กาแฟพันธุ์ไทย ยอดขาย 2 แสนแก้ว/เดือน กลยุทธ์ DIY Marketing จับมือกระทิงแดงปั้นแคมเปญ "ดีดศาสตร์"

ในยุคที่ร้านกาแฟผุดขึ้นราวดอกเห็ด บรรยากาศหอมกรุ่นของเมล็ดกาแฟคั่วบดกลายเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตคนเมือง ตัวเลขบนป้ายราคา 50-60-70-80 บาท ไปจนถึง “หลักร้อย” ต่อกาแฟหนึ่งแก้ว อาจเทียบเท่าหรือสูงกว่าอาหารจานหลักหนึ่งมื้อ คำถามที่น่าขบคิดคือ แม้ความคุ้มค่าทางโภชนาการจะไม่อาจเทียบกันได้ เหตุใดคนไทยจำนวนไม่น้อยจึงยินดีควักกระเป๋าจ่ายเพื่อเครื่องดื่มสีเข้มแก้วนี้? 

คำตอบนั้นซับซ้อนและลึกซึ้งกว่าเพียงความต้องการคาเฟอีน หากแต่เป็นการซื้อประสบการณ์ พลังงาน ความรื่นรมย์ และแม้กระทั่ง “ภาพลักษณ์” ของผู้ที่ยกแก้วดื่ม

นั่นจึงทำให้แบรนด์น้อยใหญ่ต่างช่วงชิงส่วนแบ่งด้วยกลยุทธ์รอบด้าน กาแฟพันธุ์ไทย แบรนด์สัญชาติไทยแท้ 1 ในธุรกิจ Non-Oil ภายใต้เครือกลุ่มธุรกิจ PTG หรือ ปั๊มน้ำมัน PT ที่เรารู้จักกัน ที่โดดเด่นด้วยการเติบโตแบบก้าวกระโดด เลือกที่จะไม่เดินตามใคร แต่สร้างเส้นทางของตัวเองผ่าน "การปรับตัว" และ "การบุกตลาด" อย่างต่อเนื่อง 

ล่าสุดกับการผนึกกำลังข้ามสายพันธุ์กับ "กระทิงแดง" ผู้นำตลาดเครื่องดื่มชูกำลัง เปิดตัวแคมเปญ "ดีดศาสตร์" (Energology Drinks) ส่ง 4 เมนูเครื่องดื่ม เขย่าตลาดรับเทรนด์คนรุ่นใหม่ที่ต้องการทั้งความสดชื่นและพลังงานในแก้วเดียว ตอกย้ำ Brand DNA – Creative Thai Taste ของพันธุ์ไทย พร้อมเติมดีกรีความ "ดีด" ให้ชีวิตแบบไทยโมเดิร์น

อินไซต์ตรงใจ Gen Z สู่ไอเดีย "ดีดศาสตร์"

สุขวสา ภูชัชวนิชกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท กาแฟพันธุ์ไทย จำกัด กล่าวว่า เบื้องหลังแคมเปญนี้มาจากอินไซต์ที่ว่าคนรุ่นใหม่มองหาเครื่องดื่มที่ไม่ใช่แค่รสชาติ แต่ต้องการ Energy ควบคู่ไปกับ Benefit ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ ทั้งความ "ง่วง" อีกทั้งเทรนด์เครื่องดื่มชูกำลังที่มาแรงอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับพฤติกรรม "กินเอาคอนเทนต์" ของชาว Gen Z ที่ชอบความแปลกใหม่ ลองอะไรที่ไม่เหมือนใคร และพร้อมแชร์ประสบการณ์ลงโซเชียลมีเดีย กาแฟพันธุ์ไทยจึงไม่หยุดนิ่ง ต่อยอดไอเดีย #พันธุ์ไทยอะไรก็เป็นไปได้ สร้างสรรค์เมนูที่ "ไม่ต้องอธิบายเยอะ ทานแล้วดีด สดชื่น" ทันที

