คลีนบิวตี้มาแรง ครีมกันแดดไทยโต 6.1 พันล้าน HER HYNESS โชว์นวัตกรรมกันแดด ตั้งเป้าเป็นอันดับหนึ่ง

“HER HYNESS” (เฮอ ไฮเนส) เจ้าของมาส์กสีดำในตำนาน ปัจจุบันขึ้นแท่นแบรนด์สกินแคร์คลีนบิวตี้ (Clinically-Proven Clean Beauty) อันดับหนึ่งของประเทศไทยที่ได้รับการพิสูจน์ทางคลินิก ซึ่งมีจุดเริ่มต้นจากแพชชั่นและเพนพอยต์ ที่ได้กลายเป็นจุดยืนและหลักการพัฒนาผลิตภัณฑ์ของแบรนด์ที่ต้องการช่วยให้ทุกคนมีผิวที่สวยที่สุดโดยที่ไม่ต้องห่วงเรื่องผลข้างเคียงใด ๆ 

“ถ้าไม่หาย ขอตายดีกว่า” จากเพนพอยต์ผิวแพ้ง่ายสู่นวัตกรรมฝีมือคนไทย

กัญญฉัชฌ์ เลิศธนไพบูลย์ Founder and CEO, HER HYNESS กล่าวว่า HER HYNESS มีจุดตั้งต้นมาจากประสบการณ์ตรงด้านปัญหาสุขภาพผิวของตัวเองที่มีอาการแพ้อย่างรุนแรงและด้วยประสบการณ์ ประกอบการการทำงานในอุตสาหกรรมแบรนด์ความงามระดับโลกกว่า 7 ปีอย่าง L'Oréal ทั้งการรับผิดชอบแบรนด์ Biotherm และ Lancôme รวมถึง Estée Lauder ทั้งประเทศสิงคโปร์ ประเทศไทย และประเทศจีน จึงสร้างแรงบันดาลใจให้เกิด HER HYNESS ซึ่งมีหัวใจสำคัญคือ Clinically-proven clean beauty คลีนบิวตี้สกินแคร์ประสิทธิภาพสูงเพื่อคนผิวแพ้ง่าย เพื่อให้ผิวมีความแข็งแรงและสวยงามอย่างยั่งยืน (Sustainable beauty) ปราศจากสารเคมีอันตรายกว่า 2,100 ชนิด ตามมาตรฐานยุโรปเพื่อผิวสุขภาพดีอย่างแท้จริงทั้งในระยะสั้นและยาว

นอกจากนี้ กัญญฉัชฌ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ตลอดระยะ 8 ปีความสำเร็จของ HER HYNESS ในฐานะแบรนด์คลีนบิวตี้มาตรฐานระดับโลกฝีมือคนไทยไม่ได้มาจากเธอเพียงคนเดียว แต่ยังได้การผลักดันจากผู้ร่วมก่อตั้ง ได้แก่ ปิยะภาพ เลิศธนไพบูลย์ และ เจฟ เลิศธนไพบูลย์ ซึ่งดำรงตำแหน่ง Managing Director ซึ่งทั้งสองล้วนมีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์การทำงานระดับโลก

“เราจึงให้ความสำคัญกับคุณภาพมาตั้งแต่ต้น และให้คุณภาพของสินค้าเป็นสิ่งที่ทำให้ผู้บริโภครักและบอกต่อ ทำให้ตลอด 8 ปีที่ผ่านมา HER HYNESS มีการเติบโตมาถึงระดับยอดขายพันล้าน ได้รับการยอมรับจากผู้บริโภค รวมถึงห้างและสื่อชั้นนำต่างๆ ทั้งเรื่องยอดขายและคุณภาพ และเรามีเป้าหมายที่จะเป็น 1 ในแบรนด์ไทยที่มีการเติบโตไปถึงระดับโกลบอลแบรนด์”

ปัจจุบัน HER HYNESS มีผลิตภัณฑ์รวมแล้วกว่า 30 SKU โดยสามารถแบ่งเป็นสี่กลุ่มหลัก ได้แก่ ผลิตภัณฑ์กันแดด, เซรั่มและครีมบำรุง, มาสก์, และเครื่องสำอาง โดยทิศทางที่ชัดเจนในปีนี้ คือ การขยายพอร์ตฟอลิโอครีมกันแดดมากกว่า 100% ซึ่งนับเป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์ยอดนิยมของแบรนด์ เพื่อตอบรับกับขนาดตลาดผลิตภัณฑ์กันแดดในประเทศไทยที่ 6.1 พันล้านบาท และมีการเติบโต กว่า 7% จากปี 2021-2024 ทั้งนี้ยังมีการคาดการณ์ว่าจะตลาดจะโต 7.5 พันล้านบาทในปี 2027 อีกด้วย 

