“ไทยกูลิโกะ” เจ้าของขนมในตำนานที่ไม่เคยหลุดเทรนด์ กางแผนครบรอบ 55 ปี เดินเกมรุกกลยุทธ์ “5 New”

Business & Marketing

Marketing & Trends

ชญานิษฐ์ เชื้อกสิการ (โฟม)

ชญานิษฐ์ เชื้อกสิการ (โฟม)

Tag

“ไทยกูลิโกะ” เจ้าของขนมในตำนานที่ไม่เคยหลุดเทรนด์ กางแผนครบรอบ 55 ปี เดินเกมรุกกลยุทธ์ “5 New”

Date Time: 27 เม.ย. 2568 09:00 น.

Video

ธุรกิจลับ Toyota ถ้าไม่ได้ขายรถ หาเงินจากไหน ทำไมถึงยิ่งใหญ่อยู่วันยังค่ำ ? | Digital Frontiers

Summary

  • จาก “ป๊อกกี้” คู่ใจวัยเด็ก สู่การเป็นแบรนด์ขนมระดับโลก “ไทยกูลิโกะ” ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ยอดนิยม ป๊อกกี้ เพรทซ์ พีจอย แอลฟี่ และโคลอน กางแผนครบรอบ 55 ปีในประเทศไทย เดินเครื่องเต็มสูบสู่ยุคใหม่ สู้ศึกตลาดบิสกิต 17,471 ล้านบาท โชว์จุดแกร่ง 1 ใน 3 R&D Center ของกูลิโกะทั่วโลก ด้วยกลยุทธ์ “5 New” เดินหน้าวิจัยและพัฒนาสินค้าใหม่ รุกพัฒนาสินค้าในกลุ่มสุขภาพ-กลุ่มพรีเมียม

Latest


เมื่อพูดถึง “ขนม” แห่งความทรงจำ ที่อยู่คู่ใจคนไทยมาตั้งแต่วัยเยาว์ ชื่อของ “กูลิโกะ” (Glico) คงอยู่ในลิสต์ที่ใครๆ ก็นึกถึงอย่างแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นบิสกิตแท่งเคลือบช็อกโกแลตและสตรอเบอร์รี่อย่าง “ป๊อกกี้” (Pocky) ขนมกรุบกรอบหลากรส “เพรทซ์” (Pretz) หรือบิสกิตไส้ครีมหอมหวาน “โคลลอน” (Collon) รวมถึงพีจอย “Pejoy” ขนมสอดไส้ช็อกโกแลต

ซึ่ง “กูลิโกะ” มีต้นกำเนิดมาจากประเทศญี่ปุ่น ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 2465 รวมๆ แล้วก็ประมาณ 103 ปี สินค้าตัวแรกคือ “ลูกอมคาราเมล” ปัจจุบันบริหารงานโดย “เอทสึโระ เอซากิ” ทายาทรุ่นที่ 3 ซึ่งยอดขาย ณ สิ้นปี 2566 อยู่ที่ 322.5 พันล้านเยน หรือประมาณ 7.48 พันล้านบาท มีออฟฟิศอยู่ใน 12 ประเทศ

เฉลิมพงษ์ ดรงค์สุวรรณ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยกูลิโกะ จำกัด กล่าวว่า ไทยกูลิโกะ ต่อตั้งเมื่อปี 2513 โดยตลอด 55 ปีที่ผ่านมา “ไทยกูลิโกะ” ได้ยืนหยัดเป็นหนึ่งในแบรนด์ที่อยู่ในใจผู้บริโภค ส่งต่อ “ความสุข” ให้แก่ผู้บริโภคผ่านผลิตภัณฑ์อย่างป๊อกกี้ เพรทซ์ พีจอย แอลฟี่ และโคลอน ซึ่งนับเป็นแรงผลักดันสำคัญของตลาดบิสกิตและขนมหวานในประเทศไทย

โดยมีข้อมูลอ้างอิงจาก Nielsen ระบุว่า ในปี 2567 มีมูลค่ากว่า 17,471 ล้านบาท เติบโตประมาณ 9.8% ซึ่งในตลาดบิสกิต มี category ย่อย 3 หมวดด้วยกัน คือ คุ้กกี้ แครกเกอร์ และเวเฟอร์ โดยกลุ่มที่ใหญ่ที่สุดคือ แครกเกอร์ 

ส่งต่อความสุขไม่เปลี่ยนกว่าครึ่งศตวรรษ

“ปี 2568 ตลาดบิสกิตยังไปต่อได้ โดยมีอัตราการเติบโตมากกว่าปีที่ผ่านมา ซึ่งแบรนด์ในตลาดบิสกิตมีไม่ต่ำกว่า 50-60 แบรนด์ จำนวนผู้เล่นทั้งไทย จีน อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฯลฯ ทั้งนี้ ประเทศไทยถือเป็นฐานธุรกิจที่สำคัญของเอซากิ กูลิโกะ หรือบริษัทแม่กูลิโกะในญี่ปุ่น ต่อการดำเนินธุรกิจทั่วโลก เราถือเป็นก้าวแรกของบริษัทแม่ในการสร้างธุรกิจระหว่างประเทศ เป็น 1 ใน 3 ประเทศที่มี R&D Center เป็นของตัวเอง รวมถึงเป็นหนึ่งในฐานการผลิตเพื่อส่งออกที่สำคัญ เราจึงต้องมีการพัฒนาธุรกิจที่เข้มแข็งอย่างต่อเนื่อง โดยในปัจจุบันกำลังการผลิตส่งออกอยู่ที่ประมาณ 50% จากกำลังการผลิตทั้งหมด ซึ่งส่งออกไปยังประเทศสหรัฐอเมริกา เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมทั้งในไทย” 

สำหรับเป้าหมายการดำเนินธุรกิจในปี 2568 บริษัทตั้งเป้าว่าจะเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจ Overseas ของบริษัท เอซากิ กูลิโกะ (บริษัทแม่กูลิโกะในญี่ปุ่น) ให้ขับเคลื่อนสู่เป้าหมาย 91,000 ล้านเยน หรือเติบโตประมาณ 10% เมื่อเทียบกับปี 2567 พร้อมทั้งส่งมอบความสุขและความเป็นอยู่ที่ดีให้ผู้บริโภคในประเทศไทย ซึ่งของไทยกูลิโกะได้ตั้งเป้าอัตราการเติบโตของปี 2568 ไว้มากกว่าญี่ปุ่นที่ตัวเลขสองหลัก

รุกกลุ่ม Gen Z, Gen Alpha คนรักสุขภาพ

ดังนั้นในโอกาสครบรอบ 55 ปี บริษัทฯ จึงไม่ได้มองแค่ฐานลูกค้าเดิมที่เป็นกลุ่มครอบครัว กลุ่มคนทำงาน แต่ยังมองไปถึงตลาดใหม่ๆ ทั้งกลุ่ม Gen Z, Gen Alpha กลุ่มคนรักสุขภาพ ไปจนถึงกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มองผลิตภัณฑ์ของกูลิโกะที่จำหน่ายเฉพาะในประเทศไทยเป็นของฝากชั้นยอด ผ่านกลยุทธ์ “5 New” เพื่อสร้างมิติใหม่ของประสบการณ์การบริโภค ตอบโจทย์ผู้บริโภครุ่นใหม่ รวมถึงตลาดบิสกิตในประเทศไทย และจะช่วยตอบโจทย์การเติบโตอย่างแข็งแกร่ง พร้อมทั้งส่งมอบความสุข สามารถครองใจผู้บริโภคในฐานะแบรนด์ที่ใส่ใจ Health & Wellness อย่างต่อเนื่อง 

สำหรับกลยุทธ์ 5 New ประกอบด้วย 

1. New R&D ยึดจุดแกร่งของไทยกูลิโกะในการเป็นศูนย์การวิจัยและพัฒนา (R&D Center) 1 ใน 3 แห่งของกูลิโกะทั่วโลก เดินหน้าวิจัยและพัฒนาสินค้าใหม่โดยยืนบนพื้นฐานความต้องการของผู้บริโภค เพื่อให้สามารถสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่ตอบโจทย์พฤติกรรมและความต้องการของผู้บริโภคในแต่ละช่วงวัย 

2. New Innovation สรรค์สร้างนวัตกรรมผ่านสินค้าและการทำการตลาด สร้างความแปลกใหม่และสีสันให้ตลาด ด้วยการออกแบบผลิตภัณฑ์ใหม่อีกราว 8-10 รายการในปีนี้ ผ่านสินค้า 2 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่ม Premium Range และกลุ่ม Thai Taste สะท้อนรสนิยมและเอกลักษณ์ความเป็นไทย ตอบโจทย์ทั้งตลาดในประเทศ ตลาดนักท่องเที่ยวที่ต้องการซื้อเป็นของฝาก ตลอดจนกลุ่มคนรุ่นใหม่

