
ในยุคที่ผู้คนใส่ใจทั้งเรื่องไลฟ์สไตล์และฟังก์ชันการใช้งาน “แก้วเก็บอุณหภูมิ” กลายเป็นไอเทมคู่ใจที่ใครหลายคนพกติดตัวไว้เสมอ ไม่ต่างจาก Art Toy ที่ห้อยกระเป๋าสะท้อนตัวตน และหนึ่งในแบรนด์ที่ครองใจผู้ใช้งานทั่วโลกมาอย่างยาวนานก็คือ “Stanley” (สแตนลีย์) แก้วเก็บอุณหภูมิระดับตำนาน สัญชาติอเมริกันที่ก่อตั้งมายาวนานกว่า 100 ปี
Stanley (สแตนลีย์) ไม่ใช่เพียงแค่แบรนด์แก้วน้ำธรรมดา แต่เป็นตำนานที่มีอายุกว่า ศตวรรษ ยืนหยัดในวงการเครื่องดื่มพกพาด้วยนวัตกรรมอันล้ำสมัยและความทนทานโดดเด่นและประสิทธิภาพการเก็บอุณหภูมิที่ยอดเยี่ยม ทำให้ Stanley กลายเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลาย โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ใช้งานที่ชื่นชอบกิจกรรมกลางแจ้งและการผจญภัย
แต่เมื่อเทรนด์สุขภาพและการดูแลตัวเองเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันของผู้คนในเมืองมากขึ้น Stanley จึงปรับทิศทางเพื่อตอบโจทย์ความต้องการนี้ โดยไม่ได้จำกัดตัวเองอยู่ในกลุ่มผู้ใช้งานเดิมอีกต่อไป ด้วยการเปลี่ยนภาพลักษณ์จากผลิตภัณฑ์สำหรับกิจกรรมกลางแจ้ง สู่ไอเทมไลฟ์สไตล์ที่ขาดไม่ได้ ผ่านการนำเข้าโดยผู้บริหารที่มองเห็นเทรนด์ อย่าง ณัฐพล ปัทมพงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เมนทาแกรม จำกัด ผู้นำเข้า Stanley ในประเทศไทย
ณัฐพล กล่าวว่า อย่างที่ทุกคนทราบกันดีว่าแบรนด์ Stanley ก่อตั้งมานานกว่า 100 ปี และไม่เคยหยุดพัฒนาเพื่อให้ตอบโจทย์การใช้งานทั้งด้านฟังก์ชันที่ให้ความสำคัญกับคุณภาพของสินค้า ทนทาน ดีไซน์สวยงาม โดย Stanley เป็นแก้วเก็บอุณหภูมิ ที่สามารถเก็บความเย็นจากน้ำแข็งได้นานถึง 48 ชั่วโมง หรือ เก็บความเย็นจากน้ำเย็นได้นานถึง 11 ชั่วโมง และเก็บน้ำร้อนให้คงความร้อนได้นานถึง 7 ชั่วโมง (ขึ้นอยู่กับการใช้งาน) เพื่อตอบโจทย์ความเป็น "Active Lifestyle" ที่กำลังมาแรง โดยบริษัทจะมีการเซ็นสัญญากับแบรนด์ทุกๆ 3 ปี และปัจจุบันมีดีลเลอร์ประมาณ 20 ราย
“การทำการตลาดของ Stanley ในประเทศไทยมุ่งเน้นไปที่การสร้างภาพลักษณ์ที่เชื่อมโยงกับ Active Lifestyle โดยไม่จำกัดเพศและวัย ไม่ว่าจะเป็นผู้ใหญ่หรือเด็ก ก็สามารถใช้งานผลิตภัณฑ์ Stanley ได้อย่างลงตัว จุดแข็งของ Stanley คือผลิตภัณฑ์ที่สามารถตอบโจทย์ได้ทั้งผู้ชายและผู้หญิง ซึ่งแตกต่างจากแบรนด์คู่แข่งบางรายที่อาจเน้นไปที่เพศใดเพศหนึ่งเป็นหลัก และราคาเริ่มต้นที่หลักพันบาท”
เพื่อตอกย้ำการเปลี่ยนทิศทางธุรกิจและเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายใหม่ Stanley ได้เปิด Pop-up Store เป็นครั้งแรก ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิล์ด ถือเป็นการปรับกลยุทธ์ครั้งสำคัญที่แสดงให้เห็นถึงความจริงจังในการบุกตลาดไลฟ์สไตล์ และมีจำหน่ายที่ร้าน MLAB ทั้ง 12 สาขา โดยตั้งเป้าที่จะขยาย Pop-up Store เป็น 2-3 แห่งในปีนี้ และเพิ่มเป็น 5 แห่งในอีก 2-3 ปีข้างหน้า
โดย Customer Insight ที่สำคัญ คือ ลูกค้ามองว่าแก้ว Stanley ไม่ใช่แค่ภาชนะเก็บอุณหภูมิ แต่เปรียบเสมือน accessory ที่สามารถปรับเปลี่ยนไปได้ในทุกวัน ที่ช่วยเติมเต็มลุค Active Lifestyle โดยได้รับอิทธิพลจากสื่อต่างประเทศที่เซเลบริตี้และอินฟลูเอนเซอร์นิยมถือ Stanley ควบคู่ไปกับชุดแฟชั่น ทำให้เกิดกระแส “ตามเทรนด์” ในกลุ่มผู้บริโภคชาวไทย
และแม้ เมนทาแกรม จะเพิ่งนำ Stanley เข้ามาทำตลาดในประเทศไทยได้เพียง 2 เดือน แต่ Stanley ก็ได้รับผลตอบรับที่ดีอย่างน่าประทับใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กลุ่มผลิตภัณฑ์แก้วเก็บอุณหภูมิ สีพาสเทลที่ได้รับความนิยมอย่างสูงในหมู่วัยรุ่น
ส่วนข้อมูลที่น่าสนใจ ณัฐพล ชี้ว่า “1 คน ต้องมีแก้วเก็บอุณภูมิอย่างน้อย 3 ใบ” ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าผู้บริโภคไม่ได้ซื้อเพียงใบเดียว แต่มีแนวโน้มที่จะซื้อหลายใบเพื่อสลับใช้ตามโอกาสและสไตล์ นับเป็นเครื่องยืนยันถึงความต้องการของตลาดที่แข็งแกร่ง
ทั้งนี้ Stanley มีแผนการเติบโตที่ชัดเจนในระยะ 3 ปีข้างหน้า โดยมีสัญญาความร่วมมือระยะยาว รวมทั้งกลยุทธ์สำคัญ คือ ขยายช่องทางการจัดจำหน่าย ด้วยการเพิ่มจำนวนดีลเลอร์จาก 20 ราย โดยเน้นการกระจายตัวในร้านค้าที่เป็นไลฟ์สไตล์และร้านอุปกรณ์กีฬา อีกทั้งเพิ่มการเข้าถึงผ่าน Pop-up Store, สื่อสารแบรนด์ผ่านช่องทางที่เข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคยุคใหม่ โดยเฉพาะสื่อออนไลน์และอินฟลูเอนเซอร์ และมีการสร้าง Community คือ Stanley Club Thailand เพื่อเป็นที่ที่คนที่รักและชื่นชอบแบรนด์ Stanley มามีกิจกรรมร่วมกัน
แสดงให้เห็นว่า “Stanley” ไม่ได้เป็นเพียงแบรนด์ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานเท่านั้น แต่ยังพิสูจน์ให้เห็นถึงความสามารถในการปรับตัวให้เข้ากับยุคสมัยและเทรนด์ใหม่ๆ ได้อย่างประสบความสำเร็จ ด้วยกลยุทธ์ที่แข็งแกร่งและผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค Stanley จึงพร้อมที่จะก้าวข้ามการเป็นแค่แก้วเก็บอุณหภูมิ สู่การเป็นส่วนหนึ่งของไลฟ์สไตล์ที่ทันสมัยและใส่ใจสุขภาพของคนไทยได้อย่างแยบยล
อ่านข่าวการตลาด และเทรนด์ กับ Thairath Money ได้ที่
https://www.thairath.co.th/money/business_marketing
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้
https://www.facebook.com/ThairathMoney