จากสติกเกอร์ส่งในแชทสู่ธุรกิจสร้างสรรค์ “คาแรคเตอร์ระดับโลก” IPX โมเดลทำเงินได้ไม่รู้จบของ LINE

Business & Marketing

Marketing & Trends

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

จากสติกเกอร์ส่งในแชทสู่ธุรกิจสร้างสรรค์ “คาแรคเตอร์ระดับโลก” IPX โมเดลทำเงินได้ไม่รู้จบของ LINE

Date Time: 8 มี.ค. 2568 11:31 น.

Video

SAWAKAMI บลจ.ญี่ปุ่นบุกไทย | BrandStory Exclusive EP.26

Summary

Thairath Money คอลัมน์ BrandStory ครั้งนี้เจาะโมเดลทำเงินได้ไม่รู้จบของ LINE ที่มีจุดเริ่มต้นจากการทำสติกเกอร์ หลายคนไม่รู้ว่านอกจากการเป็นแอปแชทแล้วนั้นยังเป็น “สตูดิโอสร้างสรรค์ระดับโลก” ที่เชี่ยวชาญด้านการออกแบบคาแรกเตอร์และการพัฒนาประสบการณ์เกี่ยวกับทรัพย์สินทางปัญญา (IP) ครบวงจรให้กับแบรนด์และศิลปิน โดยเฉพาะการต่อยอดสู่ K-POP IP ให้ศิลปินเกาหลี สร้างปรากฏการณ์ใหม่ให้ไอดอลในโลกคาแรคเตอร์หลังจากนี้

Latest


“หมีบราวน์” “กระต่ายโคนี่” “ลูกเจี๊ยบแซลลี่” ต้นกำเนิด LINE FRIENDS สติกเกอร์สุดคลาสสิกที่หลายคนคุ้นเคย ไม่ใช่แค่สติกเกอร์พูดแทนใจ ท่าทางน่ารักที่ใช้ส่งหากันในแชทเท่านั้น แต่ทุกวันนี้ได้กลายเป็นตัวละครที่มีเรื่องราว มีแฟนคลับ มีคาแรกเตอร์อันเป็นเอกลักษณ์ที่สร้างเงินมหาศาลให้กับ LINE อย่างไม่รู้จบ

กว่า 14 ปีจากจุดเริ่มต้นในปี 2011 ที่แอปพลิเคชันไลน์เข้ามาเปลี่ยนวิธีการสื่อสารของผู้คนในยุคที่สมาร์ทโฟนเริ่มแพร่หลายนั้น “สติกเกอร์ไลน์” กลายเป็นหนึ่งกลยุทธ์หลักที่ทำให้การส่งข้อความหากันมีชีวิตชีวา สามารถถ่ายทอดความรู้สึกมากกว่าตัวอักษร และทำให้ผู้ใช้ LINE ทั่วโลกชื่นชอบและใช้งานอย่างแพร่หลาย

ด้วยความนิยมที่เพิ่มขึ้นกองทัพ LINE FRIENDS ทั้ง 11 ตัวเติบโตขึ้นเป็น ‘แบรนด์ระดับโลก’ ที่มีการต่อยอดทางธุรกิจมากมายที่จับต้องได้ ทั้งสินค้า ไลฟ์สไตล์ กิจกรรมการตลาด อีเวนต์ และประสบการณ์หลากหลายที่เชื่อมโยงกับคาแรกเตอร์ ทำให้ LINE ขยายพอร์ตโฟลิโอไปสู่ “ธุรกิจ IP” (Intellectual Property Business) จัดตั้งบริษัทที่บริหารและดำเนินธุรกิจทรัพย์สินทางปัญญาเต็มรูปแบบ

ในปี 2022 บริษัทได้รีแบรนด์เป็น “IPX” ที่มาจากคำว่า IP และ Experiences เพื่อรองรับการขยายตัวของ IP ใหม่ๆ และสร้างประสบการณ์ที่มากกว่าตัวละครดั้งเดิม และได้เปลี่ยนชื่อจากเดิม คือ LINE FRIENDS Corporation สู่ IPX Corporation เพื่อพัฒนาสู่การเป็น Creative Studio ที่เน้นการทำงานสร้างสรรค์คอนเทนต์และพัฒนา “คาแรคเตอร์” รวมถึงการดูแลเรื่อง “ลิขสิทธิ์” ให้โดยเฉพาะ