3. New Market ขยายฐานลูกค้าจากกลุ่ม B2C สู่การบุกตลาด B2B มากยิ่งขึ้น ด้วยการจำหน่ายผลิตภัณฑ์นมอัลมอนด์ โคกะรสชาติต่างๆ ไปยังร้านคาเฟ่และคอฟฟี่เชน ที่มีสินค้าอาหารและเครื่องดื่มที่ต้องใช้นมอัลมอนด์เป็นส่วนผสม รวมถึงพิจารณาออกผลิตภัณฑ์ใหม่ภายใต้กลุ่มสินค้าเพื่อสุขภาพ พร้อมทั้งจัด Event Marketing ดึงดารา-เซเลป จัดกิจกรรมที่สอดคล้องกับคนรุ่นใหม่ ตอกย้ำจุดยืนของบริษัทที่ใส่ใจสุขภาพ Health & Wellness ของผู้บริโภค 

4. New ESG Drive ขับเคลื่อนด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) ของบริษัทด้วยกิจกรรมใหม่ๆ ด้าน ESG อย่างต่อเนื่อง อาทิ การติดตั้งโซลาร์เซลล์ที่โรงงานผลิตหลักของบริษัท คือโรงงานบางกะดี ปริมาณ 2.8 เมกะวัตต์พีก (MWp) ต่อวัน ซึ่งติดตั้งเสร็จสิ้นและเริ่มดำเนินงานเต็มรูปแบบตั้งแต่ ก.พ.ที่ผ่านมา คาดว่าจะลดปริมาณคาร์บอนได้อย่างน้อย 1,700 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี เพื่อเดินหน้าสู่เป้าหมายลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลง 50% ภายในปี 2030 

5. New Partner & Collaboration เดินหน้าจับมือพันธมิตรใหม่ทั้งในและต่างประเทศ เพื่อร่วมสร้างประสบการณ์การบริโภคที่แตกต่าง 

เฉลิมพงษ์ กล่าวว่า ในปี 2568 บริษัทได้ขับเคลื่อนกลยุทธ์ 5 New ไปแล้วหลายด้าน อาทิ การจับมือ Butterbear ทำสินค้าพรีเมียมที่ระลึก, การเพิ่มสารอาหารและลดโซเดียมในผลิตภัณฑ์ขนม, การออกผลิตภัณฑ์ Limited Edition อย่าง Pocky Rose รวมถึงการจัด Event Marketing อย่างต่อเนื่อง 

โดยหลังจากนี้ ยังมีผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่วิจัยและพัฒนาเสร็จสิ้นแล้ว เตรียมปล่อยออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง อาทิ Pretz รสแกงเขียวหวานไก่ ซึ่งคาดว่าจะวางจำหน่ายในเดือนพฤษภาคมนี้ อีกทั้งในไตรมาส 3 และ 4 จะได้เห็นสินค้าใหม่ออกสู่ตลาดมากขึ้น 

“Hero Product ของไทยกูลิโกะ คือ ป๊อกกี้ โดยรสยอดนิยมคือ ช็อกโกแลต ซึ่งถือเป็นเบอร์หนึ่งในตลาด แต่จริงๆ แล้วแบรนด์ที่อยากให้มีอัตราการเติบโตในอนาคตคือ ป๊อกกี้ เพรทซ์ และพีจอย”

ทั้งนี้ บริษัท ไทยกูลิโกะ จำกัด เป็นผู้เล่นหลักในตลาดบิสกิตของไทยมานานกว่า 55 ปี ก่อตั้งขึ้นในปี 2513 และเติบโตอย่างมั่นคง โดยประเทศไทยเป็นตลาดที่สำคัญของกูลิโกะในอาเซียน ด้วยความมุ่งมั่นที่จะยกระดับความเป็นอยู่ที่ดีผ่านผลิตภัณฑ์ในเครือ ปัจจุบัน มีกลุ่มสินค้าในประเทศไทยทั้งสิ้น 2 กลุ่มหลัก ภายใต้หลากหลายแบรนด์ ประกอบด้วย 

1.กลุ่มผลิตภัณฑ์ขนม ได้แก่ ป๊อกกี้, พีจอย, เพรทซ์, ไจแอนท์ คาปุลิโกะ, โคลอน, ทีนนี่, แอลฟี่  

2.กลุ่มผลิตภัณฑ์ Health & Wellness เครื่องดื่มน้ำนมอัลมอนด์ภายใต้แบรนด์อัลมอนด์ โคกะ 

อ่านข่าวการตลาดและเทรนด์ กับ Thairath Money ได้ที่
https://www.thairath.co.th/money/business_marketing

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้