
S2O Songkran Music Festival หรือที่หลายคนรู้จักกันในชื่อ S2O คือหนึ่งในมหกรรมดนตรีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของประเทศไทย และได้รับความนิยมอย่างล้นหลามจากทั่วโลกจากการขยายตัวไปยังตลาดต่างประเทศ เช่น ญี่ปุ่น เกาหลี ฮ่องกง จีน และนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา
ประเพณีสงกรานต์ของไทยได้พัฒนากลายเป็นจุดหมายปลายทางระดับโลกสำหรับนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีการผสมผสานกับมหกรรมดนตรีระดับนานาชาติอย่าง S2O Songkran Music Festival ที่ได้ยกระดับประเพณีการเล่นน้ำของไทยให้กลายเป็นซอฟต์พาวเวอร์ที่ทรงพลังในการดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติ
และจากการเติบโตและพัฒนาอย่างต่อเนื่องมาตลอด 10 ปีของเทศกาลดนตรี S2O นั้น ทำให้ผู้บริหารทั้งสองอย่าง วู้ดดี้ - วุฒิธร มิลินทจินดา และ ปุลิน มิลินทจินดา เล็งเห็นโอกาสที่จะยกระดับธุรกิจให้แข็งแกร่งมากขึ้นด้วยการย้ายสถานที่จัดงานไปยัง "ราชมังคลากีฬาสถาน" และทุ่มงบกว่า 250 ล้านบาทในการจัดงานเทศกาลดนตรีร่วมกับฉลองประเพณีสงกรานต์
โดยความพิเศษของ S2O คือการนำเสนอประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใครด้วยการผสมผสานวัฒนธรรมไทยกับความบันเทิงระดับสากล ภายใต้คอนเซ็ปต์ "พลังงานแห่งน้ำ" ซึ่งสะท้อนถึงเอกลักษณ์ของไทยที่ไม่มีในประเทศอื่น เพราะชาวต่างชาติจะได้ร่วมฉลองประเพณีปีใหม่ไทยพร้อมกับสนุกกับดนตรีจากดีเจระดับโลก
ดังนั้นการจัดเทศกาลดนตรีด้วยการใช้น้ำเป็นหลักสะท้อนให้เห็นถึงวัฒนธรรมความเป็นไทยที่ไม่เหมือนกับประเทศอื่นๆ เพราะคนไทยโตมากับสงกรานต์ที่ใช้น้ำสาดใส่กันเพื่อฉลองวันปีใหม่ไทยในขณะที่ประเทศอื่นไม่มีแบบนี้ นี่จึงเป็นจุดเด่นและซอฟต์พาวเวอร์ของไทยที่หาไม่ได้จากที่ไหนอีก
ในปี 2025 นี้ S2O ได้ยกระดับการจัดงานครั้งใหญ่ฉลองครบรอบ 10 ปี ด้วยการย้ายสถานที่จัดงานไปยัง "ราชมังคลากีฬาสถาน" ซึ่งสามารถรองรับผู้เข้าร่วมงานได้มากถึง 100,000 คนตลอดสามวันสามคืน โดยผู้จัดงานได้ทุ่มงบประมาณกว่า 250 ล้านบาทในการจัดงานครั้งนี้ ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ใช้งบประมาณราว 200 ล้านบาท
"ในวาระครบรอบ 10 ปีสุดพิเศษนี้ เราได้ย้ายมาปักหมุดที่ราชมังคลากีฬาสถาน ซึ่งไม่เพียงแค่รองรับแฟนๆได้มากขึ้น แต่ยังเป็นการยกระดับงานเฟสติวัลไทยสู่เวทีระดับโลกอีกด้วย" วุฒิธร มิลินทจินดา กล่าว
การเติบโตที่ใหญ่ขึ้นก็ต้องใช้เงินมากขึ้นด้วยเช่นกัน โดยทาง S2O ได้ทุ่มเงินกว่า 250 ล้านบาทเพื่อสร้างเทศกาลดนตรีที่ยิ่งใหญ่ มีเทคโนโลยีอันล้ำสมัยในการฉีดน้ำแบบ 360 องศา และมีดีเจระดับโลกหลายคนมารวมตัวกัน ซึ่งนับว่าเป็นการลงทุนขึ้นเยอะกว่าปีก่อนที่ใช้เงินในการจัดงานอยู่ที่ราวๆ 200 ล้านบาท และทางผู้จัดงานกล่าวว่าในปีนี้คาดหวังที่จะเติบโตมากขึ้น 25% และกวาดรายได้ประมาณ 350 ล้านบาทจากงาน S2O Songkran Music Festival ปี 2025
