พาพิชญ์ วงศ์ไพฑูรย์ปิยะ CEOพี่สาวแห่งริช สปอร์ต ทายาทธุรกิจผู้ได้โอกาส "คิดค้น ลองดู เรียนรู้เอง"

เพราะเป็นลูกสาวคนโตของครอบครัว เส้นทางในฐานะผู้ประกอบการของ “พาพิชญ์ วงศ์ไพฑูรย์ปิยะ” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทริช สปอร์ต จำกัด (มหาชน) หรือ RSP ผู้นำเข้า-จัดจำหน่ายสินค้าแฟชั่น ที่เริ่มต้นจากรองเท้าผ้าใบแบรนด์ Converse (คอนเวิร์ส) เมื่อ 41 ปีที่แล้ว จึงเปรียบเสมือนกัปตันไฟต์บังคับ คนรับไม้ต่อจากคุณพ่อ “สุเทพ วงศ์ไพฑูรย์ปิยะ” ผู้ก่อตั้งริช สปอร์ต

คุณเอ็กซ์-พาพิชญ์ ในวัย 39 ปี ขึ้นดำรงตำแหน่งซีอีโอแทนบิดาเมื่อปี 2559 ขณะอายุ 30 ปี นำริช สปอร์ต แปรรูปจากธุรกิจครอบครัวสู่บริษัทมหาชน กระจายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในปี 2560 ปัจจุบันมีมูลค่าตลาดที่ 1,300 ล้านบาท ขยายพอร์ตแบรนด์สินค้าครอบคลุม คอนเวิร์ส, รองเท้าแตะแบรนด์ Havaianas, Geox, แบรนด์เสื้อผ้าจากเกาหลี aeme de la vie (ADLV) รวมทั้งแบรนด์รองเท้าไทย O&B ซึ่งเข้าไปซื้อกิจการเมื่อปี 2566

“การเข้าซื้อ O&B ช่วยต่อยอดทักษะ ความสามารถของทีม จากตัวแทนจำหน่าย มีบริษัทแม่กำหนดแผนการตลาดโดยเราเอามาปรับใช้ให้เข้ากับบริบทไทย แต่สำหรับ O&B เราคือเจ้าของ ต้องวางแผนการตลาดเอง มีทีมดีไซน์ เป็นโอกาสในการเรียนรู้สิ่งใหม่ หลังทำให้ O&B พลิกฟื้นกลับมาทำกำไร เป้าหมายต่อไปคือการบุกตลาดต่างประเทศในฐานะรองเท้าแบรนด์ไทย”

ย้อนกลับไปในปี 2527 ก่อนคุณเอ็กซ์เกิด บิดาคือคุณสุเทพ ซึ่งขณะนั้นช่วยบริหารธุรกิจโรงงานทำรองเท้าของครอบครัว เห็นลู่ทางต่อยอดจากการเป็นแค่ผู้ผลิตสู่ตัวแทนจำหน่าย คุณสุเทพจึงได้ก่อตั้งบริษัทริช สปอร์ตขึ้น เป็นตัวแทนจำหน่ายรองเท้าผ้าใบคอนเวิร์สแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทยจวบจนปัจจุบัน เป็นเวลากว่า 41 ปีแล้ว

ตั้งแต่จำความได้ คุณเอ็กซ์คุ้นเคยกับการทำธุรกิจมาตลอด เธอจบการศึกษาจากคณะ BBA มหาวิทยาลัย ธรรมศาสตร์ มีโอกาสทำงานในบริษัทที่ปรึกษาเล็กๆ 2 ปี ก่อนเดินทางไปเรียนต่อปริญญาโท MBA ที่ Babson College สหรัฐอเมริกา พอเรียนจบจึงกลับมาช่วยงานที่ริช สปอร์ตทันทีในปี 2554

คุณเอ็กซ์เล่าว่า ระหว่างนั้นพยายามขยายโอกาสทางธุรกิจให้กับริช สปอร์ต ติดต่อแบรนด์ต่างประเทศ ขอเป็นตัวแทนจำหน่ายเพิ่มเติม เพราะริช สปอร์ตไม่สามารถพึ่งพาคอนเวิร์สได้เพียงแบรนด์เดียวอีกต่อไป หากต้องการเติบโต แต่การสร้างความน่าเชื่อถือแม้ขายคอนเวิร์สมาเป็นเวลานาน ยังไม่เพียงพอ

“การเจรจาล้มเหลวเสมอ เพราะแบรนด์ระดับโลกไม่มั่นใจในเรา วิธีที่จะทำให้เชื่อมั่น คือการเป็นบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ฯ มีกฎเกณฑ์ วิธีปฏิบัติ ระบบบัญชีมีมาตรฐาน ริช สปอร์ตจึงตัดสินใจเดินหน้ากระจายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ฯ ทั้งๆที่เราไม่มีปัญหาเรื่องการระดมทุน มีกระแสเงินสดเพียงพอ แต่ต้องการความน่าเชื่อถือในฐานะบริษัทจดทะเบียน”

