
โลกใกล้ถึงช่วงเวลาเปลี่ยนผ่านความมั่งคั่ง ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า Gen Z จะกลายเป็นกลุ่มคนที่มีอิทธิพลต่อเศรษฐกิจโลกอย่างคาดไม่ถึง โดยปัจจุบันประชากร Gen Z มีสัดส่วนมากถึง 25% ของประชากรโลกและในอนาคตคาดว่าจะเป็นประชากรส่วนใหญ่ของโลก นอกจากนี้ยังเป็นกลุ่มที่คาดว่าจะมีความมั่งคั่งรวมกันมากกว่าคนรุ่นก่อน โดยในปี 2030 จะมีกำลังซื้อเพิ่มขึ้น 18.7% หรือ 12.6 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ของกำลังซื้อทั่วโลก แซงหน้า Baby boomers
ด้วยเหตุนี้ธุรกิจต่างๆ จึงต้องเข้ามาทำการตลาดและให้ความสำคัญกับคน Gen Z มากขึ้น เพื่อเตรียมพร้อมรับมือคนรุ่นใหม่ที่จะกลายเป็นลูกค้าเป้าหมายในอนาคต
Thairath Money ชวนอัปเดต 5 กลยุทธ์ขายของพิชิตใจคน Gen Z ที่แบรนด์ต้องรู้
1. Private Brand ต้องแข่งความพรีเมียม
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา สินค้า Private Label หรือสินค้าที่ผู้ค้าปลีกเป็นเจ้าของ เช่น อาหารและเครื่องดื่มที่ผลิตโดยห้างสรรพสินค้าต่างๆ ได้รับความนิยมมากขึ้นในหมู่คน Gen Z เนื่องจากมีราคาถูกและคุณภาพใกล้เคียงกับสินค้า National Brand ซึ่งเป็นสินค้าที่ผลิตโดยโรงงานและผู้ผลิตเป็นเจ้าของแบรนด์โดยตรง หาซื้อง่ายทำให้แบรนด์ติดตลาดคนทั่วไปรู้จักและบริโภคเป็นประจำ
โดย 67% ของคน Gen Z มองว่า สินค้า Private Label มีคุณภาพดีเทียบเท่ากับ National Brand จึงเป็นโอกาสของผู้ประกอบการค้าปลีกให้หันมาแข่งพัฒนาคุณภาพสินค้าให้ดียิ่งขึ้น โดยอาจผลิตสินค้าที่มีความพรีเมียม ทำกำไรจากราคาขายที่เพิ่มขึ้น จากเดิมที่มีข้อได้เปรียบจำกัดในแง่ของการแข่งขันด้านราคา เนื่องจากมีช่องทางการขายเฉพาะ ทำให้ผู้บริโภคไม่มีตัวเลือกเปรียบเทียบราคา และไม่ต้องใช้งบไปกับการโฆษณาเหมือนแบรนด์ใหญ่
2. ใช้ประโยชน์จากอิทธิพล Gen Z
เนื่องจาก Gen Z ส่วนใหญ่ยังอยู่ในวัยเรียน และยังไม่มีรายได้เป็นของตัวเอง จึงต้องอาศัยอยู่กับครอบครัว ดังนั้นจึงต้องบริโภคของกินของใช้ร่วมกับสมาชิกในครอบครัว แม้จะไม่ได้เป็นคนไปซื้อสินค้าเองโดยตรง แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าคน Gen Z มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้อกับครอบครัว
สะท้อนจากผลสำรวจเปรียบเทียบครัวเรือนที่มีสมาชิกเป็นคน Gen Z อย่างน้อย 1 คน กับครัวเรือนที่ไม่มี พบว่า ครัวเรือนที่มีสมาชิกเป็นคน Gen Z นิยมซื้อสินค้าแบบแพ็กรวม (Combo Packs) ซึ่งประกอบด้วยสินค้าหมวดหมู่เดียวกัน หลายประเภท และสินค้าแบบคละแบบ (Variety Packs) ซึ่งเป็นสินค้าประเภทเดียวกันแต่แตกต่างกันที่สี กลิ่น หรือรสชาติ โดยพฤติกรรมการซื้อดังกล่าวมักพบในสินค้าหมวดอาหาร, สุขภาพและความงาม โดยเฉพาะสินค้าดูแลผม ผิวหน้า และเล็บ
อิทธิพลของคน Gen Z ไม่ได้จำกัดแค่ในครอบครัวเท่านั้น แต่ยังมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้อของกลุ่มเพื่อน เนื่องจากเป็นรุ่นที่เติบโตมาพร้อมกับเทคโนโลยี จึงคุ้นเคยกับการแบ่งปันประสบการณ์และมุมมองที่มีต่อสิ่งต่างๆ กับคนรุ่นเดียวกันผ่านโซเชียลมีเดีย จากผลสำรวจพบว่า ความคิดเห็นจากเพื่อน เป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อเป็นอันดับ 5 ดังนั้นหากต้องการขายของให้กับคน Gen Z แบรนด์ต้องรู้จักใช้ประโยชน์จากอิทธิพลความเป็นคอนเทนต์ครีเอเตอร์ของคนกลุ่มนี้
