ไวด์ เฟธ กรุ๊ป ทุ่ม 800 ล้าน ขยายโรงงานแห่งใหม่ ผลิตขนมสุขภาพรับตลาดโลก

Business & Marketing

Marketing & Trends

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

ไวด์ เฟธ กรุ๊ป ทุ่ม 800 ล้าน ขยายโรงงานแห่งใหม่ ผลิตขนมสุขภาพรับตลาดโลก

Date Time: 3 มิ.ย. 2568 07:00 น.

Video

อย่ากลัว! วิกฤติใหญ่ยังไม่เกิด หาโอกาสลงทุน กับ กวี ชูกิจเกษม | Thairath Money Night Stand EP.21

Summary

ไวด์ เฟธ กรุ๊ป ทุ่ม 800 ล้านบาท ขยายโรงงานแห่งใหม่ เพิ่มกำลังการผลิตขนมข้าวอบกรอบ-ไม่มีกลูเตน รับเทรนด์สุขภาพในตลาดโลก

Latest


นายโอลิเวอร์ เย้ กรรมการผู้จัดการ ไวด์ เฟธ กรุ๊ป หรือ Wide Faith Group กล่าวว่า ตลาดขนมขบเคี้ยวทั่วโลกคาดว่าจะมีมูลค่าสูงถึง 341.27 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในช่วงปี 2567 ถึง 2572 โดยมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยสะสมต่อปี (CAGR) อยู่ที่ 6.08% ในปี 2567 ที่ผ่านมามีค่าเฉลี่ยการบริโภคขนมขบเคี้ยวปริมาณเฉลี่ยต่อคนในตลาดคาดว่าจะอยู่ที่ 5.2 กิโลกรัม

โดยตลาดขนมขบเคี้ยวจากข้าว (Rice snack) ทั่วโลกคาดว่าจะมีมูลค่า 5.48 พันล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2568 โดยตลาดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก (APAC) มีส่วนสนับสนุนการเติบโตถึง 84% และมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยสะสมต่อปี (CAGR) ที่ 4.94% จนถึงปี 2573

ปัจจุบัน ผลิตภัณฑ์ขนมอบจากข้าวไทยของ Wide Faith Group มีมูลค่าการตลาดทั่วโลกสูงถึง 30 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยตลาดหลัก ได้แก่ ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ ซึ่งผลิตภัณฑ์ของ Wide Faith Group ครองส่วนแบ่งตลาดในออสเตรเลียถึง 36% หรือคิดเป็นมูลค่า 15 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากขนาดตลาดรวม 41.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และในนิวซีแลนด์ บริษัทฯ ครองส่วนแบ่งตลาด 45% หรือประมาณ 5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากขนาดตลาดรวม 11.11 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

สำหรับตลาดในประเทศไทย ขนมขบเคี้ยวมีมูลค่ารวมกว่า 40,000 ล้านบาท ถือเป็นตลาดขนาดใหญ่และเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะเซกเมนต์ขนมจากข้าว ซึ่งมีมูลค่ารวมกว่า 2,000 ล้านบาท ด้วยศักยภาพดังกล่าว บริษัทฯ จึงมุ่งเน้นทำตลาดแบรนด์ ไรซ์ บัดดี้ (Rise Buddy) ในประเทศไทยเป็นหลัก โดยได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ ภายใต้แบรนด์ไรซ์ บัดดี้ ไรซ์ ชิปปี้ส์ (Rise Buddy Rice Chippies) อย่างเป็นทางการในช่วงปลายปี 2567 พร้อมพรีเซนเตอร์คนแรกของแบรนด์นนกุล - ชานน สันตินธรกุล ตัวแทนคนรุ่นใหม่ที่ใส่ใจสุขภาพ

นายโอลิเวอร์ กล่าวอีกว่า กระบวนการผลิตของบริษัทฯ ให้ความสำคัญกับการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ การลดของเสียในสายการผลิต และการส่งเสริมการใช้วัตถุดิบภายในประเทศ โดยเฉพาะวัตถุดิบหลักมาจากข้าวไทย 100% เพื่อสนับสนุนเกษตรกรไทยผู้ปลูกข้าว

รวมทั้งสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับข้าวไทยสู่สินค้านวัตกรรมที่ทันสมัย แนวทางดังกล่าวไม่เพียงช่วยเสริมศักยภาพการแข่งขันของบริษัทในตลาดโลกเท่านั้น แต่ยังส่งเสริมสุขภาพของผู้บริโภค และสนับสนุนระบบเศรษฐกิจหมุนเวียนอย่างยั่งยืน ปัจจุบันบริษัทมีแผนที่จะเพิ่มปริมาณการจัดซื้อข้าวจากเดิม 10,000 ตันต่อปี เพิ่มเป็น 20,000 ตันต่อปี หลังจากเปิดสายการผลิตใหม่อย่างเต็มรูปแบบ

ล่าสุด ไวด์ เฟธ กรุ๊ป ได้ทุ่มงบ 800 ล้านบาทก่อสร้างโรงงานแห่งใหม่ในนิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ จ.ชลบุรี การขยายกำลังการผลิตครั้งนี้จะเพิ่มกำลังการผลิตเป็น 18,568 ตันต่อปี และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 40,168 ตันต่อปี ทั้งนี้เมื่อโรงงานผลิตอีกสองแห่งที่เหลือสร้างเสร็จและเปิดดำเนินการเต็มรูปแบบ พร้อมทั้งเสริมศักยภาพในกระบวนการวิจัยและพัฒนา บริษัทฯ มุ่งเน้นการผลิตสินค้าที่ทันสมัยและมีนวัตกรรม โดยใช้กระบวนการอบ แทนการทอด ซึ่งปราศจากไขมันทรานส์ เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคทั่วโลกที่ใส่ใจสุขภาพมากขึ้น

ขณะเดียวกัน โรงงานแห่งใหม่นี้ยังรองรับการผลิตขนมข้าวในรูปแบบ Original Design Manufacturer (ODM) มากกว่า 70 รสชาติ ซึ่งจะช่วยเสริมความสามารถในการแข่งขันของบริษัทในระดับโลก และสนับสนุนเศรษฐกิจหมุนเวียนอย่างยั่งยืน

"เราตั้งเป้าอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปีอยู่ที่ 20% เมื่อเทียบกับปี 2567 ขณะที่ตลาดขนมข้าวแบบบรรจุภัณฑ์ทั่วโลกคาดว่าจะมีมูลค่าสูงถึง 5.48 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2025 โดยมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยสะสมต่อปี (CAGR) อยู่ที่ 4.94%"


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