นำหุ้นเข้าตลาด พร้อมๆกับการฉลองตำแหน่งซีอีโอริช สปอร์ตคนใหม่ คุณเอ็กซ์เดินหน้าทันที เจรจาขอเป็นตัวแทน จำหน่ายแบรนด์รองเท้านำเข้า เพิ่มเติมประกอบด้วย รองเท้าแตะแบรนด์ Havaianas, Geox, แบรนด์เสื้อผ้าจากเกาหลี aeme de la vie (ADLV) และล่าสุดเข้าซื้อกิจการแบรนด์รองเท้าไทย O&B

ปี 2567 ที่ผ่านมาริช สปอร์ต มีรายได้รวม 1,570 ล้านบาท กำไร 133 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อนหน้า 7% โดยพอร์ตใหญ่ยังคงเป็นแบรนด์คอนเวิร์ส ซึ่งมีฐานลูกค้าแน่นหนาในฐานะแบรนด์ที่มีอายุมากกว่า 100 ปี ส่วน O&B กลับมาทำกำไรได้ทันทีหลังเข้าซื้อกิจการเมื่อปี 2566 และโต 70% ในปี 2567

“การซื้อ O&B ไม่ได้ทำให้มีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น เรามี Know How ในฐานะผู้จัดจำหน่ายรองเท้า รู้วิธีบริหารสต๊อก การจัดการหน้าร้าน พอซื้อมาเราเปิดเพิ่ม 10 สาขา ออกคอลเลกชันที่ทำงานร่วมกับเซเลบริตี้ ดารา ดันยอดขายสูงขึ้น”

นอกจากการขยายแบรนด์รองเท้าแล้ว คุณเอ็กซ์ยังมองไปถึงการนำเข้าและจัดจำหน่ายสินค้าแบรนด์แฟชั่นอื่น เช่น เสื้อผ้า แม้จะยังลองผิดลองถูกอยู่ ล่าสุด เพิ่งยุติการเป็นตัวแทนจำหน่ายแบรนด์ชุดว่ายน้ำชั้นนำ “Barrel” จากเกาหลี เพราะตลาดเมืองไทยไม่ตอบรับเท่าที่ควร “มองว่าการขายรองเท้า เป็นเรื่องยากที่สุดแล้ว นอกจากสี แบบ รองเท้ายังมีไซส์ที่หลากหลายที่สุด มากกว่าเสื้อผ้า เราขายรองเท้ามา 41 ปีแล้ว การขยับไปขายเสื้อผ้า กระเป๋าแฟชั่น เป็นทิศทางที่ควรไป”

ปีนี้จึงจะเป็นปีที่ริช สปอร์ต มองหาโอกาสในการเจรจานำเข้าแบรนด์แฟชั่นต่างประเทศ ตลอดจนการเข้าซื้อกิจการเพื่อต่อยอดธุรกิจเพิ่มเติม นอกจากเป้าหมายสำคัญคือการเดินหน้านำแบรนด์ O&B ออกไปปักหมุดในต่างประเทศ

เติบโตมาจากธุรกิจตัวแทนจำหน่าย ขณะที่ โมเดล “คนกลาง” เริ่มจะล้มหายตายจาก คุณเอ็กซ์ อธิบายว่า สำหรับธุรกิจรองเท้า การขายผ่านตัวแทน จำหน่าย ยังได้รับความนิยม แม้จะมีแบรนด์ระดับโลกมากมายที่ใหญ่ มีพละกำลัง ความเชี่ยวชาญพอที่จะเข้ามาทำตลาดในประเทศเอง แต่หลายแบรนด์ยังจัดจำหน่ายผ่านตัวแทน เพราะมองหาคนที่เชี่ยวชาญตลาดในประเทศมากกว่า “สิ่งสำคัญที่สุดคือการมองให้ทะลุว่าลูกค้ากำลังมองหาสินค้าแบบใด”

คุณเอ็กซ์ยังยอมรับว่า ภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน ค่อนข้างหนักหนาที่สุดเท่าที่เธอเคยเผชิญหน้า ฉุดรั้งกำลังซื้อ จึงอาจจำเป็นต้องมีโปรโมชันกระตุ้นตลาด พร้อมๆกับการบริหารสต๊อกอย่างมีประสิทธิภาพ เพราะสต๊อกคือต้นทุน

สำหรับเธอ...การฟันฝ่า รับมือกับความท้าทายทั้งในอดีต ปัจจุบัน และอนาคต เป็นการทำงานร่วมกับทีม “เอ็กซ์ไม่สามารถทำงานคนเดียวได้ เรามีทีมหลังบ้านที่แข็งแกร่ง ทั้งที่ประจำอยู่ในออฟฟิศ 100 กว่าชีวิต และพนักงานที่ประจำตามจุดขายอีก 400 คน พวกเขาเข้าใจแบรนด์ในเครือของเราเป็นอย่างดี”

ในฐานะทายาทธุรกิจ คุณเอ็กซ์ปิดท้ายกับ “Business on my way” ว่า คุณพ่อเปิดโอกาสให้ทำงานในแบบฉบับของตัวเองอย่างเต็มที่ ไม่สอน ไม่พูดเยอะ ไม่แทรกแซง ปล่อยให้คิดค้น ลองดู และเรียนรู้เอง การสืบทอดธุรกิจครอบครัวของตัวเธอ จึงเป็นไปโดยเต็มใจ สนุกสนาน และได้บทเรียนจากการลงมือ.

เลดี้แจน

คลิกอ่านคอลัมน์ “Business on my way” เพิ่มเติม