จากสติกเกอร์ สู่ เกม แอนิเมชัน ร้านค้า คาเฟ่ สวนสนุก โรงแรม

สิ่งที่โดดเด่นคือการที่ IPX ไม่ได้มองว่าตัวเองเป็นเพียงแค่นักปั้นคาแรกเตอร์ แต่เป็น ผู้สร้างประสบการณ์ (Experience Creator) ที่นำคาแรกเตอร์มาเป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างแบรนด์กับไลฟ์สไตล์ของกลุ่มเป้าหมาย กลยุทธ์นี้ช่วยสร้างความผูกพันกับกลุ่มเป้าหมายได้ในระดับที่ลึกขึ้น ไม่ใช่แค่ผ่านสินค้า แต่ผ่านประสบการณ์ที่หลากหลายในชีวิตประจำวันทั้งออฟไลน์และออนไลน์ โดยมี IP หรือคาแรกเตอร์นั้น ๆ เป็นศูนย์กลาง

Retail Experiences ที่เริ่มต้นจากการทำร้านค้าป็อปอัพ หรือ ‘LINE FRIENDS Store’ ที่ได้รับความนิยมและมีสาขาอยู่ในหลายประเทศ นอกจากนี้ยังสร้างพื้นที่ค้าปลีกพิเศษที่มีธีมเฉพาะเพื่อมอบประสบการณ์ที่แปลกใหม่ให้กับแฟนๆ เช่น แคมเปญตามฤดูกาลและการตกแต่งในศูนย์การค้าต่างๆ ที่เป็นพาร์ทเนอร์อีกด้วย

Partnership Licensing โดยให้สิทธิ์การใช้ IP ใช้ชื่อ LINE FRIENDS ทำกิจกรรมการตลาดและสื่อสาร โดยให้ความสำคัญกับพาร์ทเนอร์และแบรนด์ที่มีเป้าหมายและแนวทางธุรกิจที่สอดคล้องกันและโฟกัสที่กลุ่ม Millennials และ Gen Z อย่างชัดเจน ทำให้แบรนด์ที่ต้องการเข้าถึงกลุ่มนี้เลือกที่จะร่วมงานด้วย

โดยที่ผ่านมา LINE FRIENDS จับมือกับพาร์ทเนอร์และพันธมิตรกว่า 1,300 ทั่วโลกทั้งโกลบอลแบรนด์และแบรนด์ท้องถิ่น ไม่ว่าจะเป็น อาหารเครื่องดื่ม ไลฟ์สไตล์ห้างค้าปลีก กลุ่มแฟชั่น เสื้อผ้า เครื่องประดับ อุปกรณ์เทคโนโลยี เครื่องใช้ไฟฟ้า และอีกมามาย ในการนำคาแรคเตอร์ไปทำผลิตภัณฑ์ลิขสิทธิ์ (Character Merchandise) การออกแบบร่วมกันที่ยังคงเอกลักษณ์และตัวตนของทั้งสองเอาไว้ (Incorporate Design) ไปจนถึงประสบการณ์อีเวนต์ (Carnival Event) จัดกิจกรรมที่เปิดโอกาสให้แฟนๆ ได้มีปฏิสัมพันธ์กับ IP โดยตรง เช่น ร้านป๊อปอัปของ IP ต่างๆ อย่าง Minini, BT21 รวมถึงอีเวนต์ นิทรรศการ ขนาดใหญ่ภายในศูนย์การค้า

