ไขความลับ ยูนิลีเวอร์ ทำอย่างไรถึงรู้จัก “ผู้ซื้อ” ตั้งแต่ก่อนเริ่มขายสินค้า

Business & Marketing

Marketing & Trends

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

ไขความลับ ยูนิลีเวอร์ ทำอย่างไรถึงรู้จัก “ผู้ซื้อ” ตั้งแต่ก่อนเริ่มขายสินค้า

Date Time: 2 ธ.ค. 2566 09:11 น.

Video

นาโอมิ - น้ำไฟแนนซ์ จัดการการเงินการลงทุนได้ ผ่านอะไรมาบ้าง | Thairath Money Roadshow 2025 หาดใหญ่

Summary

ถอดความสำเร็จของ “ยูนิลีเวอร์ ประเทศไทย” ผ่านการปรับทัพองค์กร ที่จะรู้ตั้งแต่ผู้บริโภคคือใคร ต้องการสินค้าอะไร ซื้อสินค้าเมื่อใด จากที่ไหน เพื่ออะไร มีกำลังซื้ออย่างไร จนนำไปสู่การเสริมสร้างความพึงพอใจต่อแบรนด์ และการก้าวสู่ Brand love ที่ทุกคนต้องมี “สินค้ายูนิลีเวอร์” ติดบ้าน

Latest


รู้หรือไม่ว่าของใช้ที่อยู่ภายในบ้านไม่ว่าจะเป็น สบู่ลักส์ ยาสระผมซันซิล ผงซักฟอกโอโม น้ำยาล้างจานซันไลต์ ล้วนแต่เป็นแบรนด์สินค้าในพอร์ตของบริษัทเดียวกัน นั่นก็คือ “ยูนิลีเวอร์” (Unilever) ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายที่อยู่ในกลุ่มธุรกิจ Fast-moving Consumer Goods (FMCG) หรือ สินค้าอุปโภคบริโภคชั้นนำระดับโลก ที่เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของคนมากที่สุด 

ทั้งนี้ “ยูนิลีเวอร์” ดำเนินธุรกิจในประเทศไทยมากว่า 90 ปี และยังได้รับความไว้วางใจจาก 98% ของ 25 ล้านครัวเรือนทั่วประเทศที่ใช้ผลิตภัณฑ์คุณภาพของยูนิลีเวอร์ไม่น้อยกว่า 3 ครั้งในแต่ละวัน ซึ่งมีมากกว่า 30 แบรนด์ จึงถือได้ว่ายูนิลีเวอร์เปรียบเสมือน “เพื่อนบ้าน” ของคนไทยเลยก็ว่าได้ 

ส่วนอะไรที่ทำให้ “ยูนิลีเวอร์” อยู่ในตลาดได้มานานจนถึงทุกวันนี้ เห็นจะเป็นการ “ไม่หยุดนิ่ง” ที่มุ่งพัฒนาผลิตภัณฑ์ รวมทั้งแบรนด์อย่างต่อเนื่อง ทั้งในด้านการคิดค้นนวัตกรรมและสินค้าเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค อีกฝั่งหนึ่ง คือ การปรับโฉมภาพลักษณ์ของแบรนด์ให้มีความทันสมัยรับกับปัจจุบัน นั่นจึงทำให้ “ยูนิลีเวอร์” เป็นหนึ่งในองค์กรที่สามารถบริหาร Brand Fortlio ให้ปัง จนสามารถติด 1 ใน 50 ของบริษัทที่คนรุ่นใหม่อยากร่วมงานด้วยมากที่สุดในปี 2566

