถ้าต้องการให้ เศรษฐกิจสีชมพูเติบโตมากขึ้นยิ่งไปอีก ภาครัฐต้องทำงานเชิงลึกกับภาคเอกชนมากขึ้น เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้ชาวไทย และชาวต่างชาติที่เข้ามาท่องเที่ยวในประเทศให้มากขึ้นในฐานะฮับของความหลากหลายในระดับภูมิภาค เช่นมาตรการด้านความปลอดภัย การอำนวยความสะดวก และสร้างแรงจูงใจให้บริษัทที่มีสินค้า และบริการที่เป็นมิตตรกับกลุ่ม LGBTQ+ เข้ามาตั้งสำนักงาน และการผลิตในไทย

ด้าน รศ.โรจน์ คุณเอนก อาจารย์คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สาขาวิชาวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม อดีตรองอธิการบดีฝ่ายการนักศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ชี้ให้เห็นว่าความท้าทายของสังคมในปัจจุบันไม่ได้อยู่ที่การมีอยู่ของความหลากหลาย แต่คือการขาดความเข้าใจต่อความหลากหลายต่างหาก 

หลายคนยังคงติดอยู่ในกรอบความคิดแบบเดิมที่มองเพียงแค่ชาย หรือหญิง ขณะที่โลกแห่งความเป็นจริงในปัจจุบันมีมิติมากกว่านั้น ดังนั้นการปลูกฝังความเข้าใจเรื่องความหลากหลายจึงควรเริ่มต้นตั้งแต่ในห้องเรียน เพราะเป็นพื้นที่ของการเรียนรู้ร่วมกัน และเป็นการวางรากฐานสำหรับการใช้ชีวิตจริงในสังคม และในโลกของการทำงาน

ทั้งนี้ ดร.ศศดิศ ชูชนม์ ผู้อำนวยการ ผู้อำนวยการสำนักยุทธศาสตร์ สถาบันส่งเสริมความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน  (สสปท.) ) ได้กล่าวสรุปปิดว่า “หัวใจสำคัญของ DEI (ความหลากหลาย ,ความเท่าเทียม และ การมีส่วนร่วม ) ไม่ได้หมายถึงการยอมรับ แต่คือการข้ามเส้นแบ่งอคติแห่งความเป็น เขา และ เรา อันเปราะบาง 

การเคารพสิทธิ์ในสิทธิของความเป็นมนุษย์ และความเป็นอื่นๆในมิติ อัตลักษณ์ที่ซับซ้อน ที่ไม่ใช่ความต่างเพียงแค่เพศสภาพแต่หมายถึงประสบการณ์มวลรวมของชีวิตที่หลากหลายของแต่ละคนอย่างเท่าเทียมกัน”

ติดตามข่าวสารด้านการตลาด กับ Thairath Money ได้ที่ https://www.thairath.co.th/money/business_marketing 

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้  https://www.facebook.com/ThairathMoney