Chanel เปิดเผยว่ากำไรจากการดำเนินงานร่วงหนักเกือบหนึ่งในสาม โดยลดลงมาถึง 30% เหลือ 4.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ขณะที่ยอดขายลดลง 4.3% เหลือ 18.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ นับเป็นครั้งแรกที่ Chanel มียอดขายและกำไรจากการดำเนินงานลดลงพร้อมกัน นับตั้งแต่ปี 2020 ซึ่งเป็นช่วงที่เกิดการระบาดของโควิด-19 จนต้องปิดร้านค้าทั่วโลก
แม้แบรนด์หรูที่มีอายุเกินหนึ่งศตวรรษอย่าง Chanel จะถือเป็นหนึ่งในแบรนด์ที่มั่นคงและมีความพรีเมียมสูงแต่การลดลงของยอดขายและกำไรในครั้งนี้ สะท้อนถึงแรงกดดันในอุตสาหกรรม
Leena Nair ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Chanel กล่าวว่า ผลประกอบการปี 2024 เกิดขึ้นหลังจากช่วงเวลาที่ Chanel เติบโตแบบไม่เคยมีมาก่อน โดยรายได้เพิ่มขึ้นเกือบสองเท่าในช่วงสามปีก่อนหน้า อย่างไรก็ตามความผันผวนด้านเศรษฐกิจมหภาคและภูมิรัฐศาสตร์ถือเป็นความท้าทายอย่างไม่อาจปฏิเสธได้ และภาวะเช่นนี้กำลังส่งผลกระทบต่อยอดขายในบางตลาด
ยอดขายในอเมริกาลดลง 4.2% ขณะที่ยุโรปเพิ่มขึ้นเพียง 0.6% ขณะที่ยอดขายในภูมิภาคเอเชียที่รวมถึงจีน ซึ่งถือเป็นตลาดหลักที่สร้างรายได้เกือบครึ่งหนึ่งให้กับ Chanel ลดลงถึง 7.1% เหลือ 9.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากความผันผวนทางเศรษฐกิจในประเทศ
ทั้งนี้บริษัทยอมรับว่าหนึ่งในสาเหตุที่กดดันกำไร คือ การลงทุนที่สูงเป็นประวัติการณ์ โดยบริษัทเพิ่มงบลงทุนถึง 43% รวมเป็นประมาณ 1.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปีที่ผ่านมา ประกอบด้วยการซื้ออสังหาริมทรัพย์มูลค่าราว 600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เช่น อาคารบนถนน Avenue Montaigne และ rue Cambon ในปารีส รวมถึงตึกสำหรับแฟลกชิปร้านใหม่ในนิวยอร์กและการซื้อกิจการร้านค้า
โดยปีที่ผ่านมา Chanel ได้ลงทุนในผู้ผลิตผ้าไหม Montero ผู้ผลิตเครื่องประดับโลหะ และโรงฟอกหนัง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนระยะยาว 10 ปีในการควบคุมห่วงโซ่อุปทาน นอกจากนี้บริษัทยังใช้เงินอีก 2.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในกิจกรรมทางการตลาดเพื่อสนับสนุนแบรนด์ เช่น แฟชั่นโชว์และอีเวนต์สำหรับลูกค้า ตลอดทั้งปี
ด้าน Philippe Blondiaux ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินของ Chanel ได้ปฏิเสธว่าการขึ้นราคาเป็นสาเหตุที่ทำให้ยอดขายลดลง โดยเขากล่าวว่าเขาเชื่อว่าผู้บริโภค “เข้าใจอย่างดีว่าราคาของสินค้า Chanel สะท้อนคุณภาพของวัตถุดิบที่ใช้” พร้อมระบุว่า Chanel ได้ปรับขึ้นราคาสินค้าแฟชั่นในปี 2024 ประมาณ 3% และมีแนวโน้มจะปรับขึ้นในอัตราใกล้เคียงกันอีกครั้ง
อย่างไรก็ตามบริษัทยังรอดูผลลัพธ์สุดท้ายจากการตัดสินใจของประธานาธิบดีทรัมป์ในเรื่องนโยบายภาษี ซึ่งกลายเป็นปัจจัยใหม่ที่ส่งผลกระทบต่อการขึ้นราคา Chanel รวมถึงอุตสาหกรรมแบรนด์หรูโดยรวม แม้ว่า Chanel จะเปิดเผยว่าการลดลงของกำไรครั้งนี้จะเกิดขึ้นก่อนการประกาศนโยบายภาษีของประธานาธิบดีทรัมป์ก็ตาม
แนวโน้มของ Chanel ในปี 2025 ยังคงเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน ทั้งความผันผวนของตลาดจีน และอัตราเงินเฟ้อที่ยังคงส่งผลต่อกำลังซื้อและความเชื่อมั่นของลูกค้าระดับบน
โดยเฉพาะการเปลี่ยนผ่านหลังการลาออกของ Virginie Viard ในเดือนมิถุนายน โดย Chanel ได้แต่งตั้ง Matthieu Blazy เป็นผู้อำนวยการฝ่ายศิลป์คนใหม่ในเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ซึ่งเตรียมที่จะเปิดตัวผลงานแรกในงาน Paris Fashion Week เดือนตุลาคมนี้
อ้างอิงข้อมูล Bloomberg , Financial Times
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ -