
"ชาสีส้ม" อันเป็นเอกลักษณ์ กับโลโก้สีแดงและรูปมือยกนิ้วโป้งที่คุ้นตา คือเมนูอันดับหนึ่งของแบรนด์ "ชาตรามือ" (ChaTraMue) แบรนด์ไทยแท้ระดับตำนาน ที่ครองใจคนไทยมานักต่อนักกว่า 80 ปี เพราะเมื่อใดที่นึกถึงชาไทยต้นตำรับ ชื่อของ "ชาตรามือ" มักจะผุดขึ้นมาเป็นอันดับแรก จนมาวันนี้ได้ประกาศก้าวสำคัญสู่การเป็น Global Brand อย่างเต็มตัว
ย้อนกลับไปก่อนจะมาเป็น “ชาตรามือ” ที่เรารู้จักกันนั้น แบรนด์มีรากฐานมาจากบรรพบุรุษที่เริ่มต้นธุรกิจชาในประเทศจีน ก่อนจะเข้ามาสู่ประเทศไทยผ่านการทำธุรกิจนำเข้าชา จากนั้นพัฒนาสู่การเป็นผู้ผลิตชาแบบครบวงจรครอบคลุมตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ จนกระทั่งกลายมาเป็น “ร้านชา” อย่างที่ทุกคนเห็นทุกวันนี้ ภายใต้ความตั้งใจของ “ตระกูลเรืองฤทธิเดช” ด้วยแนวคิดที่ว่า "เราดื่มแบบไหน ลูกค้าต้องได้ดื่มแบบนั้น" จนกลายมาเป็นที่รู้จักและยอมรับทั้งในประเทศและต่างประเทศ
พราวนรินทร์ เรืองฤทธิเดช กรรมการบริหาร แบรนด์ชาตรามือ ทายาทรุ่นที่ 3 กล่าวว่า เป็นระยะเวลากว่า 80 ปี เริ่มตั้งแต่ พ.ศ. 2488 จนถึงปัจจุบัน “ชาตรามือ” ได้มีส่วนสำคัญในการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการดื่มชาของคนไทย โดยเป็นแบรนด์แรกๆ ที่ริเริ่มพัฒนาสูตร "ชาไทย" ซึ่งเป็นการนำชามาผสมนมและเสิร์ฟพร้อมน้ำแข็ง เพื่อให้เข้ากับสภาพอากาศร้อนของประเทศไทย
จนกลายเป็นเมนูซิกเนเจอร์ ชาไทย สูตรต้นตำรับชาตรามือ นอกจากนี้ ชาตรามือยังเป็นผู้บุกเบิกโมเดลร้านชาที่นำเมนูชาไทย ซึ่งเคยเป็นเพียงสตรีทฟู้ด ให้เข้าไปจำหน่ายในศูนย์การค้า ส่งผลให้ชาไทยเป็นที่รู้จักและเข้าถึงผู้บริโภคในวงกว้างขึ้น และยังร่วมผลักดัน "Thai Tea" ให้เป็นที่รู้จักในระดับโลก เปรียบเสมือนซอฟต์พาวเวอร์ของไทยอย่างแท้จริง โดยปัจจุบัน ชาตราถือครองส่วนแบ่งการตลาดชาในประเทศไทยถึง 70% ตอกย้ำความเป็นผู้นำตลาดอย่างชัดเจน
ทั้งนี้ ชาตรามือมีสินค้าภายใต้แบรนด์มากกว่า 50 SKUs จัดจำหน่ายผ่านช่องทาง Modern Trade, Traditional Trade ทั้งในประเทศและส่งออกไปทั่วโลก รวมถึงช่องทาง E-Commerce และร้านขายเครื่องดื่มภายใต้แบรนด์ชาตรามือ ที่เริ่มมาได้กว่า 15 ปี ซึ่งปัจจุบันมี 220 สาขาในประเทศไทย และตั้งเป้าขยายเป็น 250 สาขาภายในปีนี้ โดยส่วนใหญ่อัตราการขยายสาขาเฉลี่ยต่อปีในไทยประมาณ 10-20% ส่วนใหญ่จะเป็นพื้นที่กรุงเทพฯ และหัวเมืองหลัก แต่จะมีการขยายไปยังต่างจังหวัดอย่างเมืองรองมากขึ้น