“เราจับมือกับ ‘กระทิงแดง’ แบรนด์เครื่องดื่มให้พลังงานอันดับหนึ่งของไทย และเป็นแบรนด์ระดับโลกที่มีความเป็นไทยสอดคล้องกับตัวตนของพันธุ์ไทย มาสร้างกลยุทธ์ที่แตกต่างจากแบรนด์อื่นๆ จนอาจเรียกได้ว่า ขายความ “คลั่งชาติ” เป็นหลัก เพราะปั้นความแข็งแกร่งของแบรนด์ ผ่านเสน่ห์ความเป็นไทย ในทุกกระบวนการผลิต” 

ด้วยการครีเอทเครื่องดื่มที่ผสมผสานรสชาติอร่อยแปลกใหม่ของพันธุ์ไทยกับพลังของกระทิงแดง ดึงดูดกลุ่มเป้าหมายทั้งผู้ต้องการพลังงาน คนรุ่นใหม่อย่างหนุ่มสาวออฟฟิศ และนักศึกษาที่มองหาเครื่องดื่มที่ให้ ทั้งรสชาติและพลังงาน และยังเพิ่มส่วนผสมที่มีประโยชน์ ออกมาเป็นเครื่องดื่มสายพันธุ์ใหม่เชื่อมต่อกับไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภค สร้างประสบการณ์ ‘ความดีดขั้นสุด’ ทำให้ผู้บริโภครู้สึกตื่นตัว สดชื่น และกระปรี้กระเปร่า เราหวังว่าการคอลแลปกันครั้งนี้จะสร้างสีสันในตลาดเครื่องดื่ม และเพิ่ม Traffic ในร้านพันธุ์ไทยทั่วประเทศ อย่างน้อย 20% ขึ้นไป

วรวุฒิ พงศ์ชินภัค ประธานผู้บริหารสายงานขายและการตลาดประเทศไทย กลุ่มธุรกิจ TCP กล่าวว่ากระทิงแดงกำลังขยายตลาดสู่คนรุ่นใหม่ การร่วมมือกับกาแฟพันธุ์ไทยเป็นการรวมพลังที่แข็งแกร่งข้ามสายพันธุ์ เพื่อปลุกพลังให้ทุกคนกล้าทำตามเป้าหมาย สำหรับตลาดเครื่องดื่มชูกำลังมีมูลค่า 2.2 หมื่นล้านบาท คาดการณ์เติบโตปีนี้ 3-4% ซึ่งการคอลแลปครั้งนี้จะช่วยให้กระทิงแดงเข้าถึงคนรุ่นใหม่ได้มากขึ้น

ทะลุขีดจำกัดด้วย 4 เมนูสุดดีด สะท้อนไทยเทสต์

• ช้างยกกําลังทิง (Espresso Energy Boost with Kratingdaeng): ดีดขั้นสุด! เอสเพรสโซดับเบิ้ลช็อต ผสานกระทิงแดงครึ่งขวด และความเปรี้ยวจากมะนาว ตื่นเต็มตา (79 บาท)
• ทิงซ่าโดดกําแพง (Lime Soda with Kratingdaeng): ซ่าสุดคลาสสิก! กระทิงแดงครึ่งขวด สปาร์คกลิ้งโซดา และมะนาวสด บูสต์เอนเนอร์จี้ยามบ่าย (69 บาท)
• กำลังช้างสาว (Lychee Yogurt Smoothie Plus Collagen with Kratingdaeng): สวยสู้! โยเกิร์ตลิ้นจี่ผสมคอลลาเจน และช็อตกระทิงแดง พร้อมเจลลีสตรอว์เบอร์รี ปลุกความเฟรช (89 บาท)
• ช้างกระทืบงาน (Apple Yogurt Smoothie Plus Vitamin B12 with Kratingdaeng): ลุยได้ทั้งวัน! โยเกิร์ตแอปเปิ้ลผสมวิตามิน B6, B12 และช็อตกระทิงแดง คู่เจลลีสตรอว์เบอร์รี (89 บาท)