ปุลิน มิลินทจินดา กรรมการผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการและผู้ร่วมก่อตั้ง กล่าวถึงการกระตุ้นเศรษฐกิจไทยว่าเทศกาลดนตรีนี้จะส่งผลดีต่อการท่องเที่ยวไทยเป็นอันดับแรก เพราะหากย้อนกลับไปเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ตอนที่คุณปุลินจองโรงแรมให้ศิลปินยังมีห้องว่างเหลืออยู่ แต่ทุกวันนี้ห้องแน่นไปหมดและราคาก็แพงขึ้น สะท้อนให้เห็นว่านักท่องเที่ยวหลั่งไหลเข้ามาในไทยกันมากขึ้นในช่วงสงกรานต์เพราะต้องการมาฉลองปีใหม่ไทย รวมถึงเข้าร่วมงานเทศกาลดนตรี S2O ด้วย
"ตอนที่คุยกับทางโรงแรมเขาบอกกับเราว่างานของเราเป็นหนึ่งในสิ่งที่ทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเริ่มเข้ามาในประเทศไทยช่วงสงกรานต์มากขึ้น" ปุลินกล่าว
สำหรับผลกระทบทางเศรษฐกิจจากงาน S2O มีมหาศาล โดยคาดการณ์ว่าจะสร้างเงินสะพัดในประเทศไทยกว่า 1,400 ล้านบาท ซึ่งเกิดจาก
การใช้จ่ายของนักท่องเที่ยว: มีการคาดการณ์ว่าผู้เข้าร่วมงานแต่ละคนจะใช้จ่ายเฉลี่ยประมาณ 20,000 บาทในช่วงเทศกาล
นักท่องเที่ยวต่างชาติ: กว่า 50% ของผู้เข้าร่วมงานเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยเฉพาะจากจีน มาเลเซีย เกาหลี ญี่ปุ่น และอินโดนีเซีย ซึ่งนำเงินตราต่างประเทศเข้ามาหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจไทย
ธุรกิจท่องเที่ยวและบริการ: โรงแรมในช่วงสงกรานต์มีอัตราการเข้าพักเต็ม และมีราคาสูงขึ้น สะท้อนถึงความต้องการที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก
การจ้างงานในประเทศ: งบประมาณกว่า 250 ล้านบาทส่วนใหญ่ถูกใช้ในการจ้างทีมงานคนไทย ทำให้เงินเหล่านี้หมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจภายในประเทศ
ธุรกิจในพื้นที่: ร้านค้าและธุรกิจในบริเวณใกล้เคียงกับราชมังคลากีฬาสถานได้รับผลประโยชน์โดยตรงจากการมีผู้คนจำนวนมากเข้ามาในพื้นที่
ทั้งนี้ ผู้บริหารทั้งสองท่านยังกล่าวเพิ่มเติมถึงกุญแจสำคัญที่ทำให้ธุรกิจประสบความสำเร็จมาตลอด 10 ปี คือการเก็บทุกงานที่เคยเกิดขึ้นมาตรวจสอบซ้ำอีกครั้งว่าสิ่งไหนที่ทำแล้วดีกับไม่ดี การบริหารธุรกิจ S2O นั้นต้องไม่ใช่เพียงแค่รักษามาตรฐาน แต่ยังต้องทำให้ดีขึ้นเสมอ
และจุดแข็งที่ทำให้ S2O สามารถสร้างมูลค่าทางการตลาดได้คือการมีฐานแฟนเพลงขนาดใหญ่ที่เชื่อมั่นในแบรนด์และศิลปินที่แสดงในงาน เพราะบางครั้งแฟนคลับก็ไม่ได้สนใจว่างานน้ีคืออะไร แค่มาเพื่อเชียร์ศิลปินที่ชอบเท่านั้น แต่หลังจบงานก็จะหลงรัก S2O และเชื่อมั่นในแบรนด์จนต้องกลับมาอีกครั้ง
การพัฒนาประเพณีสงกรานต์ให้กลายเป็นเทศกาลระดับโลกด้วยการผสมผสานกับมหกรรมดนตรีแสดงให้เห็นถึงการใช้ทุนทางวัฒนธรรมเพื่อสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจอย่างชาญฉลาด การส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์ด้านวัฒนธรรมไทยผ่านรูปแบบที่ทันสมัยและเข้าถึงคนรุ่นใหม่ทั่วโลกได้กลายเป็นกลยุทธ์สำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจการท่องเที่ยว
ดังนั้นการจัดงานดนตรีในช่วงสงกรานต์นั้นจึงเป็นเหมือนเรากำลังดึงเอาจุดเด่นของประเทศไทยมาทำให้นักท่องเที่ยวนั้นไม่ใช่แค่ได้เล่นน้ำในงานดนตรีเท่านั้น แต่ยังได้ร่วมฉลองวันปีใหม่ไทยอีกด้วย ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นตัวกระตุ้นที่ทำให้ชาวต่างชาติหลั่งไหลเข้ามาในช่วงสงกรานต์และเปรียบเหมือนโอกาสทองของเศรษฐกิจไทยที่จะได้รับผลกระทบเชิงบวกทางการเงินจากวันสงกรานต์และนักท่องเที่ยวที่มาเพื่อร่วมงานดนตรีในครั้งนี้