นอกจากนี้ชาตรามือส่งออกสินค้าอย่างเป็นทางการไปยังกว่า 21 ประเทศ และยังมี 114 สาขาในต่างประเทศ รวม 11 ประเทศ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา สิงคโปร์ จีน เขตเศรษฐกิจพิเศษฮ่องกง กัมพูชา พม่า มาเลเซีย บรูไน เกาหลีใต้ ฟิลิปปินส์ และเวียดนาม โดยในปี 2568 มีเป้าขยายเป็น 130 สาขา ไปยัง 4 ประเทศ ได้แก่ แคนาดา ลาว เม็กซิโก และอินโดนีเซีย
เมื่อถูกถามถึงนโยบายการเปิดแฟรนไชส์ คุณพราวนรินทร์ ให้ข้อมูลว่า ชาตรามือมีการกระจายสินค้าครอบคลุมทั่วประเทศแล้ว จึงไม่มีนโยบายเปิดแฟรนไชส์ในไทย แต่ยังคงเปิดโอกาสการลงทุนแฟรนไชส์ในต่างประเทศ เนื่องจากตลาดต่างประเทศมีความแตกต่างและมีโอกาสในการขยายตัวสูง ดังนั้นการมี Local Partner จะช่วยส่งเสริมและสร้างการรับรู้แบรนด์ได้เป็นอย่างดี
“สำหรับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ ชาตรามือได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกค่อนข้างน้อย เนื่องจากมีการตั้งราคาผลิตภัณฑ์อย่างเหมาะสม และเน้นการผลิตชาคุณภาพในราคาที่เข้าถึงได้ ทำให้ผู้บริโภคสามารถดื่มได้ทุกวันและดื่มซ้ำได้ตลอดวัน โดยในปีที่ผ่านมา บริษัทมีรายได้รวม 3,000 ล้านบาท และตั้งเป้าเติบโตกว่า 20% ในปีนี้ ซึ่งสัดส่วนรายได้ส่วนใหญ่จะมาจากตลาดในประเทศ 70% และตลาดต่างประเทศ 30%” พราวนรินทร์ กล่าว
ทั้งนี้ Top 3 เมนูขายดีได้แก่ ชาไทย ชาเขียวนม และชามะนาว ส่วนสาขาที่มียอดขายสูงสุดคือ โซนในเมือง และสนามบินที่มีทั้งนักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างชาติ
เศรษฐิกิจ เรืองฤทธิเดช กรรมการบริหาร แบรนด์ชาตรามือ ทายาทรุ่นที่ 3 กล่าวเสริมว่า ความสำเร็จของชาตรามือไม่ได้จำกัดอยู่แค่เพียงเครื่องดื่มชา แต่มาจากรากฐานการบริหารธุรกิจที่แข็งแกร่งและครบวงจร ซึ่งมีส่วนสำคัญในการสนับสนุนส่งเสริมทั้งเกษตรกรและผู้ประกอบการไทยให้เติบโตไปด้วยกัน
ต้นน้ำ: ชาตรามือดูแล ให้ความรู้ และพัฒนาทักษะแก่เกษตรกรผู้ปลูกชาบนดอยในภาคเหนือของไทย เพื่อสร้างอาชีพและรายได้อย่างยั่งยืน
กลางน้ำ: ด้วยการมีโรงงานผลิตเป็นของตัวเองตั้งอยู่ที่ อ.เวียงป่าเป้า จ.เชียงราย บนพื้นที่ 100 ไร่ ทำให้ชาตรามือสามารถผลิตสินค้าภายใต้แบรนด์ของตนเอง และยังเป็นผู้ผลิตวัตถุดิบชาสำหรับชงเครื่องดื่มและของหวานให้กับหลากหลายแบรนด์ดังทั้งในและต่างประเทศ
ปลายน้ำ: ชาตรามือมีสินค้า และร้านขายเครื่องดื่มภายใต้แบรนด์ชาตรามือ
และเพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ชาตรามือยังได้ขยายโรงงานและเพิ่มไลน์การผลิต นอกจากนี้ยังตระหนักถึงความสำคัญของสิ่งแวดล้อม โดยเลือกใช้พลังงานสะอาด เช่น ก๊าซธรรมชาติและพลังงานแสงอาทิตย์ (โซลาร์เซลล์) ในกระบวนการผลิต ภาชนะที่สามารถนำกลับมาใช้ซ้ำได้
สำหรับหมายต่อไป คือ การผลักดันชาตรามือสู่การเป็น "แบรนด์ระดับโลก" (Global Brand) ด้วยศักยภาพความแข็งแกร่งของแบรนด์และเมนูชาไทยอันเป็นเอกลักษณ์ที่เป็นซอฟต์พาวเวอร์ โดยมี 3 กลยุทธ์หลัก
1.Expand Market (ขยายตลาด): ชาตรามือจะขยายการส่งออกสินค้าไปยังต่างประเทศมากขึ้น พร้อมกับการขยายสาขาร้านชาตรามืออย่างต่อเนื่องทั่วโลก เพื่อให้แบรนด์เป็นที่รู้จักอย่างครอบคลุม
2.New Products (สินค้าใหม่): ชาตรามือยังคงพัฒนาสินค้าใหม่อย่างต่อเนื่องเพื่อตอบสนองความต้องการและพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไปของลูกค้า อาทิ "ชากุหลาบ" ที่ได้รับความนิยมอย่างสูงและกลายเป็นไวรัลทั้งในและต่างประเทศ
และจากความกังวลของผู้บริโภคเรื่องการใช้สีสังเคราะห์ในอาหาร ชาตรามือจึงมุ่งมั่นที่จะนำเสนอ "ชาไทยไม่มีสี" นวัตกรรมชาที่รักษารสชาติต้นตำรับโดยไม่ยึดติดกับภาพจำเดิม เตรียมพร้อมเสิร์ฟที่หน้าร้านชาตรามือในเดือนกรกฎาคม 2568 เพื่อเป็นทางเลือกใหม่ที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคที่ใส่ใจสุขภาพมากยิ่งขึ้น
ชาไทยที่ไม่แต่งสีนี้ ไม่ได้แตกต่างจากชาไทยสูตรดั้งเดิมในด้านรสชาติหรือส่วนผสมหลัก เพียงแต่จะไม่มีการเติมสีสังเคราะห์ (Food Color) เข้าไปในกระบวนการผลิต ทำให้ได้ชาที่มีสีตามธรรมชาติ 100% โดยยังคงรักษาเอกลักษณ์ของชาไทยไว้อย่างครบถ้วน ในขณะเดียวกัน ชาตรามือยังจะเปิดตัว "ชาไทยสีธรรมชาติ" ที่ได้สีจากวัตถุดิบธรรมชาติ เช่น เบต้าแคโรทีนจากแครอท ซึ่งจะช่วยให้ชาไทยยังคงมีสีส้มอันเป็นเอกลักษณ์ แต่มาจากแหล่งธรรมชาติอย่างแท้จริง โดยคาดว่าจะเปิดตัวช่วงต้นไตรมาส 3 ของปี 2568 ซึ่งเป็นทางเลือกใหม่ “ชาไทยสีจากธรรมชาติ 100%”
“ผลิตภัณฑ์ชาไทยที่ไม่แต่งสีนี้ แท้จริงแล้วมีจำหน่ายมานานแล้วในตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศที่มีกฎระเบียบเข้มงวดเรื่องการใช้สีสังเคราะห์ในใบชา แม้ว่าการใส่สีประเภทนี้จะยังคงอนุญาตให้ใช้ในเครื่องดื่มชาได้ในหลายประเทศ รวมถึงประเทศไทย แต่ชาตรามือเล็งเห็นถึงความสำคัญของความกังวลของผู้บริโภคในประเทศ จึงนำเสนอทางเลือกใหม่นี้เข้ามาในตลาดไทย เพื่อตอบสนองความต้องการและสร้างความมั่นใจให้กับทั้งผู้บริโภคและผู้ประกอบการ สำหรับราคา ชาไทยไม่แต่งสี จะจำหน่ายในราคาเดียวกับชาไทยปกติ ส่วนชาไทยสีจากธรรมชาติ 100% อาจมีราคาสูงกว่าเล็กน้อยแต่ไม่เกิน 30%” เศรษฐิกิจ กล่าว
รวมทั้งยังได้มีการเปิดตัว "ชาไทยคอมบูฉะ" (Sparkling Thai Tea Kombucha) เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคที่ใส่ใจสุขภาพ รวมทั้งไอศกรีม และเบเกอรี่ด้วยเช่นกัน
3.Collaboration Project ชาตรามือจะต่อยอดความสร้างสรรค์ด้วยการร่วมมือกับหลากหลายแบรนด์ธุรกิจทั้งไทยและต่างชาติ โดยไม่จำกัดอยู่แค่อุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม
นอกจากกลยุทธ์ทั้งสามแล้ว ชาตรามือยังมุ่งเน้นการเพิ่มสินค้าใหม่ๆ เพื่อเจาะกลุ่มผู้บริโภคที่หลากหลาย เช่น กลุ่ม Consumer Home Use ที่สามารถนำชาตรามือไปรังสรรค์เมนูเองที่บ้านได้ นอกจากนี้ แอปพลิเคชันชาตรามือ ที่กำลังจะเปิดตัวในช่วงไตรมาส 3 นี้ จะเป็นอีกหนึ่งช่องทางสำคัญที่อำนวยความสะดวกให้ลูกค้าสามารถสะสมคะแนน และสั่งเครื่องดื่มจากแอปฯ ได้ เพื่อความสะดวกในการ Self Pick-Up ด้วยงบลงทุนหลักล้านบาท และตั้งเป้าหมายจำนวนผู้ดาวน์โหลดหลักแสนคน เพื่อเป็นช่องทางในการรวบรวมข้อมูลผู้บริโภคเพื่อนำไปต่อยอดและพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการต่อไป
ศรัณพัฐ เรืองฤทธิเดช กรรมการบริหาร แบรนด์ชาตรามือ กล่าวว่า เนื่องในโอกาสที่ชาตรามือ เติบโตเคียงข้างสังคมไทย จนครบรอบ 80 ปี จึงได้มีการจัดงานอีเวนต์ใหญ่ Thai Tea Festival : Celebrate ChaTraMue 80th Anniversary เฉลิมฉลอง ชาตรามือ 80 ปี ใจกลางกรุงเทพฯ ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ และอื่นๆ อีกมากมาย
ส่วนหลักการบริหารธุรกิจครอบครัวของชาตรามือที่โดดเด่นคือ ศรัณพัฐ มองว่า เป็นการแบ่งบทบาทที่ชัดเจน การมีกฎเกณฑ์ร่วมกันที่ทุกคนเคารพ การส่งต่อความรู้และประสบการณ์จากรุ่นสู่รุ่นอย่างต่อเนื่อง และการสื่อสารอย่างสม่ำเสมอเพื่อแก้ไขปัญหาและหาข้อสรุปที่ดีที่สุด ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ธุรกิจครอบครัวแห่งนี้เติบโตและประสบความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน
อ่านข่าวหุ้น ข่าวทองคำ และ ข่าวการลงทุน และ การเงิน กับ Thairath Money ได้ที่ https://www.thairath.co.th/money/investment
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ https://www.facebook.com/ThairathMoney