“ดิจิทัล” กุญแจหลักขับเคลื่อนองค์กรสู่ความสำเร็จ

นิดารัตน์ อุไรเลิศประเสริฐ ผู้นำกลยุทธ์ฝ่ายข้อมูลของผลิตภัณฑ์ในครัวเรือน และกลุ่มบริษัทยูนิลีเวอร์ ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เปิดเผยว่า เมื่อโลกได้เปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัล ทำให้พฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง โดย “ยูนิลีเวอร์ ประเทศไทย” ได้เห็นศักยภาพของการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลในอุตสาหกรรม ซึ่งสร้างผลกระทบต่อการติดต่อสื่อสารระหว่างแบรนด์กับผู้บริโภคในทุกๆ วัน รวมทั้งเพื่อปลดล็อกการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว ยูนิลีเวอร์ ประเทศไทย จึงได้จัดตั้ง “Digital Media, and Commerce” หรือ ศูนย์กลางด้านสื่อและธุรกิจพาณิชย์ดิจิทัลขึ้น ที่ดึงผู้เชี่ยวชาญด้านต่างๆ มาทำงานร่วมกัน เพื่อคิดค้นนวัตกรรมและนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ เข้ามาพัฒนาผลิตภัณฑ์ และช่องทางจำหน่ายให้สอดคล้องกับยุคดิจิทัล โดยดำเนินการมากว่า 5 ปีแล้ว

ซึ่งมีการดำเนินงานสำคัญคือ สร้างสรรค์เนื้อหาให้สามารถตอบสนองต่อตลาดและผู้บริโภคได้อย่างรวดเร็ว โดยนำข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับลูกค้ามาประกอบการวางกลยุทธ์ด้านดิจิทัลตลอดจนสร้างสรรค์และดำเนินกิจกรรมการตลาดในรูปแบบต่างๆ กล่าวได้ว่ายูนิลีเวอร์ ประเทศไทย เป็นหนึ่งในผู้นำด้านการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลเลยก็ว่าได้

ทั้งนี้การขับเคลื่อนองค์กรด้วยดิจิทัลและนวัตกรรมที่ยูนิลีเวอร์ ประเทศไทย ครอบคลุม 3 มิติสำคัญ ประกอบด้วย

  1. การเปลี่ยนแปลงจากผู้บริโภคทั่วไปสู่ผู้บริโภคที่มีศักยภาพมากขึ้น เนื่องจากผู้บริโภคมีตัวเลือกในตลาดมากขึ้น และไม่ซื้อสินค้าจากจุดขายเพียงจุดเดียวอีกต่อไป แต่เลือกซื้อสินค้าจากหลากหลายช่องทางทั้งในออนไลน์และออฟไลน์ ดังนั้น ยูนิลีเวอร์ฯจึงต้องเข้าถึงและเข้าใจลูกค้ามากขึ้นเพื่อรักษาศักยภาพการแข่งขัน

    โดยนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยวิเคราะห์ผู้บริโภคเพื่อแบ่งกลุ่มลูกค้า นำเสนอแบรนด์และประเภทของผลิตภัณฑ์ให้สอดคล้องกับความต้องการที่แตกต่างกันออกไป พร้อมทั้งเลือกใช้ช่องทางการสื่อสารที่ลูกค้าแต่ละกลุ่มใช้งานมากที่สุดเพื่อสร้างและรักษาการมีปฏิสัมพันธ์กับลูกค้าได้อย่างราบรื่นตลอดเส้นทางตั้งแต่ก่อนตัดสินใจจนซื้อสินค้า

    รวมทั้งยังได้มีการนำข้อมูลมาใช้ทำความเข้าใจผู้บริโภคอย่างรอบด้านยิ่งขึ้น โดยดึงข้อมูลยอดขายในอดีตมาผนวกกับการใช้ Machine Learning พร้อมปัจจัยทางเศรษฐกิจและพฤติกรรมผู้บริโภคมาวิเคราะห์ เริ่มตั้งแต่ผู้บริโภคคือใคร ต้องการสินค้าอะไร ซื้อสินค้าเมื่อใด จากที่ไหน เพื่ออะไร และมีกำลังซื้ออย่างไร

    เพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างทันท่วงที ในช่องทางการจำหน่ายที่เหมาะสม และเป็นแนวทางการทำการตลาดระยะยาว (Business as Usual) แทนการเป็นแค่ไอเดียนำร่อง ที่จะต่อยอดสู่การนำอินไซต์ไปใช้เป็นแนวทางการทำการตลาดให้กับประเทศอื่นๆ ในภูมิภาค