สำหรับแผนการรุกตลาดต่างประเทศ กัญญฉัชฌ์ เปิดเผยว่า กำลังอยู่ระหว่างการพิจารณากับพาร์ทเนอร์ ทั้งในภูมิภาคเอเชียและภูมิภาคตะวันตก หลังปัจจุบันแบรนด์สามารถรักษาอัตราการเติบโตในประเทศไทยได้อย่างต่อเนื่อง

โดยผลประกอบการสามปีย้อนหลังจากข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจและการค้า บริษัท เมซัน รอเยล จำกัด ชื่อบริษัทที่ดำเนินการที่เป็นเจ้าของแบรนด์ HER HYNESS

• ปี 2566 รายได้สุทธิ 459,538,675 ล้านบาท กำไรสุทธิ 11,790,987 บาท
• ปี 2565 รายได้สุทธิ 227,065,674 ล้านบาท กำไรสุทธิ 2,520,781 บาท 
• ปี 2564 รายได้สุทธิ 108,691,488 ล้านบาท กำไรสุทธิ 1,982,929 บาท 

อ่านเพิ่มเติม HER HYNESS มาสก์สีดำในตำนาน ปั้นแบรนด์ยอดขายหลักร้อยล้าน คลื่นลูกใหม่แห่งวงการสกินแคร์ไทย

ชูนวัตกรรมกันแดดอัจฉิรยะ แก้ปัญหาคนให้คนไทย 

ครั้งนี้ HER HYNESS ได้โชว์ผลลัพธ์จากแนวคิดและกลยุทธ์ที่ชัดเจนตลอด 8 ปีของ HER HYNESS ผ่านผลิตภัณฑ์ใหม่ล่าสุดอย่าง “UV Adapt Hya Water Sunscreen SPF50+ PA++++” พร้อมจุดขาย Smart UV Adapt™ เทคโนโลยีเอกสิทธิ์เฉพาะ Her Hyness กันแดดอัจฉริยะที่ไม่ใช่แค่ปกป้องผิวจากแสงแดดด้วย UV Filter แต่มีจุดแข็งคือ ช่วยบูสต์ผิวให้กันแดดได้เองยาวนานถึง 6 ชั่วโมง แก้เพนพอยต์คนไทยต้องตากแดดทั้งวันแต่ไม่ชอบทากันแดดซ้ำ บนหัวใจสำคัญของแนวคิด ‘EMPOWER YOUR SKIN, EMBRACE THE SUN’ หรือ การบูสต์กลไกการทำงานของผิวตามธรรมชาติ ซึ่งเป็นหลักการผลิตภัณฑ์ที่ยึดถือ 

กัญญฉัชฌ์ กล่าวว่า Smart UV Adapt™ คือ เทคโนโลยีเอกสิทธิ์เฉพาะของ HER HYNESS ที่พัฒนาร่วมกับคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต ซึ่งถูกออกแบบมาให้ผิวสามารถปกป้องตัวเองจากรังสี UV ได้ดีขึ้น โดยใช้หลักการของ Skin Microbiome Science เทคโนโลยีนี้ทำงานร่วมกับแบคทีเรียดี (Probiotics) บนผิว ซึ่งจะกระตุ้นให้แบคทีเรียผลิตสารที่ชื่อว่า Urolithin A ซึ่งเป็นสารชีวโมเลกุลที่มีคุณสมบัติและจุดเด่นอย่างการลดความเสียหายของเซลล์ผิวจากรังสี UV ช่วยเติมพลังงานให้เซลล์ผิวซ่อมแซมผิวเสียจากแสงแดด ลดการเสื่อมสลายของ Collagen & Elastin ในชั้นผิว และเป็นกลไก “ภายในผิว” ไม่ใช่แค่การเคลือบผิวชั้นนอก และยังปลอดภัยสำหรับผิวแพ้ง่ายเป็นต้น 

ซึ่งเมื่อผิวผลิต Urolithin A ได้อย่างต่อเนื่อง จะเหมือนผิวมี “ระบบกันแดดธรรมชาติ” คอยทำงานเสริมควบคู่กับสารกันแดดที่ทาอยู่ ผลลัพธ์คือผิวสามารถป้องกันแสงแดดได้ต่อเนื่องนานสูงสุดถึง 6 ชั่วโมง*

นวัตกรรมนี้ยังผ่านการทดสอบทั้ง in vitro และ in vivo ใน 4 ห้องแล็บมาตรฐานสากล และเป็นสูตรที่ปลอดภัยต่อผิวแพ้ง่าย ไม่มีสารระคายเคืองกว่า 18 ชนิด พร้อมเนื้อสัมผัสแบบ Light Watery ที่บางเบา เกลี่ยง่าย และไม่เหนอะหนะ ปกป้องผิวครอบคลุมทั้ง UVA1, UVA2, UVB, Blue Light และ ฝุ่น PM2.5 

นอกจากนี้ทั้งสามยังได้แชร์กลยุทธ์การปั้นแบรนด์ให้สำเร็จและได้มาตรฐานระดับโลกบนแนวคิด Global Mindset & Global Standard ที่ประกอบด้วย 5 หลักการสำคัญ ได้แก่ 

1. ขับเคลื่อนแบรนด์ด้วยการวาง Brand Position ที่เอื้อต่อการเติบโตระยะยาวและระดับโลก 

HER HYNESS เลือกวาง Brand Position เป็น “Clinically proven clean beauty” มาตั้งแต่ก่อตั้งแบรนด์เมื่อ 8 ปีที่แล้ว จากการที่คร่ำหวอดอยู่ในอุตสาหกรรมบิวตี้ระดับโลกมาก่อนของผู้ก่อตั้ง ทำให้มองเห็นเทรนด์ความงามที่จะเติบโตในระยะยาว

ปิยะภาพ กล่าวถึงรายงานจาก Euromonitor ปี 2025 ที่เปิดเผยว่า เทรนด์ความงามแบบ “การผ่านการทดสอบมาตรฐานคลีนิก” และ “คลีนบิวตี้” มีการเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

• ผู้บริโภคให้ความสำคัญกับการผ่านการทดสอบมาตรฐานคลีนิกเพิ่มขึ้นจาก 13% ในปี 2019 เป็น 18% ในปี 2023 และให้ความสำคัญกับส่วนผสมของผลิตภัณฑ์เพิ่มขึ้นจาก 13% ในปี 2019 เป็น 18% ในปี 2023
• 40% ของผู้บริโภคทั่วโลกให้ความสำคัญกับ “คลีนบิวตี้” คือเป็นผู้ที่ให้ความสำคัญกับการดูแลผิวเป็นกิจวัตร ให้ความสำคัญกับคุณภาพผลิตภัณฑ์ และประสิทธิภาพการใช้มากที่สุด
• จำนวนผู้บริโภคกลุ่ม “คลีนบิวตี้” แบ่งตามประเทศ ได้แก่ อินโดนีเซีย (59%) อินเดีย (57%) ไทย (56%) แอฟริกาใต้ (53%) ซึ่งจะเห็นได้ว่ามีสัดส่วนที่สูง
• พฤติกรรมการซื้อผลิตภัณฑ์กลุ่ม “คลีนบิวตี้” ได้แก่ การให้ความสำคัญกับส่วนผสมของผลิตภัณฑ์ การอ่านฉลาก ความมั่นใจต่อการทดสอบมาตรฐาน การเชื่อคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญ การหาข้อมูลอย่างจริงจังก่อนซื้อ
• 48% ของผู้บริโภคกลุ่ม “คลีนบิวตี้” ให้ความสำคัญกับคุณสมบัติผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพระดับพรีเมียม เช่นเดียวกับ 47% ให้ความสำคัญกับภาพลักษณ์พรีเมียมของแบรนด์ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าผู้บริโภคต้องการผลิตภัณฑ์ที่ดีจริงพอๆ กับภาพลักษณ์

กล่าวคือ Brand Position ดังกล่าวของ HER HYNESS มีผลต่อการพัฒนาคุณภาพผลิตภัณฑ์ การสื่อสารไปจนถึงบรรจุภัณฑ์ที่สะท้อนความเป็นโกลบอลแบรนด์ตั้งแต่ต้น

2. “วิชาทำเกิน” ทุ่มเกินมาตรฐานเพื่อให้ได้ของที่ดีจริง

แบรนด์ให้ความสำคัญกับกระบวนการวิจัยและพัฒนามากกว่าความเร็วในการออกสู่ตลาดผลิตภัณฑ์แต่ละตัวจะใช้เวลาอย่างต่ำ 12 เดือน และมีการทดสอบมากกว่า 40–50 สูตรก่อนจะสรุปออกเป็นสูตรจำหน่ายจริงทุกชิ้นผ่านการทดสอบจากแล็บที่ได้รับมาตรฐานทั้งในไทยและต่างประเทศ เพื่อให้มั่นใจว่าผลิตภัณฑ์ตอบโจทย์ทั้งประสิทธิภาพและความปลอดภัย

