
พันเอกสรรพชัยย์ หุวะนันทน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ NT เปิดเผยว่า แผนธุรกิจของ NT ในปี 2567 ซึ่งได้ผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการบริษัทแล้วนั้น มีการตั้งเป้าหมายรายได้ไว้ที่ 89,000 ล้านบาท ลดลงจากเป้าหมายในปีนี้ที่ตั้งไว้ที่ราว 98,000 ล้านบาท ส่วนผลกำไรประเมินไว้ที่ 2,000 ล้านบาท ยังไม่รวมงบสำหรับโครงการปรับลดพนักงาน แต่หากรวมแล้ว คาดว่าจะขาดทุนราว 1,700 ล้านบาท
“ในปี 2567 NT มีแผนปรับลดพนักงานลงอีก 1,200 คน จาก 800 คนในปีนี้ โดยหากปีหน้าโครงการเออร์ลี่รีไทร์หรือเกษียณก่อนอายุทำได้ตามเป้า NT จะต้องใช้เงินสนับสนุนให้พนักงานลาออกเป็นจำนวน 3,700 ล้านบาท ทำให้ผลประกอบการขาดทุนทันที”
ส่วนการวางกลยุทธ์ในแต่ละธุรกิจ ซึ่งแบ่งเป็น 5 กลุ่มหลัก ได้แก่ 1.ธุรกิจโมบายไร้สาย 2.ธุรกิจอินเตอร์เน็ตบรอดแบนด์ 3.ธุรกิจโครงสร้างพื้นฐาน 4.ธุรกิจโทรระหว่างประเทศ และ 5.ธุรกิจดิจิทัลนั้น ในปี 2567 จะมีการรัดเข็มขัดการใช้งบของธุรกิจที่ขาดทุนหรือเสี่ยงที่จะขาดทุน เริ่มจากธุรกิจอินเตอร์เน็ตบรอดแบนด์ ซึ่งจะไม่ขยายพื้นที่บริการเพิ่มแบบไร้ยุทธศาสตร์ และหันไปเน้นการลงทุนแบบรายโปรเจกต์ เช่น การบุกลูกค้าในกลุ่มหมู่บ้านจัดสรร โรงแรม
พันเอกสรรพชัยย์ ยังกล่าวถึงผลกระทบต่อธุรกิจอินเตอร์เน็ตบรอดแบนด์ภายหลังจากที่เอไอเอสได้เข้าซื้อกิจการ 3BB สำเร็จเรียบร้อยว่า เริ่มเห็นการแข่งขันด้านราคาที่ลดลง ขณะเดียวกันคู่แข่งที่ควบรวมกัน มีความได้เปรียบด้านโครงข่ายที่ครอบคลุมขึ้น อย่างไรก็ตาม NT ยังไม่เห็นผลกระทบที่มีนัยสำคัญเท่าใดนัก โดยจะหลีกเลี่ยงการแข่งขันโดยตรงกับคู่แข่งที่มีความแข็งแกร่ง และโฟกัสที่ลูกค้าส่วนใหญ่ของ NT ซึ่งเป็นกลุ่มที่จ่ายค่าบริการรายเดือนอยู่ที่ 400-500 บาท
ส่วนธุรกิจโมบายไร้สายนั้น นอกจากจะพยายามรักษาฐานลูกค้ามือถือที่มีอยู่ 2.3 ล้านรายไว้ให้ได้แล้ว จะเน้นแข่งขันในตลาดที่ไม่ชนโดยตรงกับผู้เล่นรายใหญ่ โดยจะเน้นลูกค้าองค์กร ซึ่ง NT มีความได้เปรียบจากการเป็นรัฐวิสาหกิจ รวมทั้งการบุกตลาดอุปกรณ์ IoT ในลักษณะ Machine to Machine
“ปีหน้า NT ยังมีแผนกลุ่มธุรกิจที่มีแนวโน้มดีออกตั้งเป็นบริษัทย่อย ขับเคลื่อนแบบบริษัทเอกชนและมีเป้าหมายนำเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯต่อไป ทั้งธุรกิจดิจิทัล ซึ่งเน้นบริการคลาวด์เป็นหลัก และธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ บริหารจัดการที่ดิน อาคารที่ NT มีเป็นจำนวนมาก นอกจากนั้นปีหน้ายังจะเป็นปีแรกที่ NT ขยับเข้าสู่การเป็นนักลงทุน Venture Capital หาโอกาสการลงทุนในบริษัทที่มีอนาคต สตาร์ตอัพ โดยบอร์ดได้อนุมัติเงินลงทุนก้อนแรกไว้แล้วที่ 800 ล้านบาท”
พันเอกสรรพชัยย์ ยังกล่าวถึงผลดำเนินการในปี 2566 ว่า ในช่วง 10 เดือนแรก (ม.ค.-ต.ค. 2566) มีรายได้ 72,233 ล้านบาท ลดลงประมาณ 11% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2565 ที่มีรายได้ 77,431 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม แม้รายได้จะลดลง แต่การปรับลดค่าใช้จ่ายทำได้อย่างมีประสิทธิภาพกว่าเป้าหมาย จึงยังมีลุ้นว่าปีนี้ NT จะสามารถพลิกกลับมาทำกำไรได้หรือไม่.
อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่