  2. การเปลี่ยนแปลงจากการสื่อสารเป็นวงกว้างสู่การสื่อสารแบบเฉพาะกลุ่มแต่ครอบคลุม เนื่องจากผู้บริโภคแต่ละกลุ่มมีไลฟ์สไตล์และความต้องการที่แตกต่างกัน การผลิตสื่อโฆษณาเพียงเวอร์ชันเดียวสำหรับแต่ละผลิตภัณฑ์ย่อมไม่สามารถเข้าถึงใจของผู้บริโภคทุกกลุ่มได้ นำไปสู่การปรับแต่งเนื้อหาในโฆษณาตัวหลัก ให้มีความหลากหลายเฉพาะตามความต้องการของผู้บริโภค โดยคำนึงถึงรูปแบบและความเหมาะสมของแต่ละแพลตฟอร์ม

  3. การเปลี่ยนแปลงองค์กรด้วยการนำคลังข้อมูลมาใช้อย่างชาญฉลาดมากยิ่งขึ้น ผ่านการทรานส์ฟอร์มรูปแบบการทำงานภายใต้หลัก Single Source of Truth ซึ่งบุคลากรจากแต่ละแผนกสามารถเข้าถึงและอ้างอิงแหล่งข้อมูลชุดเดียวกันในการทำงานได้อย่างราบรื่น ทั้งยังนำเทคโนโลยีดิจิทัลมายกระดับประสิทธิภาพการทำงาน ลดเวลาและขั้นตอนที่ไม่จำเป็น เพื่อเสริมสร้างการมีคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้นของบุคลากร พร้อมทั้งได้พัฒนาแผนการสำหรับอนาคต (Future-Fit Plan)

    อย่าง Pond’s Skin Advisor Live: โปรแกรม Chatbot จาก “พอนด์ส” ที่ช่วยแก้ไขปัญหาผิวของผู้บริโภคได้อย่างตรงจุด โดยช่วยวิเคราะห์สภาพผิวหน้าพร้อมให้ข้อมูลและวิธีการดูแล รวมถึงแนะนำประเภทของผลิตภัณฑ์สกินแคร์ที่เหมาะสมสำหรับแต่ละสภาพผิวอีกด้วย

ส่วนโอกาสในอนาคต บริษัทฯ มองว่าทั้งภูมิภาคยังมีโอกาสอีกมากมาย สำหรับการพัฒนาแนวทางการตลาดที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล โดยจะยังคงดำเนินธุรกิจโดยมีผู้บริโภคเป็นศูนย์กลาง พร้อมทั้งยึดหลักสำคัญ 3 ประการ คือ Response ตอบสนองและปรับตัวอยู่ตลอดเวลาให้ตรงกับความต้องการและไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอของผู้บริโภค, Relatable สื่อสารและนำเสนอสินค้ารวมถึงบริการที่สะท้อนถึงความเข้าใจและเกี่ยวเนื่องกับการดำรงชีวิตของผู้บริโภค และ Respect นำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้เพื่อแสดงความเคารพและยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกกลุ่มในสังคม ไม่ว่าจะเป็นผู้บริโภค ลูกค้า บุคลากร และซัพพลายเออร์ 

“สุดท้ายนี้การนำกลยุทธ์ดิจิทัลมาใช้ เรามีการวัดผลทุกๆ ช่องทางว่าสามารถเข้าถึงผู้บริโภคได้อย่างแท้จริง อย่างเช่น คนคลิกดูหรือไม่ และเมื่อดูแล้วเกิดการซื้อผลิตภัณฑ์หรือไม่ และเมื่อซื้อแล้วสิ่งที่ได้รับกลับมาคุ้มค่ากับการลงทุนหรือไม่ มีผลตอบแทนเป็นอย่างไร ซึ่งถือได้ว่ามีการวัดผลที่ชัดเจนตั้งแต่ก่อนเริ่มโปรเจกต์ว่า Goal คืออะไร และสำเร็จหรือไม่มากน้อยแค่ไหน”  

ด้วยเหตุผลนี้เองทำให้ “ยูนิลีเวอร์” สามารถสร้างความพึงพอใจต่อแบรนด์ให้กับองค์กร ทำให้ลูกค้ายังคง “ซื้อซ้ำ” และนำไปสู่การสร้างความจงรักภักดีในตัวแบรนด์ ที่ถือเป็นกุญแจของความสำเร็จในการทำธุรกิจของยูนิลีเวอร์เลยก็ว่าได้


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