3. สร้างประสบการณ์แบบไร้รอยต่อ (Seamless Brand Experience)

HER HYNESS ไม่ได้มุ่งเน้นเพียงยอดขายจากช่องทางใดช่องทางหนึ่ง แต่ลงทุนสร้าง Brand Experience ที่สอดคล้องทั้งออฟไลน์และออนไลน์ ปัจจุบันวางขายในทุกแพลตฟอร์มและร้านบิวตี้สโตร์ชั้นนำทั่วประเทศ และบริหารพอร์ตฟอลิโอทั้งช่องทางออฟไลน์และออนไลน์ให้สมดุล เป้าหมายคือให้แบรนด์มีตัวตนที่ชัดเจน ไม่ว่าจะอยู่ที่ใดในเส้นทางของผู้บริโภค

4. ขับเคลื่อนแบรนด์ด้วยลูกค้าตัวจริง (Fan-Driven Growth)

HER HYNESS เชื่อในพลังของ “ลูกค้าตัวจริง” คอนเทนต์ที่พูดถึงแบรนด์มาจากรีวิว แชท และโพสต์จากผู้ใช้จริงทั้งลูกค้าในประเทศไทยและลูกค้าต่างชาติ ซึ่งรวมถึง Influencer ระดับโลก ที่เลือกใช้ด้วยตัวเอง ทำให้แบรนด์เติบโตบนความน่าเชื่อถือจากประสบการณ์จริง และเป็นแบรนด์ที่ขับเคลื่อนด้วยผู้บริโภคตัวจริง

5. ขับเคลื่อนแบรนด์ด้วยทีมงานที่มี Global Mindset 

HER HYNESS แบรนด์ความงามที่ก่อตั้งโดยทีมผู้บริหารรุ่นใหม่มากวิสัยทัศน์ที่ล้วนมีประสบการณ์การศึกษาและการทำงานในองค์กรชั้นนำระดับโลกจากต่างประเทศ ได้แก่ คุณกัญญฉัชฌ์ เลิศธนไพบูลย์ เคยทำงานในอุตสาหกรรมแบรนด์ความงามระดับโลก อาทิ L'Oréal และ Estée Lauder ในประเทศสิงคโปร์ ไทย และจีน คุณเจฟ เลิศธนไพบูลย์ กับประสบการณ์ในสายการเงินระดับโลกที่ Goldman Sachs ที่นิวยอร์ก, ฮ่องกง และคุณปิยะภาพ เลิศธนไพบูลย์ กับประสบการณ์จากสถาบันการเงินชั้นนำอย่าง Merrill Lynch, Citi และ Robert Baird ที่ฮ่องกง ไต้หวัน และจีน

ทั้ง 3 ผู้ร่วมก่อตั้งนำความรู้และประสบการณ์จากองค์กรระดับโลก มาพัฒนาองค์กรให้เติบโตบนพื้นฐานของมาตรฐานสากล (Global Standard) และแนวคิดแบบ Global Mindset โดยถ่ายทอดแนวทางการทำงานที่เน้นวัฒนธรรมองค์กรระดับโลก ควบคู่ไปกับการปรับใช้ให้เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ของคนไทยอย่างแท้จริง พร้อมขับเคลื่อนด้วยทีมงานที่ล้วนผ่านประสบการณ์จากบริษัทชั้นนำระดับโลก ภายใต้แนวคิดหลัก “Think Global, Act Local”

พร้อมกันนี้ยังได้เปิดตัว ‘หลิงหลิง ศิริลักษณ์ คอง’ ในฐานะแบรนด์แอมบาสเดอร์คนแรกของ HER HYNESS ที่สะท้อนตัวตนของแบรนด์ในฐานะผู้หญิงยุคใหม่ที่กล้าเป็นตัวของตัวเอง มีความคิดเป็นของตัวเอง และเลือกมองโลกในแบบที่สร้างแรงบันดาลใจ เพื่อยกระดับการสื่อสารแบรนด์ให้ชัดเจนขึ้นในมิติที่แบรนด์ไม่เคยทำมาก่อน โดยแคมเปญนี้คือจุดเปลี่ยนของ HER HYNESS ในการขยับจากแบรนด์ที่เติบโตจากคุณภาพสินค้าสู่การสร้างบทสนทนากับคนยุคใหม่ในวงกว้าง  

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ -   

https://www.facebook.com/ThairathMoney