3. ทำการตลาดให้ถูกช่องทาง
แม้การเข้ามาของเทคโนโลยีจะทำให้คนนิยมซื้อของในช่องทางออนไลน์ แต่คนแต่ละรุ่นก็มีความชอบและคุ้นเคยกับช่องทางการซื้อที่แตกต่างกันไป สำหรับคน Gen Z เป็นกลุ่มที่ต้องการความรวดเร็วในการเลือกซื้อและได้รับสินค้า จึงนิยมซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ แต่ทั้งนี้ความนิยมของแพลตฟอร์มจะแตกต่างกันไปตามหมวดหมู่สินค้า
โดยคน Gen Z มักซื้ออาหารผ่านแอปพลิเคชัน เป็นอันดับแรก รองลงมาเป็นโซเชียลมีเดียเพื่อหาดีลที่คุ้มที่สุด สำหรับสินค้าเพื่อความสวยความงาม และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ มักซื้อจากเว็บไซต์ เนื่องจากเป็นสินค้าที่มีราคาสูง จึงต้องการข้อมูลในการเปรียบเทียบรายละเอียดสินค้า เพื่อให้สินค้าเข้าถึงคน Gen Z มากขึ้น แบรนด์ต้องจัดลำดับความสำคัญว่าสินค้าแต่ละประเภทควรขายบนช่องทางไหน พร้อมยกระดับการทำการตลาดบนเว็บไซต์ สร้างการบอกต่อสินค้าแบบปากต่อปาก ผ่านอินฟลูเอนเซอร์
4.หาพื้นที่ตรงกลางระหว่างความยั่งยืนและเทรนด์
Gen Z ถือเป็นคนกลุ่มคนที่มีจุดยืนเป็นของตัวเองชัดเจน ไม่เพิกเฉยกับปัญหาทั้งระดับสังคมและระดับโลก ท่ามกลางความไม่แน่นอนในปัจจุบัน คนกลุ่มนี้จึงให้ความสำคัญกับเศรษฐกิจและความยั่งยืนทางสิ่งแวดล้อมเป็นอันดับแรก จึงเลือกสนับสนุนแบรนด์ที่ยึดถือคุณค่าแบบเดียวกัน อย่างไรก็ตามก็มีคน Gen Z จำนวนไม่น้อยที่ขัดแย้งในตัวเอง พูดง่ายๆ ก็คือการพูดอย่าง ทำอย่าง
โดยผลสำรวจพบว่า 77% ของคน Gen Z กล่าวว่าจะไม่ซื้อสินค้าจากประเทศที่มีมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อมต่ำ แต่ในความเป็นจริงมีคนเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่ทำได้ สะท้อนว่าแม้พวกเขาจะมีแนวคิดให้ความสำคัญกับความยั่งยืน แต่ด้วยความเป็นวัยรุ่นทำให้อดไม่ได้ที่จะซื้อสินค้าตามกระแส โดยเฉพาะการอัปเดตเทรนด์เสื้อผ้า Fast Fashion และอุปกรณ์เทคโนโลยีใหม่ๆ อย่างโทรศัพท์มือถือ
ดังนั้นนี่จึงเป็นโอกาสของแบรนด์ในการปิดช่องว่าง ด้วยการเพิ่มคุณค่าการรับรู้ของผู้บริโภค นำเสนอคุณค่าของสินค้าให้ตอบสนองความต้องการที่หลากหลาย
5. สร้าง Brand Loyalty
คน Gen Z เป็นกลุ่มคนที่เกิดมาพร้อมกับทางเลือกมากมาย และมีความเป็นตัวของตัวเองสูง จึงให้ความสำคัญกับคุณค่าที่ตัวเองยึดถือ เป็นเหตุผลให้คนกลุ่มนี้มีความภักดีต่อแบรนด์น้อยเมื่อเทียบกับคนรุ่นอื่น ดังนั้นหากต้องการเพิ่มความภักดีกับคนกลุ่มนี้ แบรนด์จำเป็นต้องมีจุดยืนที่ชัดเจนว่ายึดถือคุณค่าอะไร พูดจริงทำจริงสื่อสารด้วยความจริงใจ แต่ก็ต้องมีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของลูกค้ากับแบรนด์ พัฒนาไปสู่การสร้างคอมมิวนิตี้
ที่มา
ติดตามคอนเทนต์ธุรกิจและการตลาดกับ Thairath Money ได้ที่
https://www.thairath.co.th/money/business_marketing
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ https://www.facebook.com/ThairathMoney