นอกจากนี้ IPX ยังพัฒนาและร่วมมือในการสร้างประสบการณ์ที่จับต้องได้แบบ Location-Based Entertainment เช่น ทำโรงแรม สวนสนุก และคาเฟ่ ธีม LINE FRIENDS ที่ Customize ตามแต่ละสถานที่แต่ละสาขามีเอกลักษณ์เฉพาะตัว รวมถึงช่อง Digital Experiences ทางดิจิทัลที่เพิ่มการมีส่วนร่วมของแฟนๆ ผ่านการพัฒนาอินฟลูเอนเซอร์และอวาตาร์เสมือนจริง รวมถึงการสร้างแคมเปญ AR และเผยแพร่เนื้อหาผ่านบัญชีโซเชียลมีเดียของแต่ละ IP นอกจากนี้ IPX ยังเคยร่วมผลิตซีรีส์แอนิเมชันกับ Netflix ซึปั่งจจุบันให้ความสำคัญกับการพัฒนาเนื้อหาในรูปแบบ in-house มากขึ้นอีกด้วย 

พาไอดอลเข้าสู่โลกคาแรคเตอร์

ปัจจุบัน IPX บริหารจัดการ IP หลักหลายรายการ โดยสามารถแบ่งได้เป็น 4 กลุ่มหลัก ได้แก่ LINE FRIENDS คาแรกเตอร์ต้นฉบับจากสติกเกอร์ที่เติบโตเป็นแบรนด์ระดับโลก, Minini คาแรกเตอร์ฉบับตัวจิ๋วที่มีความซุกซนและสดใสขึ้น ได้รับความนิยมในกลุ่ม Gen Z, BT21 คาแรกเตอร์ที่พัฒนาร่วมกับวง BTS ซึ่งมีฐานแฟนคลับทั่วโลก 

และ K-POP IP ที่เริ่มขยายเพิ่มเติมหลังมองเห็นกระแสเคป็อปเติบโตทั่วโลก อยากเป็นตัวกลางในการเชื่อมโยงกับศิลปินกับแฟนคลับผ่านสินค้า Artist Merchandise ในร้านค้าป็อปอัพไปจนถึงการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย เช่น Zeroni (Zero base one) Bunini (NewJeans) และ (G)i-dle minini โดยในปีนี้ยังเตรียมเปิดตัวโปรเจกต์ K-POP Collaboration อีกมากมายที่ฐานแฟนคลับแข็งแกร่งอย่าง G-Dragon ที่จะมาร่วมพัฒฒนาคาแรคเตอร์ใหม่ที่ได้แรงบันดาลใจจาก แมว สัตว์เลี้ยงตัวโปรด และดอกเดซี่ประจำตัวจากแบรนด์ PEACEMINUSONE

นอกจากนี้ยัง IP อีกจำนวนมากที่จะทยอยเปิดตัวใหม่อย่าง JOGUMAN ไดโนเสาร์สีเขียวสุดกวน และ DINATAENG ควอกก้าตัวจิ๋ว ซึ่งเตรียมเข้าสู่ตลาดไทยด้วยเช่นกัน 

โดยปัจจุบันบริษัทระบุว่า IPX มีจำนวนมากกว่า 10 IPs ประกอบไปด้วย LINE FRIENDS , BT21, minini, WADE (Virtual IP), ROY6, KARTRIDER (กลุ่มเกมส์) GENSHIN minini (กลุ่มเกมส์), USAMARU (ในประเทศญี่ปุ่น), SEALOOK (ในประเทศจีน), JOGUMAN และ DINOTAENG

ปฏิเสธไม่ได้ว่า IPX สร้างมูลค่าให้กับ IP และขยายฐานแฟนๆ ทั่วโลก โดยอาศัยทั้งช่องทางออฟไลน์และดิจิทัลเพื่อมอบประสบการณ์ที่มีเอกลักษณ์และสร้างความผูกพันกับผู้บริโภค ทำให้ IPX สามารถเข้าถึงอุตสาหกรรมและพันธมิตรที่แตกต่างกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ 

สอดคล้องไปกับการเติบโตของอุตสาหกรรมทรัพย์สินทางปัญญา (IP Business)ในปัจจุบัน โดยเฉพาะในเอเชียที่มีความต้องการคอนเทนต์และตัวละครที่สามารถสร้างความผูกพันกับผู้บริโภค ด้วยแนวโน้มของอุตสาหกรรม โมเดลดังกล่าวมีโอกาสขยายธุรกิจไปยังหลายอุตสาหกรรม และสามารถพัฒนาโมเดลธุรกิจที่สามารถสร้างรายได้อย่างยั่งยืนในระยะยาว

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ -   


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