เบื้องหลังความสำเร็จและตัวเลขที่น่าจับตาของ "กาแฟพันธุ์ไทย" 

• ปัจจุบันยอดขายสุดแกร่ง เฉลี่ยเกือบ 200 แก้วต่อวันต่อสาขา (ข้อมูลเดือน พ.ค. 68)
  
  
• ขยายสาขาทะลุเป้า: ปัจจุบันมี 1,580 สาขา และตั้งเป้าเปิดใหม่ขั้นต่ำ 600 สาขา ในปีนี้ (เฉลี่ยเดือนละ 50 สาขา และเร่งตัวขึ้นปลายปี) ด้วยงบลงทุนเฉลี่ย 2.5 ล้านบาทต่อสาขา
  
  
• เติบโตไม่หยุด: โตกว่า 30% ทั้งจำนวนลูกค้าและจำนวนแก้วที่ขายได้ ยอดขายเติบโตต่อเนื่องทุกเดือน
  
  
• เจาะกลุ่ม Gen Y Z สำเร็จ จากฐานลูกค้าเดิม Gen X ขยับสู่ Gen Y และ Z มากขึ้น โดยเฉพาะ Gen Z ที่เพิ่มขึ้นถึง 10% (กลุ่มลูกค้าหลัก 35-45 ปี คิดเป็น 50-60%) ความถี่ในการซื้อไม่ต่ำกว่า 6 ครั้งต่อเดือนต่อคน
  
  
• พลัง "DIY Marketing": กระแสเมนู DIY ที่ลูกค้า Gen Z คิดค้นและแชร์ต่อ สร้างยอดขายกว่า 200,000 แก้วต่อเดือน (เช่น มัทฉะน้ำตาลโตนด) ทำให้แบรนด์เป็นที่รู้จักในวงกว้าง
  
  
• ฐานแฟนคลับเหนียวแน่น: สมาชิก "กาแฟพันธุ์ไทย แฟนคลับ" กว่า 500,000 คน และกลยุทธ์ "บัตรแดง" ดึงดูดผู้ใช้บริการกว่า 700,000 ราย
  
  
• เป้ารายได้ทะยาน: ปีนี้คาดการณ์รายได้ 5,800 ล้านบาท และทีมตั้งเป้าท้าทายที่ 6,000 ล้านบาท
  
  
• ปี 68 คาดจะขยายร้านก๋วยเตี๋ยวเรือ 5 สาขา ควบคู่ไปกับร้านกาแฟพันธุ์ไทย ใช้พื้นที่ไม่ต่ำกว่า  100 ตารางมเตร งบลงทุนรวมร้านกาแฟ ไม่ต่ำกว่า 5 ล้านบาท 

การเปิดตัวเมนูใหม่ทั้ง 4 เมนู นอกจากจะเป็นการดึงดูดผู้บริโภคยุคใหม่แล้วนั้น ยังคงคอนเซ็ปต์ Creative Thai Taste นำเสนอความคิดสร้างสรรค์ที่แตกต่างและคงเอกลักษณ์ความเป็นไทย โดยผสมผสานระหว่าง Functional กับ Emotional Benefits ตามสไตล์พันธุ์ไทย ที่เน้นการสร้างสีสันความสนุก ด้วยการตั้งชื่อเครื่องดื่มให้สอดคล้องกับยาดองหรือสมุนไพร ที่เป็น Energy Drinks ดั้งเดิมของไทย มาเชื่อมโยงกับประสบการณ์ของ Young Generation ทำให้เกิดความลงตัวระหว่างความทันสมัยกับภูมิปัญญาไทยที่เป็นรากฐานทางวัฒนธรรมอย่างปฏิเสธไม่ได้

อ่านข่าวการตลาด และเทรนด์ กับ Thairath Money ได้ที่
https://www.thairath.co.th/money/business_marketing

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้
https://www.facebook.com/ThairathMoney